ใครว่าผลประกอบการของบริษัทในตลาดดีขึ้น
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 11443
- ผู้ติดตาม: 0
ใครว่าผลประกอบการของบริษัทในตลาดดีขึ้น
โพสต์ที่ 1
จากข้อมูลผลประกอบการของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ (ไม่รวมธนาคาร และสถาบันการเงิน) ของ CNS พบว่าใน Q2 นี้ บริษัททั้งหมดมีกำไรสุทธิจำนวน 44,670.33 ล้านบาท ลดลงจาก 67,331.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33.66% จากปีก่อน
โดยมี 10 อุตสาหกรรมที่ยังคงมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น
1. Communication มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 5,603.83 ล้านบาท
แต่เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าที่มีกำไรเพิ่มขึ้นนั้นมาจาก 2 บริษัทคือ
ADVANC มีกำไรเพิ่มขึ้น 3,598.86 ล้านบาท
SHIN มีกำไรเพิ่มขึ้น 2,937.34 ล้านบาท
เมื่อรวมกำไรของทั้งสองบริษัทแล้วพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 2,937.34 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
2. Electronic มีกำไรเพิ่มขึ้น 635.96 ล้านบาท
HANA มีกำไรเพิ่มขึ้น 296.34 ล้านบาท
DELTA มีกำไรเพิ่มขึ้น 172.45 ล้านบาท
SVI มีกำไรเพิ่มขึ้น 155.72 ล้านบาท (ปีก่อนขาดทุน)
เมื่อรวมกำไรของทั้งสามบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 624.51 ล้านบาท (98.20%ของกลุ่ม)
3. Entertainment มีกำไรเพิ่มขึ้น 88.71 ล้านบาท
BEC มีกำไรเพิ่มขึ้น 175.93 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
4. Food มีกำไรเพิ่มขึ้น 823.77 ล้านบาท
TUF มีกำไรเพิ่มขึ้น 444.25 ล้านบาท
POMPUI มีกำไรเพิ่มขึ้น 271.27 ล้านบาท
TVO มีกำไรเพิ่มขึ้น 76.77 ล้านบาท
เมื่อรวมกำไรทั้งสามบริษัทแล้วพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 792.29 ล้านบาท (96.18%ของกลุ่ม)
5. Health มีกำไรเพิ่มขึ้น 175.96 ล้านบาท
SVH มีกำไรเพิ่มขึ้น 218.65 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
6. Printing มีกำไรเพิ่มขึ้น 407.41 ล้านบาท
NMG มีกำไรเพิ่มขึ้น 390.91 ล้านบาท (คิดเป็น95.95%ของทั้งกล่ม)
7. Professional มีกำไรเพิ่มขึ้น 13.25 ล้านบาท
P-FCB มีกำไรเพิ่มขึ้น 16.98 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
8. Pulp&Paper มีกำไรเพิ่มขึ้น 269.66 ล้านบาท
TCP มีกำไรเพิ่มขึ้น 667.96 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
9. Textile มีกำไรเพิ่มขึ้น 557.75 ล้านบาท
BRC มีกำไรเพิ่มขึ้น 171.55 ล้านบาท
TUNTEX มีขาดทุนลดลง 97.71 ล้านบาท
TTI มีกำไรเพิ่มขึ้น 76.29 ล้านบาท
CPH มีกำไรเพิ่มขึ้น 63.70 ล้านบาท
PAF มีกำไรเพิ่มขึ้น 61.22 ล้านบาท
TR มีกำไรเพิ่มขึ้น 55.80 ล้านบาท
เมื่อรวมทั้ง 6 บริษัทจะพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 526.27 ล้านบาท (94.36%)
10. Warehouse มีกำไรเพิ่มขึ้น 13.30 ล้านบาท
TSTE มีกำไรเพิ่มขึ้น 7.03 ล้านบาท
SST มีกำไรเพิ่มขึ้น 3.53 ล้านบาท
UST มีกำไรเพิ่มขึ้น 3.05 ล้านบาท
เมื่อรวมกำไรของทั้ง 3 บริษัทพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 13.61 ล้านบาท (มากกว่าของกลุ่ม)
จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมที่มีกำไรมากขึ้นนั้น จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบางบริษัทเท่านั้น และบางบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นนั้นมากจากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ และ NMG ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากก็เนื่องมาจากปีก่อนมีการตั้งสำรองหุ้นกู้เป็นค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
โดยมี 10 อุตสาหกรรมที่ยังคงมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้น
1. Communication มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 5,603.83 ล้านบาท
แต่เมื่อพิจารณาแล้วพบว่าที่มีกำไรเพิ่มขึ้นนั้นมาจาก 2 บริษัทคือ
ADVANC มีกำไรเพิ่มขึ้น 3,598.86 ล้านบาท
