ธรรมะ ธรรมชาติ

ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 12:15 pm

[quote="miracle"][quote="กล้วยไม้ขาว"][quote="Voldtrest"][quote="miracle"][quote="holidaytours"]ใจคือพุทธ พุทธคือใจ
ใจสงบพบพุทธ พุทธทำให้ใจสงบ
ใจห่างพุทธ มิใช่พุทธห่างใจ

ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 12:53 pm

[quote="holidaytours"][quote="miracle"][quote="กล้วยไม้ขาว"][quote="Voldtrest"][quote="miracle"][quote="holidaytours"]ใจคือพุทธ พุทธคือใจ
ใจสงบพบพุทธ พุทธทำให้ใจสงบ
ใจห่างพุทธ มิใช่พุทธห่างใจ

ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 1:03 pm

[quote="holidaytours"][quote="miracle"][quote="กล้วยไม้ขาว"][quote="Voldtrest"][quote="miracle"][quote="holidaytours"]ใจคือพุทธ พุทธคือใจ
ใจสงบพบพุทธ พุทธทำให้ใจสงบ
ใจห่างพุทธ มิใช่พุทธห่างใจ

ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 4:51 pm

[quote]พี่ฮอล์ลิเดย์ ทัวร์

ศุกร์ พ.ย. 27, 2009 4:54 pm

ฝึกให้รู้ตัว ว่าตัวไม่ใช้เรา จิตจะคิด ก็ห้ามไม่ได้ นิ่ง สงบ ก็ไม่นาน สมาธะ กดได้ข้ามภพข้ามชาติ หลุดไปเกิดดับ กี่ล้านครั้ง ก็ไม่เที่ยง เดี๋ยวก็เสื่อม

จะตรวจวัด จะหลง กันทั้งบ้านทั้งเมือง คนเดียวที่ตอบได้ คือคนที่อยู่บนเขา ฝึกไปทางไหน ก็ไม่ผิด ไปทางไหนก็ถึงยอด จะต่างกันก็ช้า กับเร็ว จะเร็วจะช้า ก็แล้วแต่บุญ บารมี ที่มี ติดบ้าง หลุดบ้าง ก็หาอาจารย์แก้ไขกันไป

พี่พอใจนี้แหล่ะ ดีที่สุด มีอะไรถามแก ใช้แก บ่อยๆ แกว่าง ถามแก แกก็ได้บารมี เราก็หลุด วินๆ พี่พอใจฟังมามาก ตอบมากได้ แต่ถ้าสักพักแกฝึกมาก แกจะไม่มาตอบ เพราะบางคำถาม เปลื่องพลังงาน

แหะ ๆ ผมไม่ได้เก่งด้านศาสนาขนาดนั้นคับ :oops:
ยิ่งเรื่องไปถึงข้ามภพอะไรเนี่ย แทบไม่มีความรู้เลยครับ โง่มากแหะๆ

ผมแค่ศึกษาธรรมมะเพื่อให้จิตใจตัวเองสงบ
ท่ามกลางความวุ่นวายที่ต้องเจอในชีวิตประจำวันครับ
เพราะธรรมมะสามารถช่วยเราได้จริง ๆ ครับ

เสาร์ พ.ย. 28, 2009 7:36 am

holidaytours เขียน: ผมแค่ศึกษาธรรมมะเพื่อให้จิตใจตัวเองสงบ
ท่ามกลางความวุ่นวายที่ต้องเจอในชีวิตประจำวันครับ
เพราะธรรมมะสามารถช่วยเราได้จริง ๆ ครับ

จิตนั้นเราเอาไปจดจ่อที่สิ่้งหนึ่งสิ่งใด(เช่นลมหายใจหรือท้อง)
จากที่มันแกว่งไปขยับมา
ก็พอจะทำให้มันนิ่งได้ระดับนึง แล้วแต่ระดับการฝึก
ถ้าหวังเพื่อสงบ แล้วขยันฝึกให้จิตมันคุ้นชิน
ก็ควรจะได้ดังหวังครับ

เสาร์ พ.ย. 28, 2009 8:39 am

ผมมีความรู้ในหัวเรื่องจิตสงบ มีดังนี้
จิตสงบ แบ่งออกเป็น
จิตที่โดนกดไว้ เป็นพวกกัมมัฏฐาน เช่นแม่นางเสียวเล่งนึ่งในนิยายเรื่องเอี้ยก่วย ตอนแรกๆๆที่เก็บอารมณ์ทั้ง 7 ไว้ พวกนี้ก็สงบไปอีกแบบหนึ่ง

จิตที่สงบแบบภายใน แบ่งได้เป็น
จิตที่ไม่คิดอะไรเลย ลอยไปก็ลอยมา
จิตที่ไม่คิดอะไรเลย แต่รู้เนื้อรู้ตัวตลอดเวลา ไม่คิดอะไรเลย

แบบสุดท้ายคือ เป็น วิปัสสนา
ส่วนอีกอันนั้นไม่ใช่ แต่มันกำกึ่งว่าใช่ วิปัสสนาหรือเปล่า

