อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
- ย้ำคิดย้ำฝัน
- Verified User
- โพสต์: 105
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
โพสต์ที่ 1
ผมมองว่าไม่ว่าเราจะเลือกทำงาน เล่นกีฬา เรียน จีบหญิง
เราควรเลือกทำในสิ่งที่เรารัก
ที่สำคัญอีกอย่างคือ ทำในสิ่งที่เราถนัด
ถ้าเราถนัด เก่ง ชำนาญ งานแบบไหนเป็นพิเศษ กีฬาอะไรเป็นพิเศษ วิชาอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ เราเลือกที่จะทำมัน เล่นมัน เรียนมัน แน่นอนว่ามันจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา
ถ้าเราเก่งกว่าคนอื่น ๆ อีกก็จะได้เปรียบมาก โอกาสประสบความสำเร็จก็จะสูงมากตามไปด้วย
เราจะได้อยู่ในสิ่งที่เรารัก ที่เราชำนาญ
ผมไม่ถนัดเล่นหุ้นครับ เล่นไปก็เสียเปรียบคนอื่นเค้าอยู่ดี
ก็เราไม่ชำนาญนี่หว่า ดูแล้วมันยากเกินไป เห็นส่วนมากพี่ ๆที่เก่งๆทำงานประสบความสำเร็จสูงๆหลายคนก็ยังเจ็บตัวกันทั้งนั้น
ไม่เคยสนใจเล่นหุ้นเลยครับ มองว่าถ้ามีเงินมากนักก็เอาไปลงทุนทำธรุกิจของตัวเองดีกว่า เป็นหัวหน้าคน เป็นหุ้นส่วน เป็นเจ้าของกิจการ กำไรน่าจะคุ้มค่ากว่าเล่นหุ้นมากมาย ประสบความสำเร็จก็มีคนยกย่อง
ผมอาจจะคิดผิดครับ
พี่ ๆ เป็นมั้ยครับ ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ยิ่งทำยิ่งมีเงินสดน้อยลง ยิ่งทำยิ่งต้องขยายกิจการ ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งทำยิ่งมีเวลาว่างน้อยลง ยิ่งทำยิ่งละศีล ยิ่งทำยิ่งมีสุขน้อยลง
การอยู่ภายใต้ทุนนิยม และเปิดเสรีทางการแข่งขัน ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าขาดแคลนทุนก็เหนื่อยครับ การจะสร้าง Barrier to entry ก็ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ แถมเป็นคนใจอ่อนก็ดูเหมือนจะถูกเอาเปรียบอยู่ตลอด
มารู้สึกตัวก็ตอนได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง และก็ใน TVI นี่แหละครับ ทำให้ผมมีมุมมองใหม่ในการเล่นหุ้น
และก็ยังคงใช้ระบบความคิดแบบเดิมว่าจะเล่นหุ้นก็จะเล่นในแบบที่เราถนัด
การเล่นหุ้นก็น่าจะเป็นอะไรที่คล้ายกันนะผมว่า
ถึงแม้นว่าผมจะเป็นมือใหม่ ยังขาดประสบการณ์อยู่มาก
แต่ผมถามตัวเองได้ว่าแบบไหน styleไหนล่ะทีเราชอบและถนัด
นอกเรื่องมานาน ขอถามเพื่อนๆพี่ๆ หน่อยนะครับว่า นอกจากเล่นหุ้นแล้ว มีที่มาของรายได้จากแหล่งอื่นอะไรบ้าง และสำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ(ที่ไม่ได้อยู่ในSET) มีความคิดแบบนี้บ้างไหมครับ
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
เราควรเลือกทำในสิ่งที่เรารัก
