ไปบอกแฟนเมื่อกี้ แฟนบอก "ฟังแล้วจะอ๊วก...อิ..อิ"
เมื่อวานผมไปดู รักแห่งสยามมา ยังอินอยู่เลยครับ
ดูแล้ว อยากควักความรักที่ไม่ขวยเขินให้คนข้างๆ ชม

หนังเขาดีครับ......อิ อิ
มองไปทางไหน ก็ซับน้ำตากัน
ดีจริงๆ ครับ สอนอะไรเราตั้งเยอะ
ผมชอบตอนหนึ่งที่บอกว่า
รักในครอบครัว มีทั้งความรัก ความคาดหวัง แล้วก็ความทุกข์
แต่ยังดีกว่า ความรักที่ไม่แสดงออกเลย
โห....อืม.....อ้า ....อุ้ย.....ป้าดดด.....โดนสุด ๆครับ
ขอไปก๊อปจากเซียนหนังท่านหนึ่งมาให้อ่านตอนเช้ากันนะครับ
สรดิเทพ ศุภจรรยา / 22 พฤศจิกายน 2550
©thaicinema.org
http://www.thaicinema.org/reviewsth43rak.asp
เชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักชื่อของผู้กำกับ มะเดี่ยว-ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล เป็นอย่างดี กับผลงานก้องโลก (จริง ๆ นะครับ) อย่าง 13 เกมสยอง
และเมื่อเขามีผลงานชิ้นที่สาม ซึ่งแตกต่างจาก 13 เกมสยอง อย่างสิ้นเชิง ผมคิดว่า ตั้งแต่นี้ต่อไป เราคงจะต้องจำชื่อเขาให้ดี
มะเดี่ยว ไม่ใช่ผู้กำกับแบบ one-hit wonder .ก็ประเภทตีหัวเข้าบ้าน ทำหนังเยี่ยมหนึ่งเรื่องแล้วก็หายไป แต่ผมคิดว่าเขาคือหนึ่งในผู้กำกับรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองที่สุดในขณะนี้ ด้วยการเขียนบทภาพยนตร์ที่ลึกซึ้ง ลงตัว และเข้าถึงอารมณ์ผู้ชมได้อย่างดี และการกล้านำเสนอเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการปิดบัง หรือปรานีปรานอมใดๆ ซึ่งจริงๆเราเริ่มเห็นตั้งแต่ 13 เกมสยอง ผลงานชั้นเยี่ยมเรื่องที่แล้วของเขา ที่โดดเด่นทั้งวิธีการเล่าเรื่อง พร้อมแฝงการวิพากษ์วิจารณ์เสียดสีสังคมเมืองปัจจุบันได้อย่างตรงจุด
และในผลงานล่าสุดของเขา รักแห่งสยาม ก็เช่นกัน มะเดี่ยวเลือกที่จะนำเสนอความจริงในสังคมไทยแบบไม่เคลือบน้ำตาล ไม่ปกปิดจุดล่อแหลม ไม่ครุมเครือ และอาจจะค่อนข้างเครียดไปสักนิดสำหรับหนังรักวัยรุ่น แต่เป็นแง่มุมชีวิตที่สามารถเกิดขึ้นได้จริง และอาจได้เกิดขึ้นจริงแล้วกับหลายๆคน
มิว (พิช-วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล) เด็กหนุ่มนักดนตรีที่จมอยู่กับความเหงา ตั้งแต่เสียอาม่าไปเมื่อหลายปีที่ก่อน เขา มีปัญหากับการเขียนเพลงรักเพื่อนำไปเสนอค่ายเพลง จนกระทั่งได้พบกับ โต้ง (มาริโอ้ เมาเร่อ) เพื่อนสนิทในวัยเด็กที่ย้ายบ้านไปหลายปี โต้งเปรียบเสมือนความสุขในวัยเด็กชิ้นสุดท้ายที่เขาถวิลหามาตลอด จนบางครั้งมิวเริ่มมีความรู้สึกที่เกินเลยความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนในบางครั้ง

หญิง (ตาล-กัญญา รัตนเพชร) เด็กสาวข้างบ้านที่แอบชอบมิวมาตลอด แต่ไม่กล้าที่จะบอกเขา เพราะไม่แน่ใจว่าจะได้รับความรู้สึกเดียวกันกลับคืนมาหรือเปล่า ในขณะเดียวกัน แม่ของโต้ง (สินจัย เปล่งพานิช) ก็ยังคงดูแลสามีของเธอ (ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี) ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมาแม้ว่าเขาจะเป็นคนไม่ได้เรื่อง ติดเหล้า และจมอยู่กับการโทษตัวเองสำหรับการหายสาบสูญของลูกสาวคนโตและพี่สาวของโต้ง
