"ไมเนอร์ คอร์ป" แน่น..หุ้นวิ่ง "ผู้บริหาร..อู้ฟู่"
by bangkokbizweek
หลังจาก "กลุ่มไฮเนคกี้" ทำการปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัททั้ง 2 แห่ง "ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล" (MINT) และ "ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น" (MINOR) เมื่อปีที่ผ่านมา กระทั่งเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ราคาหุ้นของทั้ง 2 ตัว...วิ่งชนิดไม่ยอมหมดแรง
ล่วงเข้าปี 2549 ทีมผู้บริหารของ "ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น" (MINOR) ยังเชื่อในผลประกอบการของบริษัทว่าจะยังคง...เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ระบบการบริโภคภาคในประเทศจะเริ่มถดถอย จนลามไปถึงธุรกิจด้านแฟชั่นซึ่งเป็นตลาด "กลาง-บน" ที่เป็นฐานลูกค้าหลักของบริษัท
"ปรารถนา มโนมัยพิบูลย์" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน MINOR อธิบายแผนรับมือไว้ว่า บริษัทจะเริ่มปรับท่าทีการตลาดเพื่อให้สอดรับกับดีมานด์จริง โดยวิธีแปรกลยุทธ์เป็นการขายสินค้านำเข้า...เน้นเจาะตลาด "กลาง-บน" เป็นหลัก ด้วยการอาศัยยุทธการ "ขายพ่วง" หวังกระตุ้นยอดซื้อต่อบิล พร้อมแทรกแทกติกการตลาดเล็กน้อยเพื่อไม่ให้มาร์จินลดลง
อีกวิธีที่ดีก็คือ...ต้องเร่งวอลุ่ม "เราจะเพิ่มสินค้าประเภทเครื่องสำอาง และเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ และจะขยายจุดขายเพิ่มอีก 45 จุดทั่วประเทศ"
ปรารถนาเชื่อว่า การปรับโครงสร้างทางธุรกิจของ MINOR ที่ทำมาอย่างต่อเนื่อง ได้ทำให้ฐานะแข็งแกร่ง...และยังเอื้อต่อการขยายไปสู่ธุรกิจด้านอื่น ซึ่งขณะนี้ทางกลุ่มกำลังเคลื่อนไปสู่ธุรกิจนายหน้า "จัดซื้อเครื่องบินขนาดเล็ก" ด้วยการตั้ง "บ.ไมเนอร์ แอร์คราฟ โฮลดิ้ง" เข้ามาดำเนินการในธุรกิจด้านนี้เป็นการเฉพาะ
รวมถึงการทำธุรกิจ "รับจ้างผลิตสินค้า" เพื่อป้อนสินค้าให้กับ "บ.ยูนิลีเวอร์" และ "จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน" ซึ่งขณะนี้บริษัทได้รับออเดอร์ระยะยาวมาล่วงหน้า โดยจะมีรายได้จากธุรกิจตัวนี้ถึงปีละ 30%
"เทรนด์ของธุรกิจโลกวันนี้ มักจะอาศัยวิธีจ้างบริษัทนอกผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น...เพื่อลดต้นทุนการผลิต และเราก็เดินมาถูกทาง"
ยิ่งกว่านั้น เกมการปรับโครงสร้างของ "วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค" ด้วยการให้ MINOR เข้าถือหุ้นใหญ่ เพิ่มขึ้น" อยู่ใน "MINT" ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2548 ยังถือเป็นการขยับจากการรับรู้รายได้ "เงินปันผล" มาเป็นการรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จาก MINT ...ตามมาตรฐานวิธีการบันทึกบัญชี
ขณะเดียวกันตลอดหลายปีที่ผ่านมาหุ้น MINT ถือเป็นตัวที่มีกำไรอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน MINT บริษัทยังได้รับผลดีจากการ "เพิ่มทุน" เนื่องจากได้มาในราคาเพียงหุ้นละ 4 บาท...แต่วันนี้ราคา MINT เร่งตัวขึ้นมาสูงกว่า 10 บาท
และจากราคาที่สูงหุ้น ทำให้ "กลุ่มไฮเนคกี้" ได้รับประโยชน์โดยอัตโนมัติ...หลังจาก "เก็บหุ้น" เพื่อขยายสัดส่วนการถือหุ้นของตัวเอง (MINOR-MINT) มานานกว่า 3 ปี