ที่สำคัญอีกอย่างคือ ทำในสิ่งที่เราถนัด
ถ้าเราถนัด เก่ง ชำนาญ งานแบบไหนเป็นพิเศษ กีฬาอะไรเป็นพิเศษ วิชาอะไรที่ชอบเป็นพิเศษ เราเลือกที่จะทำมัน เล่นมัน เรียนมัน แน่นอนว่ามันจะใกล้เคียงกับสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรา
ถ้าเราเก่งกว่าคนอื่น ๆ อีกก็จะได้เปรียบมาก โอกาสประสบความสำเร็จก็จะสูงมากตามไปด้วย
เราจะได้อยู่ในสิ่งที่เรารัก ที่เราชำนาญ
ผมไม่ถนัดเล่นหุ้นครับ เล่นไปก็เสียเปรียบคนอื่นเค้าอยู่ดี
ก็เราไม่ชำนาญนี่หว่า ดูแล้วมันยากเกินไป เห็นส่วนมากพี่ ๆที่เก่งๆทำงานประสบความสำเร็จสูงๆหลายคนก็ยังเจ็บตัวกันทั้งนั้น
ไม่เคยสนใจเล่นหุ้นเลยครับ มองว่าถ้ามีเงินมากนักก็เอาไปลงทุนทำธรุกิจของตัวเองดีกว่า เป็นหัวหน้าคน เป็นหุ้นส่วน เป็นเจ้าของกิจการ กำไรน่าจะคุ้มค่ากว่าเล่นหุ้นมากมาย ประสบความสำเร็จก็มีคนยกย่อง
ผมอาจจะคิดผิดครับ
พี่ ๆ เป็นมั้ยครับ ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ยิ่งทำยิ่งมีเงินสดน้อยลง ยิ่งทำยิ่งต้องขยายกิจการ ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งทำยิ่งมีเวลาว่างน้อยลง ยิ่งทำยิ่งละศีล ยิ่งทำยิ่งมีสุขน้อยลง
การอยู่ภายใต้ทุนนิยม และเปิดเสรีทางการแข่งขัน ไม่ว่าจะทำอะไรถ้าขาดแคลนทุนก็เหนื่อยครับ การจะสร้าง Barrier to entry ก็ไม่ใช่ว่าจะทำกันได้ง่ายๆ แถมเป็นคนใจอ่อนก็ดูเหมือนจะถูกเอาเปรียบอยู่ตลอด
มารู้สึกตัวก็ตอนได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่ง และก็ใน TVI นี่แหละครับ ทำให้ผมมีมุมมองใหม่ในการเล่นหุ้น
และก็ยังคงใช้ระบบความคิดแบบเดิมว่าจะเล่นหุ้นก็จะเล่นในแบบที่เราถนัด
การเล่นหุ้นก็น่าจะเป็นอะไรที่คล้ายกันนะผมว่า
ถึงแม้นว่าผมจะเป็นมือใหม่ ยังขาดประสบการณ์อยู่มาก
แต่ผมถามตัวเองได้ว่าแบบไหน styleไหนล่ะทีเราชอบและถนัด
นอกเรื่องมานาน ขอถามเพื่อนๆพี่ๆ หน่อยนะครับว่า นอกจากเล่นหุ้นแล้ว มีที่มาของรายได้จากแหล่งอื่นอะไรบ้าง และสำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ(ที่ไม่ได้อยู่ในSET) มีความคิดแบบนี้บ้างไหมครับ
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
-
- Verified User
- โพสต์: 55
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
โพสต์ที่ 2
ชอบตรงทำในสิ่งที่เรารัก เราถนัด ครับ
"ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งทำยิ่งขยายกิจการ"
แต่เงินสดไม่ควรลดลง ทุกครั้งที่มีหนี้เพิ่มนี่ครับ
แสดงว่า มีปัญหาเรื่องการบริหารต้นทุน หรือปัญหาการบริหารทรัพย์สิน หรืออาจนำเงินไปใช้ส่วนตัว โดยไม่รู้ตัว และไม่จำเป็น
ปล.
