คิดว่าไงคับ

การลงทุนแบบเน้นคุณค่า เน้นที่ปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก

โพสต์ โพสต์
hot
Verified User
โพสต์: 6853
ผู้ติดตาม: 0

คิดว่าไงคับ

โพสต์ที่ 1

โพสต์

หลัง กทช.จะอนุมัติไลเซนส์โทรคมนาคมให้ทั้ง กฟผ. กฟน. และ กฟภ. หน่วยงานรัฐวิสาหกิจนี้ก็กลับมาอยู่ท่ามกลางการจับจ้องจากสังคมเกี่ยวกับจุดยืนใหม่ โดย กฟผ.โทรคมนาคมเองหวังเกิดขึ้นมาเพื่อปิดช่องเอกชนที่หวังเข้ามารับสัมปทาน วางนโยบายหลักมุ่งภารกิจสนับสนุนระบบสื่อสาร กฟผ.ทั่วประเทศ พร้อมดำเนินธุรกิจให้บริการเช่าวงจรเท่านั้น ด้วยหวังจะเนรมิตให้เป็นธุรกิจใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด เฉพาะอย่างยิ่ง 3 G ไวแมกซ์-เกตเวย์ต่างประเทศ ที่จะหนุนเพิ่มรายได้ โดยเตรียมประเมินมูลค่าทางบัญชีโครงข่ายไฟเบอร์ออพติกใหม่ทั่วประเทศ 8,000 กิโลเมตร

หวังเพิ่มผลประโยชน์จากทรัพยากรเหลือใช้

ในส่วนของ กฟผ. ที่เคยออกมาให้รายละเอียดไว้ก่อนหน้าจะได้ใบอนุญาตจาก กทช. บอกว่าการจัดตั้งบริษัท กฟผ.โทรคมนาคมดังกล่าว ผู้ที่เกี่ยวข้องคาดหวังถึงอนาคตจะทำให้เป็นการสร้างรายได้จากโครงข่ายใยแก้วนำแสง (ไฟเบอร์ ออพติก) เพื่อหาประโยชน์สูงสุดจากศักยภาพที่ยังเหลืออยู่จากการจัดซื้ออุปกรณ์ดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตประเภทที่ 3 ที่มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง และให้บริการจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) เพื่อเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย (เน็ตเวิร์ค โพรไวเดอร์) ทั้งนี้ จะให้บริการเช่าวงจรเท่านั้น โดยจะไม่ให้บริการลงไปถึงผู้ใช้ปลายทางยังบ้านเรือน แต่มีแผนจะร่วมดำเนินงานกับหน่วยงานของรัฐด้วย เช่น การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่พบว่าได้มีการหารือกันในเบื้องต้น

โดยคณะกรรมการ กฟผ.มีนโยบายชัดเจน ที่ให้ กฟผ.ถือหุ้น 100% ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้นจำนวน 1 ล้านบาท และจะไม่เปิดให้สัมปทานกับเอกชนบริหารจัดการโครงข่ายทรัพยากรที่มีอยู่

สำหรับภารกิจหลักของบริษัทแห่งนี้ ได้ถูกกำหนดให้รับผิดชอบระบบสื่อสารของ กฟผ.ทั่วประเทศ เพื่อสนับสนุนการดำเนินงานผลิต และส่งพลังงานไฟฟ้าซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญต่อเศรษฐกิจ สังคม ประชาชน จึงไม่สามารถเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการบริหารจัดการได้

ดันโทรคมนาคมตัวหลักสร้างรายได้

ขณะเดียวกัน กฟผ.โทรคมนาคม จะต้องสร้างรายได้ใหม่ๆ เสริม ทั้งจากโครงข่ายโทรคมนาคมที่มีอยู่ รวมถึงสร้างรายได้จากงานพัฒนาผลิตภัณฑ์บริการใหม่ๆ ต่อไปด้วย เช่น การเป็นผู้รวบรวมระบบ (SI) ในอนาคต ทั้งขายเทคโนโลยีที่เกิดจากการวิจัยของ กฟผ.เองให้กับบริษัทพลังงานของประเทศเพื่อนบ้าน โดยในระยะ 3 ปีแรกจะได้รับงบสนับสนุนจาก กฟผ.เป็นหลัก หรือประมาณ 75% ของงบประมาณค่าใช้จ่ายทั้งหมด จากนั้นเมื่อผลประกอบการดีขึ้นก็สามารถไปกู้เงินจากแหล่งเงินทุนได้
กฟผ.มีรายได้จากการให้เช่าวงจรสื่อสารประมาณปีละ 150 ล้านบาท จากบริษัทเอกชนโทรคมนาคม 3 รายหลัก พร้อมเปิดกว้างให้เอกชนรายอื่นๆ เช่า คาดว่าอนาคตเมื่อบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ลงทุนเทคโนโลยี 3จี กฟผ.โทรคมนาคม จะมีรายได้เพิ่ม เนื่องจากผู้ให้บริการเหล่านั้นต้องเช่าวงจรเพื่อขยายช่องสัญญาณ (แบนด์วิธ) เพื่อรองรับปริมาณข้อมูลทั้งภาพและเสียงให้ดีขึ้น ซึ่ง กฟผ.จะลงทุนซื้ออุปกรณ์ DWDM (Dense Wavelength Division Multiplexing) มาขยายในตัวใยแก้วนำแสงให้รองรับข้อมูลได้มากขึ้นเท่านั้น