SHIN มีกำไรเพิ่มขึ้น 2,937.34 ล้านบาท
เมื่อรวมกำไรของทั้งสองบริษัทแล้วพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 2,937.34 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
2. Electronic มีกำไรเพิ่มขึ้น 635.96 ล้านบาท
HANA มีกำไรเพิ่มขึ้น 296.34 ล้านบาท
DELTA มีกำไรเพิ่มขึ้น 172.45 ล้านบาท
SVI มีกำไรเพิ่มขึ้น 155.72 ล้านบาท (ปีก่อนขาดทุน)
เมื่อรวมกำไรของทั้งสามบริษัทจะมีกำไรเพิ่มขึ้น 624.51 ล้านบาท (98.20%ของกลุ่ม)
3. Entertainment มีกำไรเพิ่มขึ้น 88.71 ล้านบาท
BEC มีกำไรเพิ่มขึ้น 175.93 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
4. Food มีกำไรเพิ่มขึ้น 823.77 ล้านบาท
TUF มีกำไรเพิ่มขึ้น 444.25 ล้านบาท
POMPUI มีกำไรเพิ่มขึ้น 271.27 ล้านบาท
TVO มีกำไรเพิ่มขึ้น 76.77 ล้านบาท
เมื่อรวมกำไรทั้งสามบริษัทแล้วพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 792.29 ล้านบาท (96.18%ของกลุ่ม)
5. Health มีกำไรเพิ่มขึ้น 175.96 ล้านบาท
SVH มีกำไรเพิ่มขึ้น 218.65 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
6. Printing มีกำไรเพิ่มขึ้น 407.41 ล้านบาท
NMG มีกำไรเพิ่มขึ้น 390.91 ล้านบาท (คิดเป็น95.95%ของทั้งกล่ม)
7. Professional มีกำไรเพิ่มขึ้น 13.25 ล้านบาท
P-FCB มีกำไรเพิ่มขึ้น 16.98 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
8. Pulp&Paper มีกำไรเพิ่มขึ้น 269.66 ล้านบาท
TCP มีกำไรเพิ่มขึ้น 667.96 ล้านบาท (มากกว่าของทั้งกลุ่ม)
9. Textile มีกำไรเพิ่มขึ้น 557.75 ล้านบาท
BRC มีกำไรเพิ่มขึ้น 171.55 ล้านบาท
TUNTEX มีขาดทุนลดลง 97.71 ล้านบาท
TTI มีกำไรเพิ่มขึ้น 76.29 ล้านบาท
CPH มีกำไรเพิ่มขึ้น 63.70 ล้านบาท
PAF มีกำไรเพิ่มขึ้น 61.22 ล้านบาท
TR มีกำไรเพิ่มขึ้น 55.80 ล้านบาท
เมื่อรวมทั้ง 6 บริษัทจะพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 526.27 ล้านบาท (94.36%)
10. Warehouse มีกำไรเพิ่มขึ้น 13.30 ล้านบาท
TSTE มีกำไรเพิ่มขึ้น 7.03 ล้านบาท
SST มีกำไรเพิ่มขึ้น 3.53 ล้านบาท
UST มีกำไรเพิ่มขึ้น 3.05 ล้านบาท
เมื่อรวมกำไรของทั้ง 3 บริษัทพบว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 13.61 ล้านบาท (มากกว่าของกลุ่ม)
จะเห็นได้ว่าอุตสาหกรรมที่มีกำไรมากขึ้นนั้น จริงๆแล้วขึ้นอยู่กับผลกำไรที่เพิ่มขึ้นของบางบริษัทเท่านั้น และบางบริษัทที่มีกำไรเพิ่มขึ้นนั้นมากจากกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ และ NMG ที่มีกำไรเพิ่มขึ้นมากก็เนื่องมาจากปีก่อนมีการตั้งสำรองหุ้นกู้เป็นค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
แก้ไขล่าสุดโดย chatchai เมื่อ ศุกร์ ส.ค. 22, 2003 8:43 am, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
ใครว่าผลประกอบการของบริษัทในตลาดดีขึ้น
โพสต์ที่ 2

ขอดูไตรมาส3 คงเห็นภาพชัดกว่านี้ครับ
เป็นหมอดูสักวัน ปีนี้550คงจะเอาไม่อยู่
ถ้าไตรมาส3กำไรเพิ่มขึ้นอีกนะครับ
แถมดอกเบี้ยไตรมาส4จะลงอีก
เหนื่อยแทน คนที่ทำงานรับราชการมาจนถึงอายุ60ปี
ได้เงินบำเหน็ดมา1-2ล้าน
ฝากกินดอก คงลำบากครับ
ได้ดอกเบี้ยปีละ3-5หมื่นบาท
เฉลี่ย/เดือน เหลือ3-4พันบาท
วันละ100บาท ไม่พอค่าข้าว3มื้อ
ชีวิต คิดไปก็คล้ายเกมส์
ต้องหัดคิดหัดลงทุนกันไว้เลี้ยงตัวในวัยชรา
หวังว่าเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ คงมีแผนการไว้ในใจกันแล้วนะครับ
ส่วนผม กำลังฝันให้ไกลไปให้ถึง
(กำลังคลานไม่ถึงครึ่งทางเลยครับ)
- ปรัชญา1
- Verified User
- โพสต์: 1092
- ผู้ติดตาม: 0
ใครว่าผลประกอบการของบริษัทในตลาดดีขึ้น
โพสต์ที่ 4
Mon money เขียน:หน้าที่ของVIก็คือสรรหาบริษัทที่กำไรดีต่อเนื่องครับ หาให้เจอลงทุนให้เต็มที่แบบพี่มนครับ

ปันผลแล้ว แนวโน้มก็ยังดีอีกต่างหาก
อันเดอร์ไรซ์ รับเนื้อๆเน้นๆอีกหลายบริษัท
ดูๆไปเถอะ อนาคตจะราคาตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม
(ผิดกติกาอีกแล้ว ความเห็นส่วนตัวอ่านแล้วต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจลงทุนนะครับ)