หมอเลี้ยบ ล่ากุนซือเศรษฐกิจ ร่วมร่างแผนกระตุ้นตลาดหุ้น

[vichit]

หมอเลี้ยบ ล่ากุนซือเศรษฐกิจ ร่วมร่างแผนกระตุ้นตลาดหุ้น

          หมอเลี้ยบ เตรียมดึงทีมมืออาชีพ ศุภวุฒิ ก้องเกียรติ นิพัธ ร่วมร่างแผน
ออกมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้น เตรียมไปโรดโชว์ญี่ปุ่นประเทศแรก เดือนมี.ค.-เม.ย. ด้าน กิตติ
ยอมรับถูก หมอเลี้ยบ ทาบนั่งกุนซือคลัง เตรียมเขย่าโครงสร้างระบบงบประมาณ-ลดบทบาท
ภาคการเงิน ชี้ธปท.แทรกแซงค่าเงิน ผิดพลาด ทำประเทศชาติเสียหายกว่า 2 แสนล้าน
                    น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
กล่าวว่า คลังเตรียมที่จะออกแพ็กเกจกระตุ้นตลาดหุ้นภายในเร็วๆ นี้ ซึ่งมีทางเลือกอยู่หลายทาง
โดยได้รับคำแนะนำผู้ที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญในด้านเศรษฐกิจที่ทาบให้เป็นที่ปรึกษา อาทิ
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ สายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ภัทร นายก้องเกียรติ
โอภาสวงการ ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตที่ปรึกษา
พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์
ดร.ทนง พิทยะ อดีตรัฐมนตรีคลัง รวมทั้งนายนิพัธ พุกกะณะสุต
                   ดร.ก้องเกียรติ เป็นเพื่อนผมตั้งแต่สมัยเรียนโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ซึ่งเป็น
ผู้ให้คำแนะนำมาโดยตลอด ส่วนจะมีการลดภาษีนิติบุคคลให้กับบริษัทจดทะเบียนใน
ตลาดหลัก ทรัพย์ฯ ต่ออีกหรือไม่นั้น คงต้องพิจารณากันก่อน น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
                    ส่วนการโรดโชว์ประเทศญี่ปุ่นในช่วง มี.ค.-เม.ย. 2551 แต่หากเป็นโรดโชว์
ขนาดเล็ก จะพูดคุยกับสำนักข่าวต่างประเทศ โดยในวันที่ 28 ก.พ. 2551 จะพูดคุยกับนักข่าว
ประเทศญี่ปุ่นถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของไทย
                    น.พ.สุรพงษ์ กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย มูลค่า 5 แสนล้านบาท ว่าแนวทาง
การระดมทุนขณะนี้ มีทั้งการออกพันธบัตรระยะยาว รวมทั้งการตั้งกองทุนวายุภักษ์ 2 ซึ่งต้องรอให้
มีการประชุมหารือกันก่อนในสัปดาห์หน้า
                    โครงการลงทุนขนาดใหญ่อย่างรถไฟฟ้า ต้องเร่งดำเนินการโดยเร่งด่วน ซึ่ง
เม็ดเงินจะลง สู่ระบบได้ประมาณปลายปีนี้ แต่ที่สำคัญคือภาค เอกชนจะเกิดความมั่นใจ กล้าที่จะ
ลงทุนมากขึ้น โดยเฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ตามแนวก่อสร้างรถไฟฟ้า น.พ.สุรพงษ์ กล่าว
                   นายกิตติ ลิ่มสกุล อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
กล่าวถึงกระแสข่าวถูกทาบทามเป็นทีมที่ปรึกษานายแพทย์ (น.พ.) สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายก
รัฐมนตรีและรมว.คลัง โดยยังปฏิเสธที่จะให้ราย ละเอียดในตอนนี้ และขอให้มีคำสั่งแต่งตั้ง
อย่างเป็นทางการก่อน พร้อมแสดงความเห็นในการตั้งเป้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ
(จีดีพี) ในปี 2551 มีการเติบโตที่ 5.5% เป็นสิ่งที่สามารถทำได้
                  นอกจากนี้ นายกิตติ ยังระบุว่า ธนาคาร แห่งประเทศไทย (ธปท.) ควรปล่อยให้อัตรา
แลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะ การแทรกแซงค่าเงินบาทช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
ทำ ให้เกิดความเสียหายกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ผิดพลาด
                  ทั้งนี้ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การจะ
กระเตื้องเศรษฐกิจนั้นต้องขึ้นอยู่กับทิศทางของ นโยบาย และการคืนศักยภาพให้กับแรงงานไทย
สำหรับแผนการรื้อฟื้นนโยบายด้านประชานิยมนั้น นายกิตติ ระบุว่าก่อนหน้านี้ รัฐบาลของ
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ยกเลิกนโยบาย ประชานิยมไปหลายโครงการ
                  ดังนั้น การกลับมาบริหารประเทศของพรรคพลังประชาชน (พปช.) ครั้งนี้ พรรคจึง
ต้องสานต่อโครงการประชานิยมเดิมที่มีอยู่ โครงการไหนที่ถูกยกเลิกไปก็จะนำกลับมาใช้ใหม่
เช่น โครงการเอสเอ็มแอล โครงการกองทุนเงิน กู้ยืมที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) ที่ถูกปรับ
เปลี่ยนเป็นกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ก็จะปรับให้เป็นกองทุน กรอ.เหมือนเดิม
ส่วนนโยบายด้านอื่นๆ เช่น กองทุนหมู่บ้านก็จะเดินหน้าต่อไป โครงการโอท็อปก็จะกลับไปยึด
แนวเดิมเพราะรัฐบาลที่ผ่านมาหันมาพัฒนา ฟื้นฟูเรื่องความยากจนแทน อีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ค่อยได้
มีการพูดถึงกันมากนักคือ เรื่องเอสเอ็มอี ขณะนี้อยู่ในภาวะลำบาก ต้องใช้แนวคิดเรื่องทุน มนุษย์
บวกกับทุนด้านสมองมาเป็นเครื่องมือทำให้เอสเอ็มอีไทยเข้มแข็งโดยงบประมาณจะต้องจัดทำ
เป็นงบประมาณขาดดุล เพราะเศรษฐกิจดูเหมือนถดถอยมากทั้งๆ ที่สภาพ ต่างๆ ยังดีอยู่
                จากนี้ไปจึงต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนให้บริโภคได้ แต่ต้องมีวินัย
ไม่บริโภคเกินตัว ส่วนการกู้เงินจากตลาดทุน ตลาดเงินก็ยังสามารถทำได้อยู่ นายกิตติ กล่าว
                ทั้งนี้ มีการตั้งข้อสังเกตว่า นายกิตติ เคย เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย และ
เป็นผู้ร่วมผลิตนโยบายประชานิยมในสมัยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ตัวจริงเสียงจริง