เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 1
พรรคพวกในวงการการตลาด-โฆษณาจะเรียกเธอด้วยสรรพนามยกย่องว่า เจ๊กรรณ
หรืออีกสรรพนามหนึ่งที่เรียกกันเป็นทางการภายในบริษัทคือ KC
(ย่อมาจากชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ)
KC เป็นนักการตลาดมาแทบชั่วอายุ
เริ่มต้นฉายแววและสร้างชื่อเสียงที่บริษัทอุปโภค บริโภคฝรั่ง
อันดับแนวหน้าของเมืองไทย
ซึ่งทุกครัวเรือนต้องมีสินค้าของบริษัทนี้วางในห้องน้ำ ห้องครัว มุมซักล้าง
แต่ตัวที่ถือเป็นลูกรักที่ KC ให้กำเนิด ฟูมฟักจนเติบโตเป็นสาวสะพรั่ง
ก็คือ แชมพูแบรนด์ ไหมสุริยา (Sun...) นั่นเอง
ถือเป็น Cash Cow ตัวเอ้ ที่ให้น้ำนมคุณภาพต่อเนื่อง
คราใดที่เหนื่อยล้าก็มีการอัดฉีดให้เป็น Star ใหม่ จรัสเจิดจ้าส่องประกายดั่งแพรวไหม
ความเฉียบคมของ KC เป็นที่ประจักษ์กับผู้ร่วมงานทุกฝ่าย
งานชิ้นใดที่ดูถ้าจะเลยเถิดไม่มีวี่แววว่าจะสรุปอย่างไร
KC มองปราดเดียว ตัดสินใจ.....จบ
แต่ถ้างานไหน ไม่ใช่แล้วละก้อ..ต่อให้ชักแม่น้ำร้อยสายมาเห่กล่อมก็ไม่ได้ผล
ขนาดให้พี่ชายของเธอซึ่งเป็นประธานบริษัทที่กูรูสังกัดอยู่
ลงมาขายงานด้วยตัวเองก็เถอะ
ไม่ซื้อ ไม่ซื้อ ฉันบอกว่าไม่ใช่ กลับไปคิดใหม่ KK
(ชื่อย่อและนามสกุลของประธานบริษัท)ไม่ต้องเสียเวลามาขายหรอก
สำเนียงติดชาติภาษาต้นกำเนิดของเธอเป็นเอกลักษณ์ที่พวกเรา
แม้ไม่ได้เห็นตัวก็รู้ว่าเป็นตั่วเจ๊แน่ๆ
ความรักลูกน้อง โอบอ้อมอารีเผื่อแผ่ไปถึงทุกคนในองค์กรมีอยู่ในตัว KC เต็มล้น
ผลตอบรับก็คือ ลูกน้องทำงานทุ่มเทให้เต็มที่และถือว่าเจ๊เป็นพี่สาวใหญ่จริงๆ
ครั้งหนึ่งเมื่อ Brand Manager ในแผนกจะ Re Launch แบรนด์ยาสีฟันซึ่งอนาคตแกว่งเต็มที
หากไม่ประสบความสำเร็จ คงต้องพับฐาน
KC ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น เอาตุ๊กตาเครื่องรางมาวางบนโต๊ะ ให้กับลูกน้อง พร้อมกับพูดว่า
ตุ๊กตานำโชค ฉันซื้อมาฝากเธอ นี่...Relaunch ครั้งนี้ ใครๆก็เอาใจช่วยเธอทั้งนั้น ทำให้ได้นะ
ไม่เพียงแต่ลูกน้องในแผนก
แม้แต่ผู้ร่วมงานอย่างกูรูในฐานะหน่วยงานบริการข้างนอก
ก็ได้รับความเอื้ออารีสม่ำเสมอ
ปกติการวางผลิตภัณฑ์ใหม่ถอดด้าม (หรือใหม่เล็ก ใหม่น้อย) ของบริษัทคอนซูเมอร์ค่ายนี้
จะต้องมีการจัดอีเว้นท์ปลุกขวัญกำลังใจเซลส์เสมอ
มีการเตรียมงานล่วงหน้าเป็นอาทิตย์
(การละเลงงานข้ามคืนหามรุ่ง หามค่ำก่อนงานเปิด เป็นเรื่องปกติมาก)
และจะชุลมุนวุ่นวายจนกระทั่งหลังงานเสร็จ แทบทุกคนก็หมดสภาพ
ระหว่างงานก็อย่าไปเผลอยืนเทียบกับบรดาซีเลปทั้งหลายที่เชิญมาเป็นเกียรติเด็ดขาด
เดี๋ยวเขาจะนึกว่ามางานคนจรหมอนหมิ่นแทนที่จะเป็นงาน "ประกาศิตสั่ง...ไหมสุริยา"
หลังเลิกงานอีเว้นท์เหล่านี้แทบทุกครั้ง KC จะมีบัญชาการลงมาเลย
ขอเลี้ยงขอบคุณทีมงานเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ช่วยเหลือให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ทั้งๆที่บริษัทของกูรูก็คิดค่าเหนื่อยจากงานเหล่านี้ในจำนวนเงินไม่น้อยเหมือนกัน
ครั้งหนึ่ง มีการประชุมนอกสถานที่ หัวข้อพูดคุยกินเวลาข้ามมื้ออาหาร
เกรงใจลูกค้าคือ KC ด้วย ท้องก็ร้องจ๊อกๆ จะชวนเธอทานข้าวด้วยกัน
ก็เกรงจะไม่เหมาะสม
เพราะร้านค้าแถวนั้นเป็นชาวบ้านมากๆ
ในที่สุดความหิวรอไม่ไหว
ก็เผลอปากชวนเธอออกไปหาอะไรรองท้องก่อน
KC ถาม เธอจะให้ฉันกินอะไร
เมื่อตอบว่าคงเป็นข้าวราดกับง่ายๆ คนฟังทำหน้าคิดนิดหนึ่ง
แล้วพูดต่ออย่างรวดเร็ว
ไม่ต้อง ไม่ต้อง พวกเธอทำงานมาเหนื่อยแล้ว ทนหิวอีกสักพัก เดี๋ยวฉันจัดการเอง
แล้ว KC ก็ลุกออกไปโทรศัพท์
ไม่เกินครึ่งชั่วโมง รถส่งส่วยเอ๊ยอาหารก็มาถึงอย่างพร้อมพูน
