ราคาเหล็กเส้นสูงขึ้นไปถึง 500 เหรียญสหรัฐ FOB
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ราคาเหล็กเส้นสูงขึ้นไปถึง 500 เหรียญสหรัฐ FOB
โพสต์ที่ 1
ราคาเหล็กเส้นสูงขึ้นไปถึง 500 เหรียญสหรัฐ FOB
ราคาเหล็กคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บรรดาแหล่งข่าวจากอินเดีย รายงานว่าราคาบิลเลต เหล็กเส้น และเหล็กลวดคาดว่าจะสูงขึ้นไปถึง 440, 500 และ 550เหรียญสหรัฐต่อตันตามลำดับ ความต้องการใช้เหล็กเป็นจำนวนมากยังคงเป็นเหตุผลหลักของการขึ้นราคาเหล็ก นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างก็คาดว่าขยายตัวอย่างต่อเนื่องในกลางปีนี้ แม้ว่าการก่อสร้างจะเบาบางในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วก็ตาม
ราคาเหล็กคาดว่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปจนถึงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ บรรดาแหล่งข่าวจากอินเดีย รายงานว่าราคาบิลเลต เหล็กเส้น และเหล็กลวดคาดว่าจะสูงขึ้นไปถึง 440, 500 และ 550เหรียญสหรัฐต่อตันตามลำดับ ความต้องการใช้เหล็กเป็นจำนวนมากยังคงเป็นเหตุผลหลักของการขึ้นราคาเหล็ก นอกจากนี้ในภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างก็คาดว่าขยายตัวอย่างต่อเนื่องในกลางปีนี้ แม้ว่าการก่อสร้างจะเบาบางในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้วก็ตาม
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
รัฐบาลรัสเซียไม่แทรกแซงราคาเหล็ก
โพสต์ที่ 2
รัฐบาลรัสเซียไม่แทรกแซงราคาเหล็ก
บรรดาผู้ใช้เหล็กในประเทศรัสเซียเช่น โรงงานท่อ และบริษัทแก็ส ต่างออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลให้กำหนดมาตราการเพื่อป้องกันการปรับตัวสูงขึ้นของราคาเหล็กทั้งทรงแบนและทรงยาว แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลรัสเซียก็ไม่มีการวางแผนที่จะดำเนินการใดๆ ปัจจุบันราคาบิลเลตสูงขึ้นถึง 30% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังนั้น Pipe Metallurgical Co ผู้ผลิตท่อรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย จึงออกมากล่าว่าหากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆ บริษัทฯก็จำเป็นที่จะต้องขึ้นราคาแม้ว่าจะเกิดความขัดแย้งกับผู้ใช้ท่อก็ตาม
บรรดาผู้ใช้เหล็กในประเทศรัสเซียเช่น โรงงานท่อ และบริษัทแก็ส ต่างออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลให้กำหนดมาตราการเพื่อป้องกันการปรับตัวสูงขึ้นของราคาเหล็กทั้งทรงแบนและทรงยาว แต่อย่างไรก็ตามรัฐบาลรัสเซียก็ไม่มีการวางแผนที่จะดำเนินการใดๆ ปัจจุบันราคาบิลเลตสูงขึ้นถึง 30% ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ดังนั้น Pipe Metallurgical Co ผู้ผลิตท่อรายใหญ่ที่สุดในรัสเซีย จึงออกมากล่าว่าหากรัฐบาลยังไม่มีมาตรการใดๆ บริษัทฯก็จำเป็นที่จะต้องขึ้นราคาแม้ว่าจะเกิดความขัดแย้งกับผู้ใช้ท่อก็ตาม
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
China Steel ปรับราคาเหล็ก
โพสต์ที่ 3
China Steel ปรับราคาเหล็ก
China Steel วางแผนขึ้นราคาเหล็กในประเทศตันละประมาณ 57-96 เหรียญสหรัฐ สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็ก 6 รายการ ในเดือนเมษายนสำห เนื่องจากการฟื้นฟูของเศรษฐกิจทำให้ราคาตลาดโลก ค่าขนส่ง และต้นทุนวัตถุดิบเช่น ถ่านหิน โลหะ เศษเหล็ก และสแลปปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังกล่าวเสริมอีกว่า ความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสูงขึ้น
China Steel วางแผนขึ้นราคาเหล็กในประเทศตันละประมาณ 57-96 เหรียญสหรัฐ สำหรับผลิตภัณฑ์เหล็ก 6 รายการ ในเดือนเมษายนสำห เนื่องจากการฟื้นฟูของเศรษฐกิจทำให้ราคาตลาดโลก ค่าขนส่ง และต้นทุนวัตถุดิบเช่น ถ่านหิน โลหะ เศษเหล็ก และสแลปปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯยังกล่าวเสริมอีกว่า ความต้องการใช้เหล็กที่เพิ่มขึ้นจากสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ราคาสูงขึ้น
