Value Way :Sell in May and Go Away วิบูลย์ พึงประเสริฐ

[PERFECT LUCKY]

Value Way ฉบับวันที่ 1 มิถุนายน 2552
โดยวิบูลย์ พึงประเสริฐ
Sell in May and Go Away

ในตลาดหุ้นมักมีคำกล่าวที่ใช้กันอยู่่บ่อยๆเป็นประจำในการลงทุน เช่นปรากฏการณ์เดือนมกราคม (January Effect) ที่ราคาหุ้นมักสูงขึ้นในเดือนมกราคม โดยคาดการณ์ว่าอาจเกิดจากนักลงทุนโดยเฉพาะกองทุนและสถาบันมักเข้ามาสะสมหุ้นหลังปีใหม่ หลังจากที่ต้องขายหุ้นออกไปในช่วงสิ้นปีเพื่อปิดงบ เมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าราคาหุ้นจะสูงขึ้นในเดือนมกราคม จึงเข้ามาซื้อหุ้นไว้ตั้งแต่ปลายปีช่วงเดือนธันวาคม พอถึงเดือนมกราคมจริงๆหุ้นกลับตก เพราะทุกคนต่างจ้องที่จะขายหุ้นที่ถือไว้ ทำให้ปรากฏการณ์เดือนมกราคมมีความชลังน้อยลงไปมาก

นอกเหนือจากปรากฏการณ์เดือนมกราคมแล้ว มีคำกล่าวอีกประโยคหนึ่งซึ่งนักลงทุนต่างประเทศชอบใช้กันมากก็คือ ให้ขายหุ้นในเดือนพฤษภาคมและออกจากตลาดไป (Sell in May and go away) มาจากการคาดการณ์โดยใช้ข้อมูลในอดีตที่ว่า ตลาดหุ้นมักสูงขึ้นในช่วงต้นปีและขึ้นถึงจุดสูงสุดในเดือนพฤษภาคม จากนั้นตลาดจะตกต่ำลงไปถึงจุดต่ำสุดในเดือนตุลาคม จะเห็นว่าตลาดตกต่ำอย่างรุนแรงในช่วงหลายปีที่ผ่านมามักเกิดขึ้นในเดือนตุลาคมแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นวันจันทร์ทมิฬในอดีต (Black Monday) หรือเหตุการณ์วิกฤติซัพไพร์มที่เกิดขึ้นล่าสุดก็ตาม

สำหรับตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ดัชนีหุ้นเพิ่มขึ้นจาก 420 จุดมาอยู่ที่ 550 จุดในเดือนพฤษภาคม นักลงทุนอาจคิดใช้หลักการขายในเดือนพฤษภาแล้วออกจากตลาดไป หลัการนี้จะใช้ได้กับตลาดหุ้นไทยหรือไม่ ถ้านำสถิติย้อนหลังสิบปีของตลาดหุ้นมาวิเคราะห์โดยใช้ค่าเฉลี่ยของดัชนีเดือนพฤษภาคมเป็นเกณฑ์ จากนั้นเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยดัชนีเดือนตุลาคมของปีเดียวกัน ถ้าส่วนต่างเป็นลบหมายวามว่าดัชนีตลาดหุ้นเดือนพฤษภาคมสูงกว่าเดือนตุลาคม ผลความแตกต่างของดัชนีทั้งสองเดือนในแต่ละปีแสดงดังตารางข้างล่าง

ปี พ.ค. ต.ค. ส่วนต่าง
2008 801.12 409.19 -49%
2007 757.10 876.86 16%
2006 693.78 730.76 5%
2005 671.53 675.19 1%
2004 643.85 642.45 0%
2003 432.82 642.74 49%
2002 398.53 361.06 -9%
2001 316.34 288.86 -9%
2000 324.49 274.88 -15%
1999 487.69 408.84 -16%

จะเห็นว่าในช่วงสิบปีที่ผ่านมา ดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือนพฤษภาคมสูงกว่าดัชนีเดือนตุลาคมอยู่ 5 ปี (ผลต่างเป็นลบ) และต่ำกว่าเดือนตุลาคมอยู่ 5 ปีเช่นเดียวกัน แสดงว่าโอกาสที่ดัชนีเดือนพฤษภาจะสูงกว่าเดือนตุลามีเพียง 50% ถ้าสังเกตดูจะพบว่าช่วงปี 1999-2002 ดัชนีเดือนพฤษภาสูงกว่าเดือนตุลาทุกปี ซึ่งเป็นช่วงก่อนและหลังลอยตัวค่าเงินบาท และในช่วงหลังจากนั้นในปี 2003-2007 ดัชนีเดือนพฤษภาต่ำกว่าเดือนตุลาทุกปีเหมือนกัน ซึ่งใช่วงนั้นเป็นช่วงขาขึ้นของตลาดหุ้นไทย

จากข้อมูลที่ได้จะเห็นว่าคำกล่าวที่ว่าให้ขายหุ้นในเดือนพฤษภาคมและออกจากตลาดไป (Sell in May and go away) ไม่ได้เกิดขึ้นกับตลาดหุ้นไทยเป็นประจำทุกปี โอกาสที่หุ้นจะขึ้นหรือลงมากกว่าปัจจุบันนี้มีเท่าๆกัน

ดังนั้นตอนนี้จะขายหุ้นดีหรือไม่ นักลงทุนคงต้องใช้วิจารณญานจากข้อมูลอื่นๆประกอบมากกว่าใช้ความเชื่อที่มีมาแต่อดีตในการตัดสินใจ

[Diablo]

อืมม ขอบคุณครับ  :D

[ศิษย์เซียน007]

ขอบคุณครับ

ปี2003กับปี2008 ทำให้ผมนึกถึงรูปหยินหยางครับ  :8)

[Quantum of Solace]

ถ้าเทียบแค่ 6 ปีหลัง 2008 - 2003
ดัชนี เดือน ต.ค. สูงกว่า เดือน พ.ค. ถึง 5 ปีเชียว (83 %)

[oilpaint]

แบบว่ารอซื้อ พฤษภา อ่ะ ม่ายได้จะมาขาย

[IWILLBEVI]

จะบอกใบ้อะไรหรือป่าวคับ  :D   Go away ตอนนี้จะไปเจอกันอีกทีที่ไหน เมื่อไรละคับ กระซิบกันก่อนนะคราบบบ:D

[tycoon]

Just want to share my observation during last 2 years.

In the economic slump, the bad news hammering the market usually  crop up in July-August.  Everything seems to be better in Q1 because of higher hope among the investers, illusively better company performance and new goverments.(both Thai and US)
I wonder what the good stories can be made up for stimulating the market for the rest of the year. Please be warned.

Different viewpoints are welcome to discuss !

[Quadrifoglio Verde]

นั่นสิครับ....

ถ้าอีก 1-2 เดือนข้างหน้าไม่มีลงแรงๆบ้าง ดีใจอยู่กับข่าวที่ออกมาแบบมองโลกในแง่ดีอย่างเดียวแบบนี้

ปลายปีดัชนีคงถึง 700 800 อ่ะครับ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

เป็นไปได้หรือ??