ด้วยบทที่ออกจะเครียดอย่างนี้ รักแห่งสยาม จึงไม่ใช่หนังรักกุ๊กกิ๊กสดใสสไตล์วัยรุ่น ที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและมุขตลกอย่าง Seasons Change ถึงแม้โปสเตอร์ ตัวอย่างภาพยนตร์ และเพลงประกอบอาจทำให้รู้สึกอย่างนั้น แต่ รักแห่งสยาม เป็นภาพยนตร์ดราม่าเกี่ยวกับความรักที่สามารถนำไปสู่ความผิดหวังและความเจ็บปวด ถ้าคนที่เรารักจากเราไป หรือไม่ได้เป็นไปอย่างที่เราหวัง ความรักนั่นแหละที่จะเป็นกำลังใจพาเราผ่านพ้นความทุกข์ทรมานไปได้ ตราบใดที่เรายังรักเขาอยู่ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรก็ตาม
เราอาจจะต้องใช้เวลาสักนิด ในการรู้จักตัวละครของหนัง (หนังเรื่องนี้มีความยาว 2 ชั่วโมงครึ่ง) แต่หนังก็จะทำให้เรารู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว ทำให้เราเข้าใจและเห็นใจกับการกระทำและการตัดสินใจของตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลที่พ่อจะเสียความศรัทธาในศาสนา เหตุผลที่แม่ต้องไปพูดกับมิวเรื่องโต้ง (บอกตรงนี้ไม่ได้ครับ) ทำไมมิวโดดไม่ไปซ้อมดนตรี หรือทำไม จูน (พลอย เฌอมาลย์) ผู้จัดการวงของมิว ยอมปลอมตัวเป็น แตง พี่สาวโต้งที่หายสาบสูญไป เพื่อให้พ่อมีอาการทางจิตดีขึ้น ที่อาจจะมีปัญหาหน่อยก็ตรงเหตุผลที่โต้งเริ่มปลีกตัวออกห่างแฟนสาวในตอนต้นเรื่อง และตอนที่มิวคืนดีกับเพื่อนร่วมวงในช่วงท้าย มันตัดความทิ้งเร็วไปหน่อยครับ
โดยรวมแล้ว ทุกตัวละครในเรื่องนี้มีมิติ มีปูมหลังที่สามารถทำให้คนดูเข้าถึงและมีอารมณ์ร่วมไปกับความเจ็บปวดและความต้องการความรักของพวกเขาได้
และที่น่าประทับใจมากที่สุดคือบทสรุปของตัวละครเหล่านี้ในตอนท้ายเรื่อง หนังได้แสดงให้เห็นการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของทั้งตัวละครเด็กและผู้ใหญ่ โดยที่ไม่นำเสนอในทางสั่งสอนหรือการตัดสินถูก-ผิด และที่สำคัญ แง่มุมบางอย่างและบางฉากที่น่าจะเป็นเป้านิ่งให้กับคนดูประเภทอนุรักษ์นิยมวิพากษ์วิจารณ์ได้ บอกตรงนี้ไม่ได้ครับ ต้องไปดูกันเองครับ
สินจัย, กบ-ทรงสิทธิ์,และพลอย เฌอมาลย์ พิสูจน์ให้เราเห็นอีกครั้งว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นนักแสดงชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ส่วนนักแสดงรุ่นเล็กก็ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีสำหรับภาพยนตร์เรื่องแรกของพวกเขา และส่วนตัวขอชื่นชมน้องพิชผู้รับบทเป็นมิว ที่มีความสามารถเปี่ยมล้นเกินอายุในการถ่ายทอดอารมณ์ของหนังในหลายช่วง ผ่านบทเพลงที่เขาทั้งร้องทั้งแต่งเอง
รักแห่งสยาม อาจถูกมาร์เก็ตติ้งให้ดูเหมือนหนังรักวัยรุ่นใสๆ แต่จริงๆแล้วเป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานเรื่องความรักและความเจ็บปวดจากความรักอย่างลงตัว โดยไม่โหดร้ายเกินกว่าที่จะเรียกรอยยิ้มได้ และไม่หวานซึ้งเกินกว่าที่จะเรียกน้ำตาได้ นี่คือหนังรักที่น่าติดตาม น่าจดจำ และเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดของปีนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
................................................................