ทั้งข้าวห่อ ก๋วยเตี๋ยว ขนม ผลไม้ เป็นเรื่องเป็นราว
ที่เลขาส่วนตัวของ KC รับเรื่องต่อและจัดการให้อย่างรวดเร็ว
อิ่มหนำไปอีกมื้อ
ประสบการณ์และสายตาไกลของ KC ได้นำให้เธอรั้งตำแหน่งสูงสุดขององค์กรในเวลาไม่นาน
จนได้รับการต่ออายุปีต่อปีจนครบวาระ ต่อไม่ได้แล้ว
เป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ขึ้นมาถึงระดับสูงสุดของบริษัทฝรั่งได้อย่างน่าภาคภูมิ
เมื่อเธอเกษียณไปแล้ว
คนในวงการก็เฝ้าจับตามองว่าเส้นทางเดินที่เหลือของ KC จะไปสู่หนใด
เพราะคน Active อย่างเจ๊ จะไปอยู่บ้านเลี้ยงลูก เลี้ยงหลานคงเป็นไปได้ยาก
ผลปรากฏ...สถานที่ทำงานใหม่ของ KC อยู่ที่เดิม เพียงแต่ย้ายตึกเท่านั้น
พวกเรายังแอบแซวลับหลังว่า เอ..เจ๊จะเผลอเดินเข้าตึกเดิมเพราะความเคยชินหรือเปล่าหว่า
(เดี๋ยวมาเล่าต่อ รู้สึกโดนไวรัสโจมตีอีกแล้ว)
หรืออีกสรรพนามหนึ่งที่เรียกกันเป็นทางการภายในบริษัทคือ KC
(ย่อมาจากชื่อ-นามสกุล ภาษาอังกฤษ)
KC เป็นนักการตลาดมาแทบชั่วอายุ
เริ่มต้นฉายแววและสร้างชื่อเสียงที่บริษัทอุปโภค บริโภคฝรั่ง
อันดับแนวหน้าของเมืองไทย
ซึ่งทุกครัวเรือนต้องมีสินค้าของบริษัทนี้วางในห้องน้ำ ห้องครัว มุมซักล้าง
แต่ตัวที่ถือเป็นลูกรักที่ KC ให้กำเนิด ฟูมฟักจนเติบโตเป็นสาวสะพรั่ง
ก็คือ แชมพูแบรนด์ ไหมสุริยา (Sun...) นั่นเอง
ถือเป็น Cash Cow ตัวเอ้ ที่ให้น้ำนมคุณภาพต่อเนื่อง
คราใดที่เหนื่อยล้าก็มีการอัดฉีดให้เป็น Star ใหม่ จรัสเจิดจ้าส่องประกายดั่งแพรวไหม
ความเฉียบคมของ KC เป็นที่ประจักษ์กับผู้ร่วมงานทุกฝ่าย
งานชิ้นใดที่ดูถ้าจะเลยเถิดไม่มีวี่แววว่าจะสรุปอย่างไร
KC มองปราดเดียว ตัดสินใจ.....จบ
แต่ถ้างานไหน ไม่ใช่แล้วละก้อ..ต่อให้ชักแม่น้ำร้อยสายมาเห่กล่อมก็ไม่ได้ผล
ขนาดให้พี่ชายของเธอซึ่งเป็นประธานบริษัทที่กูรูสังกัดอยู่
ลงมาขายงานด้วยตัวเองก็เถอะ
ไม่ซื้อ ไม่ซื้อ ฉันบอกว่าไม่ใช่ กลับไปคิดใหม่ KK
(ชื่อย่อและนามสกุลของประธานบริษัท)ไม่ต้องเสียเวลามาขายหรอก
สำเนียงติดชาติภาษาต้นกำเนิดของเธอเป็นเอกลักษณ์ที่พวกเรา
แม้ไม่ได้เห็นตัวก็รู้ว่าเป็นตั่วเจ๊แน่ๆ
ความรักลูกน้อง โอบอ้อมอารีเผื่อแผ่ไปถึงทุกคนในองค์กรมีอยู่ในตัว KC เต็มล้น
ผลตอบรับก็คือ ลูกน้องทำงานทุ่มเทให้เต็มที่และถือว่าเจ๊เป็นพี่สาวใหญ่จริงๆ
ครั้งหนึ่งเมื่อ Brand Manager ในแผนกจะ Re Launch แบรนด์ยาสีฟันซึ่งอนาคตแกว่งเต็มที
หากไม่ประสบความสำเร็จ คงต้องพับฐาน
KC ซึ่งเพิ่งเดินทางกลับจากประเทศญี่ปุ่น เอาตุ๊กตาเครื่องรางมาวางบนโต๊ะ ให้กับลูกน้อง พร้อมกับพูดว่า
ตุ๊กตานำโชค ฉันซื้อมาฝากเธอ นี่...Relaunch ครั้งนี้ ใครๆก็เอาใจช่วยเธอทั้งนั้น ทำให้ได้นะ
ไม่เพียงแต่ลูกน้องในแผนก
แม้แต่ผู้ร่วมงานอย่างกูรูในฐานะหน่วยงานบริการข้างนอก
ก็ได้รับความเอื้ออารีสม่ำเสมอ
ปกติการวางผลิตภัณฑ์ใหม่ถอดด้าม (หรือใหม่เล็ก ใหม่น้อย) ของบริษัทคอนซูเมอร์ค่ายนี้
จะต้องมีการจัดอีเว้นท์ปลุกขวัญกำลังใจเซลส์เสมอ
มีการเตรียมงานล่วงหน้าเป็นอาทิตย์
(การละเลงงานข้ามคืนหามรุ่ง หามค่ำก่อนงานเปิด เป็นเรื่องปกติมาก)
และจะชุลมุนวุ่นวายจนกระทั่งหลังงานเสร็จ แทบทุกคนก็หมดสภาพ
ระหว่างงานก็อย่าไปเผลอยืนเทียบกับบรดาซีเลปทั้งหลายที่เชิญมาเป็นเกียรติเด็ดขาด
เดี๋ยวเขาจะนึกว่ามางานคนจรหมอนหมิ่นแทนที่จะเป็นงาน "ประกาศิตสั่ง...ไหมสุริยา"
หลังเลิกงานอีเว้นท์เหล่านี้แทบทุกครั้ง KC จะมีบัญชาการลงมาเลย
ขอเลี้ยงขอบคุณทีมงานเพื่อตอบแทนน้ำใจที่ช่วยเหลือให้งานสำเร็จลุล่วงด้วยดี
ทั้งๆที่บริษัทของกูรูก็คิดค่าเหนื่อยจากงานเหล่านี้ในจำนวนเงินไม่น้อยเหมือนกัน
ครั้งหนึ่ง มีการประชุมนอกสถานที่ หัวข้อพูดคุยกินเวลาข้ามมื้ออาหาร
เกรงใจลูกค้าคือ KC ด้วย ท้องก็ร้องจ๊อกๆ จะชวนเธอทานข้าวด้วยกัน
ก็เกรงจะไม่เหมาะสม
เพราะร้านค้าแถวนั้นเป็นชาวบ้านมากๆ
ในที่สุดความหิวรอไม่ไหว
ก็เผลอปากชวนเธอออกไปหาอะไรรองท้องก่อน
KC ถาม เธอจะให้ฉันกินอะไร
เมื่อตอบว่าคงเป็นข้าวราดกับง่ายๆ คนฟังทำหน้าคิดนิดหนึ่ง
แล้วพูดต่ออย่างรวดเร็ว
ไม่ต้อง ไม่ต้อง พวกเธอทำงานมาเหนื่อยแล้ว ทนหิวอีกสักพัก เดี๋ยวฉันจัดการเอง
แล้ว KC ก็ลุกออกไปโทรศัพท์
ไม่เกินครึ่งชั่วโมง รถส่งส่วยเอ๊ยอาหารก็มาถึงอย่างพร้อมพูน
ทั้งข้าวห่อ ก๋วยเตี๋ยว ขนม ผลไม้ เป็นเรื่องเป็นราว
ที่เลขาส่วนตัวของ KC รับเรื่องต่อและจัดการให้อย่างรวดเร็ว
อิ่มหนำไปอีกมื้อ
ประสบการณ์และสายตาไกลของ KC ได้นำให้เธอรั้งตำแหน่งสูงสุดขององค์กรในเวลาไม่นาน
จนได้รับการต่ออายุปีต่อปีจนครบวาระ ต่อไม่ได้แล้ว
เป็นผู้หญิงไทยคนแรกที่ขึ้นมาถึงระดับสูงสุดของบริษัทฝรั่งได้อย่างน่าภาคภูมิ
เมื่อเธอเกษียณไปแล้ว
คนในวงการก็เฝ้าจับตามองว่าเส้นทางเดินที่เหลือของ KC จะไปสู่หนใด
เพราะคน Active อย่างเจ๊ จะไปอยู่บ้านเลี้ยงลูก เลี้ยงหลานคงเป็นไปได้ยาก
ผลปรากฏ...สถานที่ทำงานใหม่ของ KC อยู่ที่เดิม เพียงแต่ย้ายตึกเท่านั้น
พวกเรายังแอบแซวลับหลังว่า เอ..เจ๊จะเผลอเดินเข้าตึกเดิมเพราะความเคยชินหรือเปล่าหว่า
(เดี๋ยวมาเล่าต่อ รู้สึกโดนไวรัสโจมตีอีกแล้ว)
-
- Verified User
- โพสต์: 1301
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 2
เรื่องแบงค์สีม่วงนี่ นอกจากจะชื่นชม KC ที่เป็นคนทำงานแล้ว ต้องขอชมบอร์ดที่กล้าเลือกคนนอกวงการมาบริหารงาน
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 3
ขอประทานโทษที่มาต่อเรื่องช้า
เจ้าม้าไม้โทรจันเข้ามาตลอดเลย
ต้องกวาด ล้าง เช็ด ถูแทบทั้งวันทั้งคืน
ลงโปรแกรมใหม่หมดครับ ทั้ง AVG /Ad Aware /Noadware/Error Repair
แต่ก็ไม่วายแอบมาเยอะเย้ยเนืองๆ
วุ้ย เหมือนคนเป็นโรคแล้วต้องกินยาหลายขนานอย่างนั้นเลย
เลยรีบโพสให้เสร็จๆเสียก่อน ก่อนมันจะขึ้นมาหลอกหลอนอีก
เอ้า ต่อเลยครับ
เมื่อคนขายแชมพูเป็นแบ็งเกอร์หญิงแห่งอาเซียน (2)
แรกเริ่มที่รู้ว่า KC จะไปเป็นแบ็งเกอร์
คนในวงการการเงินการธนาคารคงหวั่นๆไม่ใช่น้อย
อะไรกันคนที่เคยขายแต่แชมพู โลชั่น สบู่ ยาสีฟันชิ้นละสิบ ยี่สิบ สามสิบบาท
จะมาบริหารเงินเป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านได้หรือนี่
โดยเฉพาะกับแบงก์ 100 ปี สัญญลักษณ์รูปใบโพธิ์
ที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าขุนมูลนายที่สุด
บรรยากาศการทำงานก็เต็มไปด้วย ลูกท่าน หลานเธอ
คนทำงานข้างในก็นามสกุลใหญ่ๆ โตๆ ไม่สายโน้นก็สายนี้
เจ๊กลับไปเป็นแม่ค้าขายแชมพูตามเดิมดีกว่ามั้ง
พูดถึงแบงก์นี้ อยากจะเล่าความหลังเล็กน้อย
ให้พอเป็นแนวทางแก่คนอ่านรุ่นหลังๆ
เป็นธนาคารไทยแห่งแรกอย่างที่พวกเรารู้ๆกันดี
มีหน่วยงานสลับซับซ้อนตามประสาองค์กรใหญ่
สมัยก่อนโน้น ทุกๆปีจะมา Recruit นิสิตปีสุดท้าย
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีแถวมหาวิทยาลัยสามย่านไปร่วมงาน
(ไม่รู้เดี๋ยวนี้ ยังมีประเพณีนี้อยู่หรือเปล่า)
เพราะความผูกพันระหว่างผู้ก่อตั้งคณะและผู้บริหารธนาคารในอดีต
(ประมาณว่านามสกุลเดียวกัน)
เป็นแบงก์ที่ขึ้นชื่อเรื่อง อนุรักษ์นิยมสุดๆ
จะไปขอใช้บริการทั้งทีต้องนอบน้อมพอสมควร
แต่นั่นแหละ ใครจะนึกถึง
วันดีคืนดี กลายเป็นแบงก์แรกที่ประกาศตัวเองเป็น Electronic Banking
ด้วยการนำร่องเอาเครื่อง ATM มาใช้บริการเป็นรายแรก
ตามติดด้วย Tele Banking ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เปลี่ยนภาพลักษณ์แบ็งก์เก๋าเป็นแบ็งก์ก้าวกระโดด
จนแบงก์รวงข้าวต้องประกาศให้บริการเป็นรายต่อมา
และแบงก์ดอกบัวเป็นรายที่ 3
หลังจากนั้นแบ็งก์เล็ก แบ็งก์น้อยที่เหลือก็ให้บริการ ATM กันหมด
กลายเป็น Standard Service ที่ทุกธนาคารต้องมีให้
ผู้บริหารระดับสูงที่ผ่านมาของแบ็งก์ที่ KC ไปร่วมใต้ร่มโพธิ์
ในอดีตล้วนเป็นบุคคลในแวดวงชั้นสูง นักวิชาการ Technocrat
นักเศรษฐศาสตร์นามสกุลดังๆทั้งสิ้น
บางคนถึงกับถูกขนานนามว่า เป็นโหรเศรษฐกิจ
บางคนมีเชื้อเจ้าจากเมืองเหนือ
ผู้บริหารคนล่าสุดก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ KC ก็เป็นผู้หญิงเก่งอีกคน
แต่ทั้งหมด ไม่มีใครมาจากคนขายของติดดินเลย
นี่คือความแตกต่างและความท้าทายของคนที่อยู่นอกวงการธนาคาร
เข้าไปเขย่ามุมมอง เปลี่ยนแปลงทัศนคติภายในของชาวแบงก์เกอร์นับพันๆชีวิต
เจ้าม้าไม้โทรจันเข้ามาตลอดเลย
ต้องกวาด ล้าง เช็ด ถูแทบทั้งวันทั้งคืน
ลงโปรแกรมใหม่หมดครับ ทั้ง AVG /Ad Aware /Noadware/Error Repair
แต่ก็ไม่วายแอบมาเยอะเย้ยเนืองๆ
วุ้ย เหมือนคนเป็นโรคแล้วต้องกินยาหลายขนานอย่างนั้นเลย
เลยรีบโพสให้เสร็จๆเสียก่อน ก่อนมันจะขึ้นมาหลอกหลอนอีก
เอ้า ต่อเลยครับ
เมื่อคนขายแชมพูเป็นแบ็งเกอร์หญิงแห่งอาเซียน (2)
แรกเริ่มที่รู้ว่า KC จะไปเป็นแบ็งเกอร์
คนในวงการการเงินการธนาคารคงหวั่นๆไม่ใช่น้อย
อะไรกันคนที่เคยขายแต่แชมพู โลชั่น สบู่ ยาสีฟันชิ้นละสิบ ยี่สิบ สามสิบบาท
จะมาบริหารเงินเป็นพันๆ หมื่นๆ ล้านได้หรือนี่
โดยเฉพาะกับแบงก์ 100 ปี สัญญลักษณ์รูปใบโพธิ์
ที่ขึ้นชื่อว่าเจ้าขุนมูลนายที่สุด
บรรยากาศการทำงานก็เต็มไปด้วย ลูกท่าน หลานเธอ
คนทำงานข้างในก็นามสกุลใหญ่ๆ โตๆ ไม่สายโน้นก็สายนี้
เจ๊กลับไปเป็นแม่ค้าขายแชมพูตามเดิมดีกว่ามั้ง
พูดถึงแบงก์นี้ อยากจะเล่าความหลังเล็กน้อย
ให้พอเป็นแนวทางแก่คนอ่านรุ่นหลังๆ
เป็นธนาคารไทยแห่งแรกอย่างที่พวกเรารู้ๆกันดี
มีหน่วยงานสลับซับซ้อนตามประสาองค์กรใหญ่
สมัยก่อนโน้น ทุกๆปีจะมา Recruit นิสิตปีสุดท้าย
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีแถวมหาวิทยาลัยสามย่านไปร่วมงาน
(ไม่รู้เดี๋ยวนี้ ยังมีประเพณีนี้อยู่หรือเปล่า)
เพราะความผูกพันระหว่างผู้ก่อตั้งคณะและผู้บริหารธนาคารในอดีต
(ประมาณว่านามสกุลเดียวกัน)
เป็นแบงก์ที่ขึ้นชื่อเรื่อง อนุรักษ์นิยมสุดๆ
จะไปขอใช้บริการทั้งทีต้องนอบน้อมพอสมควร
แต่นั่นแหละ ใครจะนึกถึง
วันดีคืนดี กลายเป็นแบงก์แรกที่ประกาศตัวเองเป็น Electronic Banking
ด้วยการนำร่องเอาเครื่อง ATM มาใช้บริการเป็นรายแรก
ตามติดด้วย Tele Banking ประสบความสำเร็จอย่างมาก
เปลี่ยนภาพลักษณ์แบ็งก์เก๋าเป็นแบ็งก์ก้าวกระโดด
จนแบงก์รวงข้าวต้องประกาศให้บริการเป็นรายต่อมา
และแบงก์ดอกบัวเป็นรายที่ 3
หลังจากนั้นแบ็งก์เล็ก แบ็งก์น้อยที่เหลือก็ให้บริการ ATM กันหมด
กลายเป็น Standard Service ที่ทุกธนาคารต้องมีให้
ผู้บริหารระดับสูงที่ผ่านมาของแบ็งก์ที่ KC ไปร่วมใต้ร่มโพธิ์
ในอดีตล้วนเป็นบุคคลในแวดวงชั้นสูง นักวิชาการ Technocrat
นักเศรษฐศาสตร์นามสกุลดังๆทั้งสิ้น
บางคนถึงกับถูกขนานนามว่า เป็นโหรเศรษฐกิจ
บางคนมีเชื้อเจ้าจากเมืองเหนือ
ผู้บริหารคนล่าสุดก่อนที่จะส่งไม้ต่อให้ KC ก็เป็นผู้หญิงเก่งอีกคน
แต่ทั้งหมด ไม่มีใครมาจากคนขายของติดดินเลย
นี่คือความแตกต่างและความท้าทายของคนที่อยู่นอกวงการธนาคาร
เข้าไปเขย่ามุมมอง เปลี่ยนแปลงทัศนคติภายในของชาวแบงก์เกอร์นับพันๆชีวิต
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 4
เมื่อคนขายแชมพูเป็นแบ็งเกอร์หญิงแห่งอาเซียน (3)
เมื่อ KC เข้าไป ภารกิจแรกที่ได้รับการมอบหมายก็คือ
พัฒนา Retail Bankingให้เต็มศักยภาพ
เพราะขณะนั้นยังตามหลังคู่แข่งพอสมควร
โดยเฉพาะแบ็งก์รวงข้าวที่มักจะมีนวัตกรรมใหม่ๆแหวกตลาดอยู่เรื่อย
รวมทั้งบรรดาแคมเปญ E-Girl อันลื่อลั่นสนั่นเมือง
(ซึ่งคนในแบงก์เรียกว่า อีเกิน เพราะใช้งบมากมายเหลือเกิน
ขณะที่คนทำงานงกๆได้เงินเดือนเพิ่มนิดเดียว)
Retail Banking ทุกที่ก็เหมือนกัน
โปรดักส์เงินฝาก เงินกู้รายบุคคล ก็คล้ายกัน
จะทำอย่างไรให้แตกต่าง สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้า
ตลอดจนธุรกรรม Transaction ได้มากกว่าเดิม
กูรูไม่รู้รายละเอียดหรือขั้นตอนภายในที่ KC เข้าไปเขย่า
ปลุกวิญญาณของการบริการสาขาต่างๆอย่างไร
เพราะในชีวิตไม่เคยเข้าไปใช้บริการแบ็งก์นี้เลย เนื่องจากเคยรู้สึกต่ำต้อย
ด้วยประสบการณ์การบริการที่ไม่ค่อยสู้ดีแต่เก่าก่อน
แต่ครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้าไปทำธุระให้ญาติมิตร
รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอย่างเป็นรูปธรรม
ใครจะมานึกว่า ผู้จัดการสาขา มายืนเปิดประตูรับแขก ( ซอมซ่ออย่างกูรู)
เชื้อชวนให้เข้าไปใช้บริการ
อ้า..ราวกับตัวเองเป็นแขกคนสำคัญอย่างไร อย่างนั้น
เอ..อันนี้คล้ายๆกับนายใหญ่ที่โรงแรมริมแม่น้ำแห่งหนึ่งปฎิบัติจนเป็นนิสัยเลยนะ
พนักงานเคาน์เตอร์ก็ดูมีสัมมาคารวะ ไม่ หรู เริด เชิด หยิ่ง
เจอหน้าก็ยกมือไหว้ (แทบจะรับไหว้ไม่ทัน)
หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส (ไม่รู้ถูกบังคับหรือเปล่า)
พร้อมอธิบายธุรกรรมต่างๆอย่างสุภาพ
(เออ..แต่ถ้าเพลาๆขายประกันหน่อยก็ดีนะ)
พนักงานคนอื่นๆก็ดูให้ความช่วยเหลือ แนะนำสินค้าต่างๆอย่างเข้าใจ ชัดเจน
เช่น กองทุนเปิดทั้งหลายแหล่ RMF LTF เล่าได้ละเอียดพอสมควร
ไม่เร่งเร้าขายจนน่าเกลียดเกินไป
หลังจากนั้นก็ได้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนขนานใหญ่ของแบ็งก์
ที่เรียกว่า Re Branding เปลี่ยนภาพลักษณ์ของธนาคารให้ใกล้ชิด
กับลูกค้ามากขึ้นเป็น Consumer Banking
เปลี่ยนสีสัน Identity การตกแต่งสาขา จากสีเดิม(จำไม่ได้) เป็นสีม่วงขรึม
ขยายสาขามากขึ้นๆ จนแทบเห็นโลโกใบโพธิ์สีม่วงทุกหัวถนน
Retail Banking จึงเติบโต แกร่งกล้ากลายเป็นพระเอกปักธงชัย
คว้าใจลูกค้าไปในที่สุด
ในเวลาเดียวกัน สถานะของ KC ก็ได้รับการยกย่อง
ยกระดับความสำคัญขึ้นจนถูกจับตามอง
เมื่อผู้บริหารคุณหญิงคนเดิมครบวาระ
KC จึงก้าวสู่บังลังก์ใบโพธิ์ พร้อมผลงานเชิดชูพิสูจน์
ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนเก่า คนแก่ปลูกต้นโพธิ์มาแต่ต้น
รางวัลนักการธนาคารแห่งปี รางวัลบริการ Retail Banking ดีเด่น
คงปฎิเสธไม่ได้ว่า เป็นผลจากความมุมานะ ผลักดันจาก
อดีตคนขายแชมพู เธอคนนี้
ล่าสุด The Asian Banker
นิตยสารด้านการเงินและการธนาคารชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย
มีมติเป็นเอกฉันท์มอบรางวัลเกียรติยศ สุดยอดผู้นำหญิงดีเด่นแห่งภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2550 หรือ The Asian Banker Achievement
Award for Women in the Financial Services Industry 2007
ซึ่งเป็นการคัดเลือกบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ในแวดวงการเงินการธนาคารของประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
KC เป็นผู้บริหารสถาบันการเงินไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้
ด้วยเหตุผลในการให้รางวัลว่า (อันนี้ลอกมานะครับ ไม่บังอาจเขียนเอง)
KC เป็นนักการเงินและผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์
ผลักดันให้แบ็งก์ใบโพธิ์เป็นธนาคารชั้นนำ
ที่ให้บริการทางการเงินครบวงจร The Premier Universal Bank
ด้วยความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Group)
และ ที่สำคัญสร้างความเติบโตทางธุรกิจแก่ธนาคารในทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจ ขนาดกลางและลูกค้าบุคคล
มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
จนแข็งแกร่งก้าวสู่การเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศ
มีจำนวนเครือข่ายที่มากที่สุด ทั้งในด้านจำนวนสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม
คงมีหนังสือพิมพ์ สื่อนิตยสาร ทีวี
ถามเคล็ดลับในการบริหารการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร
ว่า KC มีทฤษฎี หลักปฏิบัติอย่างไร
เพื่อนๆอาจมีโอกาสรับฟังบทสัมภาษณ์ตามแต่ละวาระ
แต่ถ้าในบทสรุปของกูรู ยังจำคำพูดง่ายๆของเจ๊ได้
ลูกค้า ไม่เหมือนกันสักคน บางคนชอบอย่างโน้น บางคนชอบอย่างนี้
ถ้าเราสามารถเข้าใจเขาแต่ละคน หาสิ่งที่พวกเขาชอบให้อย่างรวดเร็ว
เขาก็จะอยู่กับเราตลอดไป
(ถึงว่า แชมพูลูกรักของเจ๊ถึงมีเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหยิก
เส้นตรง เส้นดัด ผมสั้น ผมยาว ผมย้อย ผมโกรก..สารพัด)
ขอแสดงความยินดีอีกครั้งครับ KC
เมื่อ KC เข้าไป ภารกิจแรกที่ได้รับการมอบหมายก็คือ
พัฒนา Retail Bankingให้เต็มศักยภาพ
เพราะขณะนั้นยังตามหลังคู่แข่งพอสมควร
โดยเฉพาะแบ็งก์รวงข้าวที่มักจะมีนวัตกรรมใหม่ๆแหวกตลาดอยู่เรื่อย
รวมทั้งบรรดาแคมเปญ E-Girl อันลื่อลั่นสนั่นเมือง
(ซึ่งคนในแบงก์เรียกว่า อีเกิน เพราะใช้งบมากมายเหลือเกิน
ขณะที่คนทำงานงกๆได้เงินเดือนเพิ่มนิดเดียว)
Retail Banking ทุกที่ก็เหมือนกัน
โปรดักส์เงินฝาก เงินกู้รายบุคคล ก็คล้ายกัน
จะทำอย่างไรให้แตกต่าง สามารถเพิ่มจำนวนลูกค้า
ตลอดจนธุรกรรม Transaction ได้มากกว่าเดิม
กูรูไม่รู้รายละเอียดหรือขั้นตอนภายในที่ KC เข้าไปเขย่า
ปลุกวิญญาณของการบริการสาขาต่างๆอย่างไร
เพราะในชีวิตไม่เคยเข้าไปใช้บริการแบ็งก์นี้เลย เนื่องจากเคยรู้สึกต่ำต้อย
ด้วยประสบการณ์การบริการที่ไม่ค่อยสู้ดีแต่เก่าก่อน
แต่ครั้งหนึ่งมีโอกาสเข้าไปทำธุระให้ญาติมิตร
รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดอย่างเป็นรูปธรรม
ใครจะมานึกว่า ผู้จัดการสาขา มายืนเปิดประตูรับแขก ( ซอมซ่ออย่างกูรู)
เชื้อชวนให้เข้าไปใช้บริการ
อ้า..ราวกับตัวเองเป็นแขกคนสำคัญอย่างไร อย่างนั้น
เอ..อันนี้คล้ายๆกับนายใหญ่ที่โรงแรมริมแม่น้ำแห่งหนึ่งปฎิบัติจนเป็นนิสัยเลยนะ
พนักงานเคาน์เตอร์ก็ดูมีสัมมาคารวะ ไม่ หรู เริด เชิด หยิ่ง
เจอหน้าก็ยกมือไหว้ (แทบจะรับไหว้ไม่ทัน)
หน้าตายิ้มแย้ม แจ่มใส (ไม่รู้ถูกบังคับหรือเปล่า)
พร้อมอธิบายธุรกรรมต่างๆอย่างสุภาพ
(เออ..แต่ถ้าเพลาๆขายประกันหน่อยก็ดีนะ)
พนักงานคนอื่นๆก็ดูให้ความช่วยเหลือ แนะนำสินค้าต่างๆอย่างเข้าใจ ชัดเจน
เช่น กองทุนเปิดทั้งหลายแหล่ RMF LTF เล่าได้ละเอียดพอสมควร
ไม่เร่งเร้าขายจนน่าเกลียดเกินไป
หลังจากนั้นก็ได้เฝ้าสังเกตการเปลี่ยนขนานใหญ่ของแบ็งก์
ที่เรียกว่า Re Branding เปลี่ยนภาพลักษณ์ของธนาคารให้ใกล้ชิด
กับลูกค้ามากขึ้นเป็น Consumer Banking
เปลี่ยนสีสัน Identity การตกแต่งสาขา จากสีเดิม(จำไม่ได้) เป็นสีม่วงขรึม
ขยายสาขามากขึ้นๆ จนแทบเห็นโลโกใบโพธิ์สีม่วงทุกหัวถนน
Retail Banking จึงเติบโต แกร่งกล้ากลายเป็นพระเอกปักธงชัย
คว้าใจลูกค้าไปในที่สุด
ในเวลาเดียวกัน สถานะของ KC ก็ได้รับการยกย่อง
ยกระดับความสำคัญขึ้นจนถูกจับตามอง
เมื่อผู้บริหารคุณหญิงคนเดิมครบวาระ
KC จึงก้าวสู่บังลังก์ใบโพธิ์ พร้อมผลงานเชิดชูพิสูจน์
ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นคนเก่า คนแก่ปลูกต้นโพธิ์มาแต่ต้น
รางวัลนักการธนาคารแห่งปี รางวัลบริการ Retail Banking ดีเด่น
คงปฎิเสธไม่ได้ว่า เป็นผลจากความมุมานะ ผลักดันจาก
อดีตคนขายแชมพู เธอคนนี้
ล่าสุด The Asian Banker
นิตยสารด้านการเงินและการธนาคารชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย
มีมติเป็นเอกฉันท์มอบรางวัลเกียรติยศ สุดยอดผู้นำหญิงดีเด่นแห่งภูมิภาค
เอเชียแปซิฟิก ประจำปี 2550 หรือ The Asian Banker Achievement
Award for Women in the Financial Services Industry 2007
ซึ่งเป็นการคัดเลือกบุคคลที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง
ในแวดวงการเงินการธนาคารของประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
KC เป็นผู้บริหารสถาบันการเงินไทยคนแรกและคนเดียวที่ได้รับรางวัลในครั้งนี้
ด้วยเหตุผลในการให้รางวัลว่า (อันนี้ลอกมานะครับ ไม่บังอาจเขียนเอง)
KC เป็นนักการเงินและผู้นำองค์กรที่มีวิสัยทัศน์
ผลักดันให้แบ็งก์ใบโพธิ์เป็นธนาคารชั้นนำ
ที่ให้บริการทางการเงินครบวงจร The Premier Universal Bank
ด้วยความร่วมมือกับบริษัทในกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Group)
และ ที่สำคัญสร้างความเติบโตทางธุรกิจแก่ธนาคารในทุกด้าน
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ลูกค้าธุรกิจ ขนาดกลางและลูกค้าบุคคล
มีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง
จนแข็งแกร่งก้าวสู่การเป็นธนาคารขนาดใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศ
มีจำนวนเครือข่ายที่มากที่สุด ทั้งในด้านจำนวนสาขาและเครื่องเอทีเอ็ม
คงมีหนังสือพิมพ์ สื่อนิตยสาร ทีวี
ถามเคล็ดลับในการบริหารการเปลี่ยนแปลงภายในองค์กร
ว่า KC มีทฤษฎี หลักปฏิบัติอย่างไร
เพื่อนๆอาจมีโอกาสรับฟังบทสัมภาษณ์ตามแต่ละวาระ
แต่ถ้าในบทสรุปของกูรู ยังจำคำพูดง่ายๆของเจ๊ได้
ลูกค้า ไม่เหมือนกันสักคน บางคนชอบอย่างโน้น บางคนชอบอย่างนี้
ถ้าเราสามารถเข้าใจเขาแต่ละคน หาสิ่งที่พวกเขาชอบให้อย่างรวดเร็ว
เขาก็จะอยู่กับเราตลอดไป
(ถึงว่า แชมพูลูกรักของเจ๊ถึงมีเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหยิก
เส้นตรง เส้นดัด ผมสั้น ผมยาว ผมย้อย ผมโกรก..สารพัด)
ขอแสดงความยินดีอีกครั้งครับ KC
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 5
หวังว่าข้อความที่กูรูเขียนเล่าลงไปคงไม่ได้เกี่ยว
หรือดันราคาหุ้นให้เปลี่ยนแปลงอย่างไร
เพราะเป็นการมองกลยุทธ์ระยะยาวของแบ็งก์มากกว่า
เพราะฉะนั้น ใครๆที่อาจจะกังขาว่ามีส่วนได้ส่วนเสียหรือเปล่า
กูรูไม่มีหุ้นตัวนี้นะครับ
และโดยหน้าที่การงานก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับแบ็งก์ใบโพธิ์
เลยแม้แต่สักกระผีก
แต่ที่พอมีประสบการณ์บ้างก็คือ แบ็งก์รวงข้าว
ตั้งแต่สมัยที่ท่านประธานคือ คุณบัญชา ล่ำซำ
คุณพ่อของคุณปั้น (บัณฑูร ล่ำซำ)ยังมีชีวิตอยู่
เคยเข้าไปเดินโฉบเฉี่ยวแถวระเบียงจิตรกรรมบนชั้นทำงานของท่าน
ได้มีโอกาสชื่นชมภาพจิตรกรรมไทยๆทั้งหลายที่นำมาประดับ
เลยมีโอกาสรู้จักนักเรียนทุนกสิกรไทยที่เป็นใหญ่เป็นโตหลายคนทุกวันนี้
(มาถึงตอนนี้ คงรู้จักเขาข้างเดียวแล้วล่ะ อิอิ)
ไว้ว่างๆค่อยเล่าประสบการณ์บางเสี้ยวกับอดีตประธานแบงก์รวงข้าวให้ฟัง
ใครจะฟังมั้ยเนี่ย...