กิจการถ้ากำไรดีต่อเนื่อง ราคาเกิน book ก็น่าสน
กิจการขาดทุน กำไรไม่แน่นอน หนี้มาก เงินสดน้อย กระแสเงินสดติดลบ
ให้เปล่าก็ไม่เอา ครับ
"ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งทำยิ่งขยายกิจการ"
แต่เงินสดไม่ควรลดลง ทุกครั้งที่มีหนี้เพิ่มนี่ครับ
แสดงว่า มีปัญหาเรื่องการบริหารต้นทุน หรือปัญหาการบริหารทรัพย์สิน หรืออาจนำเงินไปใช้ส่วนตัว โดยไม่รู้ตัว และไม่จำเป็น
ปล.
กิจการถ้ากำไรดีต่อเนื่อง ราคาเกิน book ก็น่าสน
กิจการขาดทุน กำไรไม่แน่นอน หนี้มาก เงินสดน้อย กระแสเงินสดติดลบ
ให้เปล่าก็ไม่เอา ครับ
"ความฝัน" ถ้าไม่ทำให้เป็นจริง
ก็ไม่มีความหมาย
นักเก็งกำไรระยะยาว
ก็ไม่มีความหมาย
นักเก็งกำไรระยะยาว
- path2544
- Verified User
- โพสต์: 543
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
โพสต์ที่ 3
แล้วทำไมไม่ทำให้กิจการ มาอยู่ Set ล่ะครับ พยายามต่อครับนอกเรื่องมานาน ขอถามเพื่อนๆพี่ๆ หน่อยนะครับว่า นอกจากเล่นหุ้นแล้ว มีที่มาของรายได้จากแหล่งอื่นอะไรบ้าง และสำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ(ที่ไม่ได้อยู่ในSET) มีความคิดแบบนี้บ้างไหมครับ
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
(ดีแล้วครับที่ยังเริ่มกิจการของตนเองได้ )
เอาใจช่วยครับ
ไม่เก่งทั้งวิเคราะห์เทคนิค ปัจจัยพื้นฐาน แต่เราก็ยังรั้นที่จะรวยเพราะหุ้น
- ayethebing
- Verified User
- โพสต์: 2125
- ผู้ติดตาม: 0
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง
โพสต์ที่ 4
ขอทำความเข้าใจในประเด็นของจขกท. ก่อนนะครับ
จขกท. อยากให้เปรียบเทียบระหว่างการลงทุนในตลาดหุ้นกับกิจการของตนเองใช่หรือเปล่า
ผมว่าการมีกิจการเป็นของตัวเองยากมากๆ และต้องใช้พลังงานสูงมากๆ ในการทำให้กิจการประสพความสำเร็จ ดังนั้นถ้าต้องทำจริงๆ จะต้องเป็นทั้งในสิ่งที่เรารักและถนัด ขาดอย่างใดอย่างนึงไปจะไม่ประสพความสำเร็จ
ผมเคยทำในสิ่งที่ผมถนัด แต่ไม่ได้รักจะทำ ผลที่ได้ก็คือ เราทำงานผ่านไปแต่ละวันด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเท่าที่ควร โดยเฉพาะตอนเริ่มแรก ยิ่งเหนื่อยเป็นทวีคูณ จะต้องรู้ให้รอบด้านทั้งการตลาด การเงิน การบริหารคน (อันนี้แหละ เหนื่อยมากๆ ที่สุด)
ผมก็เคยลองคิดจะทำในสิ่งที่ผมรักแต่พอไม่มีความถนัดก็กลัวจะทำแล้วไม่ได้ดี ขนาดที่ถนัดยังทำไม่ได้ดีเลย
ถ้าคุณเก่งสุดยอดในเรืองนึงๆ และรักที่จะทำในเรื่องนั้นๆ ผมเชียร์ว่าลองเป็นเจ้านายตัวเองดูครับ ชีวิตเราสั้นๆ เราต้องลองทุกๆ อย่าง จะได้มาโทษตัวเองทีหลังว่า "รู้งี้" (ลอกคำพูดท่านพอใจมา)
กลับมาเรื่องการลงทุนในหุ้น ผมว่ามันเป็นมุมมองอีกด้านนะ เพราะส่วนตัวผมไม่หวังจะรวยเร็วเรื่องหุ้น ไม่หวังว่าจะให้หุ้นเลี้ยงผมโดยที่ผมไม่ต้องทำงานหลังจากที่ลงทุนในห้นไม่กี่ปี ผมยังมีความสุขกับการทำงานอยู่ และคงเลิกทำงานในหลายๆ ปีนี้ยังไม่ได้หรอกครับ
การลงทุนในหุ้นเหมือนกับการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่เรามีจากเงินเดือนหรือกิจการส่วนตัวหรือแม้แต่มรดก ซึ่งถ้าผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วผมเชื่อว่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากธนาคาร อย่างแน่นอน
ซึ่งแนวทางการลงทุนแน่นอนมีหลายแนวทาง แต่สำหรับผมแล้วแนวทาง VI เหมาะกับตัวเองมากที่สุด เพราะเป็นแนวทางที่สามารถปฎิบัติได้จริงและมีหลักการที่สามารถเข้าใจได้ครับ
เคยมีการเถียงกันว่า VI ไม่เห็นง่ายเลย มันจะต้องรู้ธุรกิจต้องอ่านงบเป็น ต้องวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงเป็น ต้องคำนวณ DCF เป็น และอื่นๆ อีกมากมาย
อืม จริงครับแต่ไม่มีอาหารกลางวันที่ไหนฟรีหรอกครับ ต้องอ่านเยอะ ต้องศึกษามากๆ เพื่อประสพความสำเร็จในการลงทุนแนวนี้ แต่รับรองได้ว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถของผู้ที่ต้องการศึกษาหรอกครับ
สุดท้ายฝากไว้ว่า การยกย่องจากสังคม ความมีชื่อเสียงว่าประสพความสำเร็จ เป็นแค่ภาพลวงตานะครับ เงิน เอ้ย ความสุขในการใช้ชีวิตต่างหากที่เป็นของจริง
ไม่รู้ตรงประเด็นหรือปล่าวนะเนี่ย :twisted:
จขกท. อยากให้เปรียบเทียบระหว่างการลงทุนในตลาดหุ้นกับกิจการของตนเองใช่หรือเปล่า
ผมว่าการมีกิจการเป็นของตัวเองยากมากๆ และต้องใช้พลังงานสูงมากๆ ในการทำให้กิจการประสพความสำเร็จ ดังนั้นถ้าต้องทำจริงๆ จะต้องเป็นทั้งในสิ่งที่เรารักและถนัด ขาดอย่างใดอย่างนึงไปจะไม่ประสพความสำเร็จ
ผมเคยทำในสิ่งที่ผมถนัด แต่ไม่ได้รักจะทำ ผลที่ได้ก็คือ เราทำงานผ่านไปแต่ละวันด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไม่มีเวลาให้กับครอบครัวเท่าที่ควร โดยเฉพาะตอนเริ่มแรก ยิ่งเหนื่อยเป็นทวีคูณ จะต้องรู้ให้รอบด้านทั้งการตลาด การเงิน การบริหารคน (อันนี้แหละ เหนื่อยมากๆ ที่สุด)
ผมก็เคยลองคิดจะทำในสิ่งที่ผมรักแต่พอไม่มีความถนัดก็กลัวจะทำแล้วไม่ได้ดี ขนาดที่ถนัดยังทำไม่ได้ดีเลย
ถ้าคุณเก่งสุดยอดในเรืองนึงๆ และรักที่จะทำในเรื่องนั้นๆ ผมเชียร์ว่าลองเป็นเจ้านายตัวเองดูครับ ชีวิตเราสั้นๆ เราต้องลองทุกๆ อย่าง จะได้มาโทษตัวเองทีหลังว่า "รู้งี้" (ลอกคำพูดท่านพอใจมา)
