ลงทุนแบบ buffet แล้วประสบผลสำเร็จจริงไหม?
-
- Verified User
- โพสต์: 5
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนแบบ buffet แล้วประสบผลสำเร็จจริงไหม?
โพสต์ที่ 1
ผมว่า เราเดินตาม buffet ก็ดีอยู่แล้ว ไม่รู้ตอนเขาตัดสินใจลงทุนตอนนั้น จะเป็นอย่างที่เขาพูดในตอนนี้หรือเปล่า อาจจะ ฟลุค ก็ได้ เหมือนไปถามเศรษฐีว่าทำอย่างไรคุณถึงรวย แต่เราไม่เคยไปถามขอทานว่า ทำอย่างไรถึงจนได้ เพราะฉะนั้น ขณะที่เราเดินตาม buffet เราควรสนใจในเรื่อง คนที่ลงทุนแล้วเจ้งด้วย น่าจะมีคนหา case มานะ จะได้ตามอ่าน
- kspnwwn
- Verified User
- โพสต์: 78
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนแบบ buffet แล้วประสบผลสำเร็จจริงไหม?
โพสต์ที่ 3
ตอนอายุ 13 ขวบ Buffet ประกาศว่าเขาจะทำเงิน 1 ล้านเหรียญเมื่อเขาอายุ 30 พอตอน Buffet อายุ 30 พอร์ตของ Buffet ก็มีมูลค่า 1 ล้านเหรียญจริงๆ
หลักๆคือเขารู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็มั่นใจในสิ่งที่เขาทำว่ามันจะเวิร์ก เพราะมันเป็นหลักการที่มีเหตุผล ไม่ใช่การคาดเดา Buffett คงไม่ฟลุ้กเพราะเลือกหุ้นถูกตัวหรอกครับ
Buffet บอกว่าเขา lucky มากกว่าที่เกิดมาในประเทศอเมริกา ณ เวลานั้น ณ ครอบครัวแบบนั้น ณ สิ่งแวดล้อมแบบนั้น ที่หล่อหลอมและให้โอกาสเขาจนกลายเป็นมหาเศรษฐี
Bill Gate บอกว่าถ้า Buffet ไปเกิดที่บังกลาเทศ ป่านนี้คงโดนสัตว์ป่าจับกินเป็นอาหารไปแล้ว
อีกอย่าง ไม่ใช่ว่า buffet ไม่เคยพลาดนะครับ เขาก็เคยขาดทุนมหาศาลจากธุรกิจบางตัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เกิดจากหลักการที่ Buffet ใช้ในการลงทุน อย่างหุ้นธุรกิจ Textile ของ Berkshire ตอนซื้อแกคงไม่คาดคิดว่าอีกยี่สิบสามสิบปีนับจากวันที่แกซื้อมันจะย้ายฐานการผลิตออกไปในประเทศเอเชียทำให้ made in america สู้ไม่ได้ ที่ว่าขาดทุนก็รวมถึงธุรกิจรองเท้าที่ made in america ด้วยเพราะเหตุผลเดียวกัน
ลองถาม Value Investor ที่ประสบความสำเร็จในนี้หลายๆคนดูสิครับ ไม่มีใครฟลุ้กหรอกครับ
หลักๆคือเขารู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ แล้วเขาก็มั่นใจในสิ่งที่เขาทำว่ามันจะเวิร์ก เพราะมันเป็นหลักการที่มีเหตุผล ไม่ใช่การคาดเดา Buffett คงไม่ฟลุ้กเพราะเลือกหุ้นถูกตัวหรอกครับ
Buffet บอกว่าเขา lucky มากกว่าที่เกิดมาในประเทศอเมริกา ณ เวลานั้น ณ ครอบครัวแบบนั้น ณ สิ่งแวดล้อมแบบนั้น ที่หล่อหลอมและให้โอกาสเขาจนกลายเป็นมหาเศรษฐี
Bill Gate บอกว่าถ้า Buffet ไปเกิดที่บังกลาเทศ ป่านนี้คงโดนสัตว์ป่าจับกินเป็นอาหารไปแล้ว
อีกอย่าง ไม่ใช่ว่า buffet ไม่เคยพลาดนะครับ เขาก็เคยขาดทุนมหาศาลจากธุรกิจบางตัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่ใช่เหตุผลที่เกิดจากหลักการที่ Buffet ใช้ในการลงทุน อย่างหุ้นธุรกิจ Textile ของ Berkshire ตอนซื้อแกคงไม่คาดคิดว่าอีกยี่สิบสามสิบปีนับจากวันที่แกซื้อมันจะย้ายฐานการผลิตออกไปในประเทศเอเชียทำให้ made in america สู้ไม่ได้ ที่ว่าขาดทุนก็รวมถึงธุรกิจรองเท้าที่ made in america ด้วยเพราะเหตุผลเดียวกัน
ลองถาม Value Investor ที่ประสบความสำเร็จในนี้หลายๆคนดูสิครับ ไม่มีใครฟลุ้กหรอกครับ
- Simply
- Verified User
- โพสต์: 150
- ผู้ติดตาม: 0
ลงทุนแบบ buffet แล้วประสบผลสำเร็จจริงไหม?
