ตลาดฯงัด45หุ้นเด็ดรีเทิร์นชนะเงินเฟ้อ*จ่ายปันผลมากกว่า8%*

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
ภาพประจำตัวสมาชิก
vichit
Verified User
โพสต์: 15833
ผู้ติดตาม: 0

ตลาดฯงัด45หุ้นเด็ดรีเทิร์นชนะเงินเฟ้อ*จ่ายปันผลมากกว่า8%*

โพสต์ที่ 1

โพสต์

ตลาดฯงัด45หุ้นเด็ดรีเทิร์นชนะเงินเฟ้อ*จ่ายปันผลมากกว่า8%*วิเชฐแนะเริ่มเก็บหุ้น
ตลาดหลักทรัพย์ฯเปิดโผรายชื่อ 45 หุ้นมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Dividend

Yield)สูงกว่าเงินเฟ้อ 8% ทั้ง ESSO-LEE-RPC-PTTAR-PSL-GMMM-BSBM-MLINK-TISCO-WORK-KK และอื่นๆ ด้าน"วิเชฐ"แนะเก็บหุ้นช่วงมีปัญหา ถือเป็นโอกาสของการได้ของดีราคาถูก ส่วนสัปดาห์นี้โบรกฯมองดัชนีอาจปรับลง แนวรับยังอยู่ที่ 800 จุด แต่อาจมีแรงซื้อเข้ามายังหุ้นกลุ่มพลังงานเช่น PTT และ PTTEP จากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)   เปิดเผยว่า   จากการประเมินของนักวิเคราะห์สำนักต่างๆ  ที่มองกันว่าแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อของประเทศในไตรมาส 2 มีโอกาสปรับตัวขึ้นสูงถึง 8% นั้น จะไม่มีผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้น เพราะถ้าหากคำนวณอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล(Dividend Yield) ยังมีหุ้นหลายตัวที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า 8%

"แม้เงินเฟ้อจะสูงขึ้นมาก  แต่ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่จ่ายให้กับผู้ถือหุ้นยังมีอัตราที่สูงกว่าเงินเฟ้ออยู่หลายบริษัท  ซึ่งการลงทุนในตลาดหุ้นยังสามารถให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ   ถึงแม้แนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตามที"นายวิเชฐ กล่าว

สำหรับการปรับตัวของดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา        ที่มีผลมาจากปัญหาทางการเมือง  และปัญหาที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงาน ทำให้หุ้นหลายตัวปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่พื้นฐานของบริษัทจดทะเบียนเหล่านี้ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงไป ในทางกลับกันบางรายมีผลประกอบการที่ดีขึ้นกว่าที่คาดไว้ ทำให้ช่วงนี้เป็นจังหวะที่นักลงทุนจะเข้าเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี และไม่มีความผันผวนตามภาวะตลาด

นายสรรเสริญ นิลรัตน์ รองกรรมการผู้จัดารสายกำกับธุรกรรมและบริหารความเสี่ยง บริษัทหลักทรัพย์ บีที จำกัด กล่าวว่า การลงทุนหุ้นในช่วงภาวะเงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น คงต้องดูหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่สูงกว่าเงินเฟ้อ โดยเฉพาะช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมืองภายในประเทศ มีราคาหุ้นดีๆ หลายตัวปรับตัวลดลงมาแรง ทำให้ผลตอบแทนสูงขึ้น

"ช่วงนี้เป็นจังหวะที่ดีที่นักลงทุนจะสะสมหุ้น      เพราะผลตอบแทนจากเงินปันผลเทียบกับราคาหุ้นถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่สูง ซึ่งถือว่าสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น"นายสรรเสริญ กล่าว

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) พบว่า ปัจจุบันมีหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงเกินกว่า 8% มีทั้งหมด 45 ตัว คือ หุ้นPHA ผลตอบแทนจากเงินปันผล(DY)37.42%  ,หุ้นSCAN- 31.91% ,หุ้นUP-14.29%, หุ้นMBAX-13.67%,หุ้นTIPCO-13.11%,หุ้นCHUO-13.07%,หุ้น EPCO-12.62%,หุ้นPL-12.59%,หุ้นHFT-11.36%,

ทั้งนี้หุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงกว่า 10 %มีดังนี้ หุ้น SPACK-10.74%,หุ้นDRT-10.64%,หุ้น CSL-10.55% ,หุ้น JCT-10.06%,หุ้น CFRESH -10.00% และหุ้น CPL10.00%

ส่วนหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ในระดับ9 %ขึ้นไปมีดังนี้ หุ้นPDI-9.96%,หุ้น ESSO-9.71%,หุ้น LEE-9.63%,หุ้น RPC-9.45%,หุ้น TPA-9.45%,หุ้น PTTAR-9.43%,หุ้น PSL-9.38%,หุ้น TEAM-9.33%,หุ้นMFEC-9.17%,หุ้นMCS-9.17%,หุ้นSSSC-9.09%,หุ้น LTX 9.01% และ หุ้น METCO-9.01%