"กลุ่มผู้บริหาร" ของ MINOR ถือเป็นอีกกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์ก้าวสู่ "ความมั่งคั่ง" จากราคาหุ้นอย่างชัดเจน หลังบริษัทเปิดโครงการ ESOP (ใบสำคัญแสดงสิทธในการซื้อหุ้นสามัญ) เพื่อตอบแทนพนักงานและผู้บริหารกันอย่างเอิกเกริก
ทีมข่าว กรุงเทพธุรกิจ BizWeek ตรวจสอบพบว่า ช่วงเดือน "ตุลาคม 2548" ผู้บริหารและกรรมการของ MINOR ได้ใช้สิทธิขอรับ ESOP (ฟรี) รวมจำนวน 6 ราย ประกอบด้วย "ดุจเดือน บุญซื่อ" ได้รับ 717,000 หน่วย "ปรารถนา มโนมัยพิบูลย์" 500,000 หน่วย "ปัทมาวลัย รัตนพล" 500,000 หุ้น
ส่วน "มร.วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค" ได้รับไป 500,000 หน่วย "สุพจน์ ทวีรัตน์" 424,000 หน่วย และ "หัทยา สุดศรีวิไล" ได้รับ 424,000 หน่วย
ทำให้กลุ่มผู้บริหาร MINOR ที่เข้าโครงการ ESOP ในครั้งนั้น...ต่างก็รับรู้ผลประโยชน์จากราคาหุ้น MINOR ที่เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว
ล่าสุด ที่ประชุมผู้ถือหุ้น MINOR (22 มีนาคม 49) ได้อนุมัติจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ-ESOP ครั้งที่ 4 (ฟรี) อีกจำนวน 8,000,000 หน่วย ณ อัตรา "1 ต่อ 1" พร้อมราคาส่วนลดอีก 25% จากราคาปิดถัวเฉลี่ย 30 วัน
"แมทธิว กิจโอธาน" ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ MINOR ได้รับจัดสรรมากที่สุด 750,000 หน่วย "เฉลิมกิจ โรจนวิภาต" ผู้อำนวยการฝ่ายระบบสารสนเทศ ได้รับ 611,000 หน่วย
และ "วิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค" "ปัทมาวลัย รัตนพล" กับ "ปรารถนา มโนมัยพิบูลย์" ได้รับไปอีกรายละ 150,000 หน่วย
ขณะที่ราคา MINOR ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง พบการขายหุ้นของ "สุพจน์ ทวีรัตน์" มือกฎหมายประจำบริษัท ...ซึ่งทยอย "ปล่อยของ" ออกตลอดเดือนมีนาคมที่ผ่านมา 11 ครั้ง รวมจำนวน 1.3 ล้านหุ้น ที่ราคาเฉลี่ยหุ้นละ 7.86 บาท
...ตุนเงินสดเข้ากระเป๋าเดือนเดียวกว่า 10.24 ล้านบาท
ในช่วงเดือนเดียวกันนั้น "ประกิต ประทีปะเสน" กรรมการอิสระ MINOR กลับนิยมเทรดหุ้นตัวนี้สไตล์ "นักเก็งกำไร" ด้วยการ "เล่นสั้น" โดยเข้าซื้อหุ้น MINOR จำนวน 100,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 8.18 บาท
...ก่อนที่จะขายออกไปปลาย "เดือนเมษายน" ทั้งจำนวนที่ราคา 12.41 บาท ทำกำไรจากส่วนต่างทันที 422,000 บาท...ก่อนที่ MINOR จะถูกสถานการณ์เศรษฐกิจกดราคาลงมาอยู่ในช่วง 10 บาท
"แมทธิว กิจโอธาน" ผู้บริหารของ MINOR มองว่า ราคาหุ้น MINOR ขณะนี้...ถือว่าน่าสนใจ เนื่องจากเป็นราคาที่ลดลงจากความวิตกของนักลงทุนที่มีต่อเหตุการณ์ในประเทศ และคงเป็นช่วงสั้นๆ เท่านั้น
"หุ้นลงอย่างนี้ รีบซื้อๆ ไม่งั้นจะเสียดาย" แมทธิว กล่าว
ปรารถนา กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 3,525 ล้านบาท ซึ่งจะสูงกว่าประมาณการ เพราะรายได้ในอดีตมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 26% มาโดยตลอด ขณะเดียวกันได้ประมาณการรายได้ปี 2550 และ ปี 2551 ไว้ที่ 3,712 และ 3,895 ล้านบาทตามลำดับ โดยคาดว่าจะมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 11-12%