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
โอเปค"กลับลำเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน ตั้งเป้าดึงราคาเหลือ30
โพสต์ที่ 4
โอเปค"กลับลำเพิ่มกำลังผลิตน้ำมัน ตั้งเป้าดึงราคาเหลือ30-31$/บาร์เรล
เอเอฟพีรายงานเมื่อ 1 มีนาคม ว่านายปุร์โนโม ยูสกิอันโตโร ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปค) ประกาศที่อินโดนีเซียเมื่อวันเดียวกันว่า กลุ่มโอเปคจะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อกดดันให้ราคาน้ำมันโลกอ่อนตัวลงมา ทั้งนี้ โอเปคตั้งเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วง 30-31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่านั้น ขณะที่ราคาในปัจจุบันทะลุเกินไปอย่างมากมาย
ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นหลังนายปุร์โนโมเข้าพบกับประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี แห่งอินโดนีเซีย ประธานโอเปคบอกด้วยว่า จะมีการทบทวนปริมาณการผลิตน้ำมันและระดับราคาของน้ำมันในปัจจุบัน ส่วนการตัดสินใจว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตแน่นอนหรือมากน้อยเพียงใด จะสรุปใน 20 วันข้างหน้า และโอเปคยังไม่มีกำหนดการประชุมกันแบบฉุกเฉินภายในอนาคตอันใกล้นี้
คำประกาศข้างต้นช่วยลดแรงขับเคลื่อนราคาในตลาดโลก น้ำมันดิบไลต์สวีตส่งมอบเดือนเมษายน ซึ่งพุ่งแตะระดับ 36.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อ่อนกลับสู่ระดับ 36.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในตลาดบ่าย ย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แรงกดดันราคาน้ำมันตลาดโลกทวีตัวสูง ในบรรยากาศกังวลว่าโอเปคจะเอาจริงลงมือลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนนี้ และข่าวว่าสต๊อกน้ำมันในสหรัฐอเมริกาลดต่ำเป็นประวัติการณ์ เมื่อเชลล์ปิดโรงกลั่นน้ำมันในแคลิฟอร์เนีย ขณะที่สหรัฐใกล้จะเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนมักแห่กันเอารถไปเติมน้ำมัน แล้วออกวิ่งพักผ่อน
เอเอฟพีรายงานเมื่อ 1 มีนาคม ว่านายปุร์โนโม ยูสกิอันโตโร ประธานกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(โอเปค) ประกาศที่อินโดนีเซียเมื่อวันเดียวกันว่า กลุ่มโอเปคจะปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันดิบ เพื่อกดดันให้ราคาน้ำมันโลกอ่อนตัวลงมา ทั้งนี้ โอเปคตั้งเป้าหมายราคาน้ำมันดิบอยู่ในช่วง 30-31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเท่านั้น ขณะที่ราคาในปัจจุบันทะลุเกินไปอย่างมากมาย
ในการแถลงข่าวที่จัดขึ้นหลังนายปุร์โนโมเข้าพบกับประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี แห่งอินโดนีเซีย ประธานโอเปคบอกด้วยว่า จะมีการทบทวนปริมาณการผลิตน้ำมันและระดับราคาของน้ำมันในปัจจุบัน ส่วนการตัดสินใจว่าจะเพิ่มปริมาณการผลิตแน่นอนหรือมากน้อยเพียงใด จะสรุปใน 20 วันข้างหน้า และโอเปคยังไม่มีกำหนดการประชุมกันแบบฉุกเฉินภายในอนาคตอันใกล้นี้
คำประกาศข้างต้นช่วยลดแรงขับเคลื่อนราคาในตลาดโลก น้ำมันดิบไลต์สวีตส่งมอบเดือนเมษายน ซึ่งพุ่งแตะระดับ 36.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อ่อนกลับสู่ระดับ 36.15 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในตลาดบ่าย ย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แรงกดดันราคาน้ำมันตลาดโลกทวีตัวสูง ในบรรยากาศกังวลว่าโอเปคจะเอาจริงลงมือลดกำลังการผลิตน้ำมันดิบในเดือนนี้ และข่าวว่าสต๊อกน้ำมันในสหรัฐอเมริกาลดต่ำเป็นประวัติการณ์ เมื่อเชลล์ปิดโรงกลั่นน้ำมันในแคลิฟอร์เนีย ขณะที่สหรัฐใกล้จะเข้าสู่ฤดูร้อน ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้คนมักแห่กันเอารถไปเติมน้ำมัน แล้วออกวิ่งพักผ่อน