สำหรับหุ้นที่มีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลตั้งแต่ 8%ขึ้นไป มีดังนี้KCAR-8.93%,หุ้นCHOTI-8.79%,หุ้นGMMM-8.77%,หุ้น STEEL-8.70%,หุ้นTPAC-8.62%,หุ้นUBIS-8.50%,หุ้นBSBM-8.49%,หุ้นMSC-8.45%,หุ้นTLUXE-8.37%,หุ้นGC-8.20%,หุ้นMLINK-8.15%,หุ้นTISCO-8.14%,หุ้นWORK-8.06%และหุ้น KK-8.00%

อย่างไรก็ตามรายชื่อหุ้นทั้งหมดดังกล่าว  ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นมีสภาพคล่อง จะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่ค่อยมีสภาพคล่องเนื่องจากผู้ถือหุ้นใหญ่  ที่เป็นเจ้าของ  หรือ นักลงทุนสถาบันต่างถือหุ้นไว้ไม่ยอมปล่อยออกมา  ซึ่งผลตอบแทนของเงินปันผลทำให้การลงทุนในหุ้นเหล่านี้สามารถเอาชนะเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มจะปรับตัวขึ้นสูงขึ้นได้ดีกว่าเงินฝาก

ทางด้านนายจักรกริช   เจริญเมธาชัย  หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การตลาด  บล.ทีเอ็มบี แมคควอรี (ประเทศไทย) คาดว่า ช่วงต้นสัปดาห์นี้ตลาดจะร่วงลง ซึ่งทำให้ตลอดทั้งสัปดาห์หุ้นไทย มีโอกาสต่ำกว่าระดับ 800 จุด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้มองว่าตลาดน่าจะฟื้นตัวได้

"ตลาดเปิดมาวันจันทร์คงจะลง และมีโอกาสที่ดัชนีจะลงมาใกล้ๆ 800 จุดได้ เพราะตอนนี้ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาเยอะ จะเป็นผลลบต่อ real sector โดยรวม ขณะที่มีแค่ 2 บริษัทที่ได้รับประโยชน์คือ ปตท. และ ปตท.สผ."นายจักรกริช กล่าว

ทั้งนี้นักลงทุนจะย้ายเงินมาเก็งกำไรหุ้นบมจ.ปตท.สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม(PTTEP) และหุ้นบมจ.ปตท.(PTT) ที่คาดว่าได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันขาขึ้น แต่ราคาน้ำมันที่ขึ้นมามาก จะเป็นความเสี่ยงสำหรับหุ้นที่ทำธุรกิจโรงกลั่นฯ เพราะนักลงทุนอาจจะกังวลว่า รัฐบาลอาจจะขอให้มีมาตรการช่วยเหลือเหมือนครั้งก่อน

"ตลอดสัปดาห์นี้ตลาดหุ้นไทยน่าจะ  sideway  down หลังเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีหุ้น ร่วงลงไปแตะ 799.68 ในระหว่างวัน ก่อนกลับมายืนเหนือ 800 ได้"

นายอนุพนธ์  ศรีอาจ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัย บล.บีฟิท มองว่า ดัชนีดาวโจนส์ ที่ร่วงหนักเมื่อวันศุกร์ น่าจะทำให้ตลาดทั้งภูมิภาคเอเชียร่วงลงช่วงต้นสัปดาห์นี้

"หุ้นไทยจะลงมากหรือเปล่า ขึ้นอยู่กับหุ้นพลังงานว่าเป็นยังไง เพราะถ้ามีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มพลังงาน ก็น่าจะช่วยพยุงตลาดได้บ้าง"เขากล่าว

นายอนุพนธ์  ยังคาดว่า  ดัชนีหุ้นมีโอกาสลงต่ำกว่า  800  ได้ในสัปดาห์นี้ โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยกระทบรายวันทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ หรือทิศทางราคาน้ำมัน ขณะที่สถานการณ์การเมืองในประเทศ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ส่วนนายเทิดศักดิ์  ทวีธีระธรรม  ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส คาดว่า ดัชนีหุ้นในสัปดาห์นี้จะมีแนวรับที่ 800 และแนวต้านที่ 840

"สัปดาห์นี้น่าจะยังผันผวนอยู่ เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงทั้งเรื่องดอกเบี้ย เงินเฟ้อ และการเมือง ที่ตราบใดยังไม่จบ ก็ยังน่าห่วงอยู่ รวมถึงราคาน้ำมัน และดาวโจนส์ ดัชนีตลาดฯคงจะผันผวน ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่จะเข้ามาในแต่ละวัน"นายเทิดศักดิ์ กล่าว
วันที่ 09 มิ.ย. 2551 แสดงข่าวมาแล้ว 55นาที
 



http://www.kaohoon.com/pg.newspaper/fir ... ?cid=15993
โพสต์โพสต์