โพสต์ที่ 5
ผมเชื่อว่าแต่วิธีในการลงทุนเป็นศิลปะซึ่งแต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน อยู่บนพื้นฐานของนิสัย ประสบการณ์ และวิธีคิดของแต่ละคน...ดังนั้นแต่ละคนก็มีวิถีในการลงทุนต่างกันไป ไม่เหมือนกันเป๊ะๆร้อยเปอร์เซ็นต์
...สำหรับผม ผมเชื่อว่าวิธีการลงทุนของบัฟเฟตต์ก็เป็นการลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะตัว และผมเชื่อว่า เป็นวิธีที่รวยช้า ต้องอาศัยปัจจัยเรื่องเวลา แต่น่าจะเป็นวิธีที่สามารถสะสมความมั่งคั่งแบบถาวรได้. สิ่งเดียวที่ผมไม่สามารถลอกเลียนแบบบัฟเฟตต์ได้คือ ความสามารถในการตีหรือประเมินทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน(Intangible asset) ซึ่งผมถือว่าเป็นสิ่งที่บัฟเฟตต์พัฒนาไปมากกว่าเกรแฮม ซึ่งเกรแฮมมักจะเน้นมูลค่าในเวลาปัจจุบันเป็นหลักและเป็นทรัพย์สินที่ต้องสามารถตีราคาออกมาได้ ณ ตอนนั้น คือเป็นทรัพย์สินที่มีตัวตน.บัฟเฟตต์มีความโดดเด่นในเรื่องของการสามารถตีมูลค่าของทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตนและมีความชำนาญในการซื้ออนาคต สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์ที่สะสมมานานพอสมควร คือต้องเป็นนักธุรกิจที่ประกอบกิจการ ถึงจะมีความสามารถด้านนี้.แต่สิ่งที่บัฟเฟตต์ยังยึดถือตามหลักของเกรแฮมก็คือ Margin of Safety ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่วัดวินัยในตนเองอย่างที่สุด---คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณมีเงินสดในมือ หุ้นตัวที่คุณสนใจวิเคราะห์มาว่าดีจริงๆ แถมราคาในตลาดก็เพิ่มเอาๆ แต่ราคาในตลาดเกินราคาที่เหมาะสมที่คุณคำนวณไว้ วัดใจกันจริงๆครับ...ในที่สุดผมก็ยังเชื่อมั่นในวิถีการลงทุนของบัฟเฟตต์ครับ และผมเชื่อว่า ความเชื่อมั่นและศรัทธาต้องสามารถทนการพิสูจน์ได้
...สำหรับผม ผมเชื่อว่าวิธีการลงทุนของบัฟเฟตต์ก็เป็นการลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะตัว และผมเชื่อว่า เป็นวิธีที่รวยช้า ต้องอาศัยปัจจัยเรื่องเวลา แต่น่าจะเป็นวิธีที่สามารถสะสมความมั่งคั่งแบบถาวรได้. สิ่งเดียวที่ผมไม่สามารถลอกเลียนแบบบัฟเฟตต์ได้คือ ความสามารถในการตีหรือประเมินทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตน(Intangible asset) ซึ่งผมถือว่าเป็นสิ่งที่บัฟเฟตต์พัฒนาไปมากกว่าเกรแฮม ซึ่งเกรแฮมมักจะเน้นมูลค่าในเวลาปัจจุบันเป็นหลักและเป็นทรัพย์สินที่ต้องสามารถตีราคาออกมาได้ ณ ตอนนั้น คือเป็นทรัพย์สินที่มีตัวตน.บัฟเฟตต์มีความโดดเด่นในเรื่องของการสามารถตีมูลค่าของทรัพย์สินที่ไม่มีตัวตนและมีความชำนาญในการซื้ออนาคต สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์ที่สะสมมานานพอสมควร คือต้องเป็นนักธุรกิจที่ประกอบกิจการ ถึงจะมีความสามารถด้านนี้.แต่สิ่งที่บัฟเฟตต์ยังยึดถือตามหลักของเกรแฮมก็คือ Margin of Safety ซึ่งข้อนี้เป็นสิ่งที่วัดวินัยในตนเองอย่างที่สุด---คุณจะทำอย่างไรเมื่อคุณมีเงินสดในมือ หุ้นตัวที่คุณสนใจวิเคราะห์มาว่าดีจริงๆ แถมราคาในตลาดก็เพิ่มเอาๆ แต่ราคาในตลาดเกินราคาที่เหมาะสมที่คุณคำนวณไว้ วัดใจกันจริงๆครับ...ในที่สุดผมก็ยังเชื่อมั่นในวิถีการลงทุนของบัฟเฟตต์ครับ และผมเชื่อว่า ความเชื่อมั่นและศรัทธาต้องสามารถทนการพิสูจน์ได้
Margin Of Safety+Intrinsic Value+Mr.Market
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
ขอบคุณอ.เกรแฮมที่ทำให้เกิด Value Investing
ขอบคุณบรรดาเหล่าVIทั้งหลายที่พิสูจน์คุณค่าที่แท้จริงของVI
ขอบคุณท่านดร.นิเวศน์ที่พิสูจน์ให้เห็นว่าVIใช้ได้กับบ้านเรา
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 6447
- ผู้ติดตาม: 0
Re:
โพสต์ที่ 6
กว่าวอร์เรนจะมีวันนี้ เป็นผลสำเร็จจากการตัดสินใจหลายๆครั้ง ลงทุนในหลายๆบริษัท ไม่น่าจะเป็นการบังเอิญ แต่หากเราไปถามเศรษฐีสักคน ว่ารวยได้อย่างไร อาจจะได้รับคำตอบว่าเป็นผลจากการตัดสินใจ(ทางธุรกิจ)ครั้งเดียวก็ได้ลงทุนแบบ buffet แล้วประสบผลสำเร็จจริงไหม?
ตอนที่วอร์เรนเริ่มมีชื่อเสียงใหม่ๆ ก็คงมีคำถามอย่างนี้เช่นกัน ทุกวันนี้บางทีคนเหล่านั้นก็ยังสงสัยอยู่ :lol:
การลงทุนคืออาหารอร่อยที่สุดเมื่อเย็นดีแล้ว