-
- Verified User
- โพสต์: 6853
- ผู้ติดตาม: 0
ตลาดสองล้อ เดือนแรกคึกคักโตเพิ่ม 15% เชื่อปลายปีปิด 1.9 ล้าน
โพสต์ที่ 5
ตลาดสองล้อ เดือนแรกคึกคักโตเพิ่ม 15% เชื่อปลายปีปิด 1.9 ล้านคัน
กรุงเทพธุรกิจวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547
รายงานข่าวจากบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด รายงานสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงเดือน ม.ค.2547 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ตลาดมีสภาพที่ตื่นตัวและคึกคักเป็นอย่างสูง ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณจำหน่ายโดยรวมทั้งสิ้น 159,397 คัน
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีปริมาณ 138,654 คันแล้ว มียอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 20,743 คัน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% ทั้งนี้ ปริมาณการจำหน่ายดังกล่าวแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัว 140,385 คัน ซึ่งเทียบเป็นสัดส่วนตลาดสูงถึง 88% ในขณะที่รถประเภทสกู๊ตเตอร์ ซึ่งเป็นรถประเภทใหม่ที่เข้ามาในตลาดไม่นานนัก มีสัดส่วนตลาดรองลงมา คือ 7% โดยมีปริมาณจำหน่าย 10,442 คัน
ในส่วนรถประเภทครอบครัวกึ่งสปอร์ต มีปริมาณจำหน่าย 7,207 คัน สัดส่วนตลาด 4% และประเภทรถสปอร์ตมีปริมาณจำหน่าย 1,363 คัน สัดส่วนตลาด 1% นอกจากนั้น ตลาดในช่วงเดือน ม.ค.ยังนับเป็นยุคที่รถจักรยานยนต์แบบเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ครอบครองตลาดเกือบทั้งหมด โดยมีปริมาณจำหน่าย 159,017 คัน ขณะที่รถแบบเครื่องยนต์ 2 จังหวะ มีปริมาณจำหน่ายเพียง 380 คันเท่านั้น ส่วนแนวโน้มของตลาดตลอดปี 2547 นี้ จากการที่ภาครัฐบาลยังคงมุ่งเน้นนโยบายเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์โดยรวม ในปีนี้จะมีทั้งสิ้น 1.9 ล้านคัน
กรุงเทพธุรกิจวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2547
รายงานข่าวจากบริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด รายงานสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วงเดือน ม.ค.2547 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ตลาดมีสภาพที่ตื่นตัวและคึกคักเป็นอย่างสูง ส่งผลให้ยอดการจำหน่ายในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีปริมาณจำหน่ายโดยรวมทั้งสิ้น 159,397 คัน
โดยเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีปริมาณ 138,654 คันแล้ว มียอดการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 20,743 คัน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น 15% ทั้งนี้ ปริมาณการจำหน่ายดังกล่าวแบ่งเป็นรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัว 140,385 คัน ซึ่งเทียบเป็นสัดส่วนตลาดสูงถึง 88% ในขณะที่รถประเภทสกู๊ตเตอร์ ซึ่งเป็นรถประเภทใหม่ที่เข้ามาในตลาดไม่นานนัก มีสัดส่วนตลาดรองลงมา คือ 7% โดยมีปริมาณจำหน่าย 10,442 คัน
ในส่วนรถประเภทครอบครัวกึ่งสปอร์ต มีปริมาณจำหน่าย 7,207 คัน สัดส่วนตลาด 4% และประเภทรถสปอร์ตมีปริมาณจำหน่าย 1,363 คัน สัดส่วนตลาด 1% นอกจากนั้น ตลาดในช่วงเดือน ม.ค.ยังนับเป็นยุคที่รถจักรยานยนต์แบบเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ครอบครองตลาดเกือบทั้งหมด โดยมีปริมาณจำหน่าย 159,017 คัน ขณะที่รถแบบเครื่องยนต์ 2 จังหวะ มีปริมาณจำหน่ายเพียง 380 คันเท่านั้น ส่วนแนวโน้มของตลาดตลอดปี 2547 นี้ จากการที่ภาครัฐบาลยังคงมุ่งเน้นนโยบายเพื่อผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ว่าปริมาณการจำหน่ายรถจักรยานยนต์โดยรวม ในปีนี้จะมีทั้งสิ้น 1.9 ล้านคัน