เห็นว่าน่าสนใจมากครับ เลยไปขออนุญาตคุณ MudleyGroup มาเผยแพร่ต่อ
MudleyGroup เขียน:มีเพื่อนๆถามมาหลังไมค์หลายคนเหลือเกินว่า โมเดล คืออะไร แล้วต้องทำอย่างไร ก่อนอื่น นะครับการสร้างโมเดลที่ดีนั้นตอนแรกเราต้องทำ lab การทดลองเสียก่อน โดย ผมเลือกใช้วิธีการแบบเดียวกับ โซรอส คือทดลอง lab กับตลาดหุ้นของจริง โดยการแบ่งเงินบางส่วนที่เราไม่รู้สึกอะไรหากต้องเสียไป มาทดลองกับโมเดลของเรา (ส่วนการใช้โปรแกรม simulate ดังที่หลายคนถามมานั้น ผมถือว่าอยู่ในขั้นตอนการหา ตัวชี้นำให้กับโมเดลของเรา เพราะเราจะเลือกวัดผลเอากับข้อมูลอดีตที่ผ่านมาแล้วว่าตัวไหนที่สามารถทำกำไรได้ดีที่สุด แต่เมื่อเรามาทดสอบกับห้องทดลองในตลาดจริงของเราโมเดลนั้นอาจจะไม่ work ก็ได้)
ข้อดีของการทดลองทำ lab ในตลาดหุ้นจริงคือ จะช่วยให้เราฝึกฝนด้านจิตใจ และ trader skill ไปในตัว
เพื่อเป็นการอธิบายให้เห็นภาพ ผมได้ใช้เวลาพอสมควรเพื่อทำ lab อันนี้ ซึ่งเห็นว่ากำลังนิยม ก็คือ lab Dsm นั่นเอง (ตัวผมเองนั้นชอบทดลองเอาแนวความคิดของคนอื่นมาผสม เป็นโมเดลทดลองในตลาดหุ้นจริงๆ ) จริงๆว่าจะเอาโมเดลคลายเครียดเรโชมา แต่กลัวเฮียจะบ่น อิอิ
เริ่มต้นการจะทำโมเดลนั้น ขั้นแรกที่สำคัญเลยคือ ตรรกะ ดังนั้นเมื่อผมเลือกเอา concept dsm มาทำโมเดลแล้วผมต้องเข้าถึงหัวใจของมันให้ได้เสียก่อน หัวใจของ Dsm อยู่ที่ไหน(ตามความคิดของผมนะ คนอื่นอาจคิดแบบอื่นก็ได้ ) หัวใจของ Dsm อยู่ที่การสะสมเพิ่มจำนวนหุ้นให้เราให้ได้มากที่สุด ,กระแสเงินสดแฝงหรือขั้นตอนการทำบัญชีหรือแม้แต่วิธีซื้อ-ขาย นั้นเป็นเพียงผลพลอยได้ และวิธีการที่ให้เราอยู่ในวินัยเท่านั้น
ดังนั้นเราจะได้ ตรรกะหลักของโมเดลเราแล้วคือ การเพิ่มจำนวนหุ้นให้ได้มากที่สุด ขั้นต่อมาคือกระบวนการที่จะช่วยให้โมเดลดำเนินไปตามตรรกะที่เราตั้งไว้ให้ได้ แหมๆถ้าลอกวิธีการซื้อ-ขาย ของพี่เด่นศรีมาหมด มันก็คงไม่แตกต่างอะไร โมเดลก็ไม่สนุก ดังนั้นผมเลยปรับปรุงโดยการใส่ ตรรกะ ความจริงส่วนมาก(คือมีโอกาสเกิด >70%)เข้าไปในโมเดลเพื่อทำการตัดสินใจซื้อขาย เช่น หุ้นจะขึ้นถ้า ....... (อันนี้ทุกคนต้องหาตรรกความจริงแท้ส่วนมากที่หุ้นจะขึ้นเอาเองนะครับ)โมเดลจะทำการซื้อ และ ถ้า ....... (ความจริงแท้ที่มีโอกาสส่วนมากที่หุ้นจะลง) โมเดลทำการขาย
การหาความจริงส่วนมาก หรือ โอกาสส่วนมากนั้น ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ล่ะท่าน ลองมองหาดูนะครับ
ดังนั้นเมื่อเราปฏิบัติตามนี้ตลอดจนชิน ทักษะการเทรด และ จิตใจของเราจะนิ่งไปในตัว และถ้าโมเดลของเรามันโอเค โมเดลตัวนี้หล่ะที่เราทำประโยชน์ให้เราได้มากเลยทีเดียว
หลายคนถามว่าทำไมผมไม่บอกเลยว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แน่นอนครับ ถ้าทุกคนเรียนรู้และเข้าใจ ฝึกฝนจนมีทักษะtrader skill จากวิธีการที่ผมบอกขึ้นมาพร้อมๆกัน มันก็จะไม่ก่อให้เกิดส่วนแตกต่างทางทักษะ และก็จะไม่เกิดส่วนเกินทุน(การล่าส่วนเกินทุนเกิดขึ้นได้เพราะความไม่เท่าเทียมของตลาด) ซึ่งจะทำให้วิธีผมใช้ไม่ได้โดยปริยาย แต่ถ้าหากเราเข้าใจconcept และไปพัฒนาทักษะให้เหมาะกับนิสัยเราเองแล้ว เราก้จะสามารถประยุกต์ใช้กับสถานการณ์ต่างๆของตลาดได้เป็นอย่างดี ดังนั้น ความสำเร็จจะอยู่กับความตั้งใจของเพื่อนๆทุกคนในการพัฒนาหรือฝึกฝนครับ ผมก็เป็นเพียงอีกคนหนึ่งที่มานำเสนอแนวความคิดเท่านั้นเองหาได้มีสูตรสำเร็จที่ช่วยให้เราทำกำไรในตลาดได้เสมอ
ท้ายนี้ถ้าตรรกที่เราคิดไว้มันเป็นความจริงแท้ส่วนมากจริงๆ โมเดลของเราจะได้ผลเราจะได้รู้เองครับ ซึ่งเมื่อมันได้ผลเราเอาวิธีที่มันได้ผลนั้นมาเทรดให้เป็นนิสัย เราก็จะมีนิสัยที่เทรดได้กำไร มากกว่าขาดทุนครับ และที่สำคัญ ไม่มีโมเดลใดสมบูรณ์แบบทุกโมเดลล้วนต้องมีจุดผิดพลาด แต่ทุกคนต้องผ่านมันไปให้ได้ บางคนทิ้งโมเดลนั้นไปเพราะเห็นข้อผิดพลาดเพียงบางจุดทั้งที่ โดยรวมแล้วอาจทำกำไรให้เรา 7 ทำเราขาดทุน 3 กล่าวคือข้อเสียของมนุษย์นั่นเองที่ทำให้โมเดลไม่สำเร็จหรือทำตามโมเดลไม่ได้ เพราะจิตวิทยาลึกๆในใจของคนส่วนใหญ่ล้วนต้องการความสมบูรณ์ไร้ที่ติ แต่ถ้าเรามัววิ่งหาจุดนั้นอยู่ ก็คงอาจจะสายเกินไปก็ได้