และในการเซ็นเอ็มโอยูเพื่อแสดงเจตนาในการมีวงจรไฟเบอร์ออฟติคหรือเครือข่ายโทรคมนาคมให้เช่า มีการเซ็นเอ็มโอยู กับบริษัททีโอที จำกัด(มหาชน) ทั้งนี้ กฟผ.ได้จดทะเบียนตั้ง Egat telecom ซึ่งจะต้องขอใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจอย่างเต็มรูปแบบกับคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ปัจจุบันระบบไฟเบอร์ออฟติคที่วางตามสายส่งกฟผ.นั้น ภารกิจหลักยังคงใช้งานในกฟผ.เป็นหลัก ส่วนที่เหลือจึงจะให้เช่าในอนาคตเมื่อมีความชัดเจนในการเปิดให้ใบอนุญาตจาก กทช.แล้ว

กฟผ.รอลุ้นไลเซนส์ จาก กทช. รู้ผล 16 มค. นี้

สุรนันท์ วงศ์วิทยกำจร เลขาธิการคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า การขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม (ไลเซนส์) แบบที่สาม ชนิดมีโครงข่ายเป็นของตนเอง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) และ การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) กทช. ได้อนุมัติหลักการเบื้องต้นในการมอบไลเซนส์รับทราบแล้ว แต่ยังเหลือส่วนการจัดทำรายละเอียดด้านเอกสารประกอบไลเซนส์ ถึงแผนธุรกิจและการให้บริการ หากดำเนินการขั้นตอนนี้แล้วเสร็จ ทั้งสามหน่วยงานจะได้รับอนุมัติจาก กทช. ทันที

โดยการออกไลเซนส์มีสองส่วนด้วยกัน คือ อนุมัติในหลักการและการพิจารณารายละเอียดจากเอกสาร ที่ยื่นขอ ซึ่งในส่วนนี้ได้ผ่านขั้นตอนแรกไปแล้ว เหลือเพียงพิจารณาจากเอกสาร แผนธุรกิจ ชื่อของผู้ให้บริการที่ระหว่างนี้กำลังแยกส่วนของ กฟน. กฟภ. กฟผ. หากเสร็จเรียบร้อยแล้ว กทช. ก็จะอนุมัติให้ไลเซนส์

โดยการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ซึ่งได้รับใบอนุญาตโทรคมนาคมแบบที่ 3 ในหลักการร่วมกัน กฟผ.จะมีความร่วมมือกับ กฟน. เนื่องจาก กฟน.มีโครงข่ายที่เป็น last miles เข้าถึงผู้บริโภค ขณะที่ กฟผ.มีโครงข่ายหลักที่เป็น backbone ซึ่งหากร่วมมือกันก็จะเสริมจุดแข็งของกันและกันได้เป็นอย่างดี และหาก กฟภ.จะเข้ามาร่วมมือด้วย ก็ยิ่งทำให้กลายเป็นโครงข่ายใหญ่ที่มี last miles เข้าถึงผู้บริโภคทั่วประเทศ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กฟผ.ยังไม่มีการหารือกับ กฟภ.ในเรื่องนี้แต่อย่างใด

วันชัย กัญมาศ ผู้ช่วยผู้ว่าการบำรุงรักษาระบบส่ง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ Telecom Journal โดยย้ำว่า ขณะนี้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) ว่า เบื้องต้น กทช. เพียงแต่อนุมัติในหลักการให้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 แก่ หน่วยงานของการไฟฟ้าทั้ง 3 องค์กร สำหรับ กฟผ. ได้รับใบอนุญาตสำหรับบริการโครงข่ายเท่านั้น (network provider) ส่วนการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สามารถให้บริการได้ทั้งโครงข่ายและบริการ (network and service provider) แต่ยังไม่ได้รับเป็นใบอนุญาต หรือ ไลเซนส์ เป็นรูปธรรม

ซึ่งในส่วนของ กฟผ. ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการนำเรื่องการจัดตั้ง บิสซิเนส ยูนิต ใหม่ เพื่อรองรับงานบริหารระบบโครงข่ายโทรคมนาคม ออกจากธุรกิจไฟฟ้า โดยโครงสร้างดังกล่าวนี้จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการ กฟผ. ในวันที่ 16 มกราคม นี้ หากบอร์ดเห็นชอบกับการจัดตั้ง บิสซิเนส ยูนิต ใหม่ ขั้นตอนต่อไปของกฟผ. คือการทำหนังสือแจ้งไปยังกทช. เพื่อขอใบอนุญาตที่สมบูรณ์แบบ ถือเป็นขั้นตอนสุดท้าย

และหาก กฟผ. กฟน.และ กฟภ. มีการเข้ามาแข่งขันให้บริการโทรคมนาคมแล้ว ผู้ให้บริการลักษณะเดียวกันที่เป็นรายใหญ่หลายเจ้าย่อมได้รับผลกระทบไม่ต่างกันอย่างแน่นอน เนื่องจากจะมีกลุ่มผู้ให้บริการที่ไม่มีโครงข่ายเป็นของตนเองเข้าไปเช่าโครงข่ายการไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก เพราะค่าเช่าไม่สูงเมื่อเทียบกับค่าเช่าของรายต่างๆ ณ ปัจจุบัน

ข่าว : Telecom Journal
lekmak333
Verified User
โพสต์: 697
ผู้ติดตาม: 0

คิดว่าไงคับ

โพสต์ที่ 2

โพสต์

ถ้าไม่มีการแข่งขัน ธุรกิจนั้นๆๆ สุดท้ายประชาชนจะเดือดร้อน
121
Verified User
โพสต์: 843
ผู้ติดตาม: 0

คิดว่าไงคับ

โพสต์ที่ 3

โพสต์

แข่งขันๆๆๆๆ เห็นแข่งกันไปแข่งกันมาสุดท้ายก็เดือดร้อนกันเหมือนเดิม

ทุกวันนี้มีใครไม่เดือด.... ไม่ร้อนมั่งเนี่ย...
โพสต์โพสต์