กลับมาเรื่องการลงทุนในหุ้น ผมว่ามันเป็นมุมมองอีกด้านนะ เพราะส่วนตัวผมไม่หวังจะรวยเร็วเรื่องหุ้น ไม่หวังว่าจะให้หุ้นเลี้ยงผมโดยที่ผมไม่ต้องทำงานหลังจากที่ลงทุนในห้นไม่กี่ปี ผมยังมีความสุขกับการทำงานอยู่ และคงเลิกทำงานในหลายๆ ปีนี้ยังไม่ได้หรอกครับ
การลงทุนในหุ้นเหมือนกับการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินที่เรามีจากเงินเดือนหรือกิจการส่วนตัวหรือแม้แต่มรดก ซึ่งถ้าผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วผมเชื่อว่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าฝากธนาคาร อย่างแน่นอน
ซึ่งแนวทางการลงทุนแน่นอนมีหลายแนวทาง แต่สำหรับผมแล้วแนวทาง VI เหมาะกับตัวเองมากที่สุด เพราะเป็นแนวทางที่สามารถปฎิบัติได้จริงและมีหลักการที่สามารถเข้าใจได้ครับ
เคยมีการเถียงกันว่า VI ไม่เห็นง่ายเลย มันจะต้องรู้ธุรกิจต้องอ่านงบเป็น ต้องวิเคราะห์มูลค่าที่แท้จริงเป็น ต้องคำนวณ DCF เป็น และอื่นๆ อีกมากมาย
อืม จริงครับแต่ไม่มีอาหารกลางวันที่ไหนฟรีหรอกครับ ต้องอ่านเยอะ ต้องศึกษามากๆ เพื่อประสพความสำเร็จในการลงทุนแนวนี้ แต่รับรองได้ว่ามันไม่ได้ยากเกินความสามารถของผู้ที่ต้องการศึกษาหรอกครับ
สุดท้ายฝากไว้ว่า การยกย่องจากสังคม ความมีชื่อเสียงว่าประสพความสำเร็จ เป็นแค่ภาพลวงตานะครับ เงิน เอ้ย ความสุขในการใช้ชีวิตต่างหากที่เป็นของจริง
ไม่รู้ตรงประเด็นหรือปล่าวนะเนี่ย :twisted:
ขอนไม้อันนิ่งสงบ
- picatos
- สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
- โพสต์: 3227
- ผู้ติดตาม: 4
Re: อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ
โพสต์ที่ 5
ขอแนะนำให้อ่าน E-Myth Revisited มีฉบับแปลโดยสำนักพิมพ์ AR อาจช่วยคุณได้ย้ำคิดย้ำฝัน เขียน:...พี่ ๆ เป็นมั้ยครับ ยิ่งทำยิ่งเหนื่อย ยิ่งทำยิ่งมีเงินสดน้อยลง ยิ่งทำยิ่งต้องขยายกิจการ ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ ยิ่งทำยิ่งมีเวลาว่างน้อยลง ยิ่งทำยิ่งละศีล ยิ่งทำยิ่งมีสุขน้อยลง...
ถ้าทำธุรกิจให้มันดีแล้ว ใครๆ ก็อยากได้หุ้นครับ...ย้ำคิดย้ำฝัน เขียน:...นอกเรื่องมานาน ขอถามเพื่อนๆพี่ๆ หน่อยนะครับว่า นอกจากเล่นหุ้นแล้ว มีที่มาของรายได้จากแหล่งอื่นอะไรบ้าง และสำหรับคนที่เป็นเจ้าของกิจการ(ที่ไม่ได้อยู่ในSET) มีความคิดแบบนี้บ้างไหมครับ
อยากขายกิจการที่ทำอยู่ทั้งหมดเลย มีใครให้ราคาเกิน Book บ้าง