จบแล้วครับ หวังว่า ม้าไม้โทรจัน ยังไม่ออกมาอาวะวาดก่อนจะโพสเสร็จ
หรือดันราคาหุ้นให้เปลี่ยนแปลงอย่างไร
เพราะเป็นการมองกลยุทธ์ระยะยาวของแบ็งก์มากกว่า
เพราะฉะนั้น ใครๆที่อาจจะกังขาว่ามีส่วนได้ส่วนเสียหรือเปล่า
กูรูไม่มีหุ้นตัวนี้นะครับ
และโดยหน้าที่การงานก็ไม่เคยเกี่ยวข้องกับแบ็งก์ใบโพธิ์
เลยแม้แต่สักกระผีก
แต่ที่พอมีประสบการณ์บ้างก็คือ แบ็งก์รวงข้าว
ตั้งแต่สมัยที่ท่านประธานคือ คุณบัญชา ล่ำซำ
คุณพ่อของคุณปั้น (บัณฑูร ล่ำซำ)ยังมีชีวิตอยู่
เคยเข้าไปเดินโฉบเฉี่ยวแถวระเบียงจิตรกรรมบนชั้นทำงานของท่าน
ได้มีโอกาสชื่นชมภาพจิตรกรรมไทยๆทั้งหลายที่นำมาประดับ
เลยมีโอกาสรู้จักนักเรียนทุนกสิกรไทยที่เป็นใหญ่เป็นโตหลายคนทุกวันนี้
(มาถึงตอนนี้ คงรู้จักเขาข้างเดียวแล้วล่ะ อิอิ)
ไว้ว่างๆค่อยเล่าประสบการณ์บางเสี้ยวกับอดีตประธานแบงก์รวงข้าวให้ฟัง
ใครจะฟังมั้ยเนี่ย...
จบแล้วครับ หวังว่า ม้าไม้โทรจัน ยังไม่ออกมาอาวะวาดก่อนจะโพสเสร็จ
-
- Verified User
- โพสต์: 24
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 7
ขอบคุณค่ะ มารอฟังเรื่องอื่นต่อด้วยคนนะคะ
-
- Verified User
- โพสต์: 987
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 10
มาต่ออีกนิดหนึ่ง
มีผู้ให้ความเห็นว่า SCB กำลังเล่มเกมส์ Asset PLay
ด้วยการขยายสาขาให้ครอบคลุมมากที่สุด คล้ายๆ 7-11
กูรูมองว่า Model Strategy จากนี้ไปน่าจะเป็น Modern Trade Banking
โดยพัฒนาจากมุมมองของผู้บริหารที่คุ้นเคยกับการค้าขายปลีก
โดยจะมี
สาขาใหญ่ ขนาด Branch เป็น Supermarket
มีครบทุกบริการ ลูกค้ารายใหญ่ รายกลางและรายย่อย
สาขาย่อย เป็น Convenient Banking (คล้ายร้านสะดวกซื้อ)
ให้ความสำคัญของบริการลูกค้ารายย่อยทั่วไป
สาขามุมหรือคอร์นเนอร์ (Corner Store) ในพื้นที่จำกัด
เช่น ในห้างสรรพสินค้า ให้บริการที่จำกัดลง ( ไม่มีบริการสินเชื่อ)
สาขาตู้ ATM Stand Alone เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อครอบคลุมและดัดแปลงบริการให้เหมาะสมกับประชากรในพื้นที่
เป็น Model ที่ต้องดูต่อไปว่าจะเป็นไปตามนี้หรือไม่
เช่นเดียวกัน ธนาคารทหารไทยที่ ING เข้ามาถือหุ้นใหญ่
อาจจะกลาย Model เป็น Insurance Banking
ตาม Competency ของ ING หรือเปล่า
มีผู้ให้ความเห็นว่า SCB กำลังเล่มเกมส์ Asset PLay
ด้วยการขยายสาขาให้ครอบคลุมมากที่สุด คล้ายๆ 7-11
กูรูมองว่า Model Strategy จากนี้ไปน่าจะเป็น Modern Trade Banking
โดยพัฒนาจากมุมมองของผู้บริหารที่คุ้นเคยกับการค้าขายปลีก
โดยจะมี
สาขาใหญ่ ขนาด Branch เป็น Supermarket
มีครบทุกบริการ ลูกค้ารายใหญ่ รายกลางและรายย่อย
สาขาย่อย เป็น Convenient Banking (คล้ายร้านสะดวกซื้อ)
ให้ความสำคัญของบริการลูกค้ารายย่อยทั่วไป
สาขามุมหรือคอร์นเนอร์ (Corner Store) ในพื้นที่จำกัด
เช่น ในห้างสรรพสินค้า ให้บริการที่จำกัดลง ( ไม่มีบริการสินเชื่อ)
สาขาตู้ ATM Stand Alone เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อครอบคลุมและดัดแปลงบริการให้เหมาะสมกับประชากรในพื้นที่
เป็น Model ที่ต้องดูต่อไปว่าจะเป็นไปตามนี้หรือไม่
เช่นเดียวกัน ธนาคารทหารไทยที่ ING เข้ามาถือหุ้นใหญ่
อาจจะกลาย Model เป็น Insurance Banking
ตาม Competency ของ ING หรือเปล่า
- Ryuga
- Verified User
- โพสต์: 1771
- ผู้ติดตาม: 0
เมื่อคนขายแชมพูมาเป็นแบงเกอร์หญิงแห่งอาเซียน
โพสต์ที่ 11
รอฟังพี่กูรูฯ เล่าต่อด้วยคนครับ
Low Profile High Profit
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร
หมากล้อมเย้ยยุทธจักร