เสาร์ พ.ย. 28, 2009 9:55 am

miracle เขียน:ผมมีความรู้ในหัวเรื่องจิตสงบ มีดังนี้
จิตสงบ แบ่งออกเป็น
จิตที่โดนกดไว้ เป็นพวกกัมมัฏฐาน เช่นแม่นางเสียวเล่งนึ่งในนิยายเรื่องเอี้ยก่วย ตอนแรกๆๆที่เก็บอารมณ์ทั้ง 7 ไว้ พวกนี้ก็สงบไปอีกแบบหนึ่ง

จิตที่สงบแบบภายใน แบ่งได้เป็น
จิตที่ไม่คิดอะไรเลย ลอยไปก็ลอยมา
จิตที่ไม่คิดอะไรเลย แต่รู้เนื้อรู้ตัวตลอดเวลา ไม่คิดอะไรเลย

แบบสุดท้ายคือ เป็น วิปัสสนา
ส่วนอีกอันนั้นไม่ใช่ แต่มันกำกึ่งว่าใช่ วิปัสสนาหรือเปล่า

ขอบคุณครับ
ชอบอ่านมังกรหยกด้วยหรือคับ
ผมก็ชอบครับ แต่ชอบเฉพาะภาคเอี้ยก้วยครับ สนุกและซึ้งมากเลยครับ

เสาร์ พ.ย. 28, 2009 11:18 am

por_jai เขียน: จิตนั้นเราเอาไปจดจ่อที่สิ่้งหนึ่งสิ่งใด(เช่นลมหายใจหรือท้อง)
จากที่มันแกว่งไปขยับมา
ก็พอจะทำให้มันนิ่งได้ระดับนึง แล้วแต่ระดับการฝึก
ถ้าหวังเพื่อสงบ แล้วขยันฝึกให้จิตมันคุ้นชิน
ก็ควรจะได้ดังหวังครับ

ขอบคุณครับผม
ทางศาสนาพุทธเรียกว่า การเจริญสติคับ
ผมก็ต้องใช้เป็นประจำเพราะว่าเป็นคนชอบใช้ความคิด
ทำให้สมองมักจะตื่นตัว เกิดปัญหานอนไม่หลับบ่อยครับ
ก็ต้องใช้วิธีเจริญสติอยู่บ่อย ๆ ก็คือการทำสิ่งใดแล้วบอกตัวเองว่าทำสิ่งใด
หรือรู้ตัวเองว่ากำลังทำสิ่งใด

อย่างเช่นตอนนอนไม่หลับ ผมก็จะขยับแขนขวาตัวเอง
แล้วบอกว่ากำลังขยับแขนอยู่ เลือกท่าที่สบาย ๆ
ทำไปเรื่อย ๆ เพลิน ๆ ถ้าเมื่อยก็เปลี่ยนท่า ก็จะหลับไปเอง
หรือตอนเราเจ็บป่วย เช่นไปถอนฟันมา ถ้าเราคิดว่ามันเจ็บมันก็จะยิ่งเจ็บ
แต่ถ้าเราไปคิดเรื่องอื่น เช่นการกำหนดลมหายใจเข้าออก
เช่นบอกตัวเองว่า กำลังหายใจเข้า กำลังหายใจออก
แล้วกำหนดจิตอยู่กับลมหายใจ ก็ช่วยเราเรื่องลดความเจ็บปวดได้

ใครจะลองใช้ดูก็ได้นะครับ
ธรรมมะนั้นล้ำเลิศจริง ๆ ครับ

เสาร์ พ.ย. 28, 2009 11:35 pm

รู้ คำเดียวครับ รู้

สมถะ เอาไว้ พักผ่อน เติมพลัง ครับ

อาทิตย์ พ.ย. 29, 2009 7:19 am

ดีครับ ตามอ่านทุกโพสต์เลย :D

อาทิตย์ พ.ย. 29, 2009 7:58 pm

พี่ๆ ช่วยสอนเรื่องศีล 5 โดยเฉพาะเรื่องมุสาวาทา เวรมณี

ถ้าเขาถามเราในเรื่องที่เรารู้แต่ไม่สามารถตอบได้จะทำยังไง

แล้ว มุสาวาทา ขอบเขตมันกว้างขนาดไหนครับ

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 7:43 am

กุหลาบงามหลังฝน เขียน:พี่ๆ ช่วยสอนเรื่องศีล 5 โดยเฉพาะเรื่องมุสาวาทา เวรมณี

ถ้าเขาถามเราในเรื่องที่เรารู้แต่ไม่สามารถตอบได้จะทำยังไง

แล้ว มุสาวาทา ขอบเขตมันกว้างขนาดไหนครับ

ขอบเขตก็ไม่รู้เหมือนกันนะ
แต่เรื่องมุสานี่
หลวงพ่อว่า
ผลเสียคือมันจะเหนื่้อย มันจะทุกข์
ตอนต้องจำให้ดีว่าพูดอะไรกับใครไว้

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 8:17 am

por_jai เขียน:

ขอบเขตก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 8:24 am

ผมพออธิบายได้มั้ง ไม่ทั้งหมด ต้องถามพี่พอใจครับ พี่พอใจคือสุดยอด กัลยานมิตร ของผม ถามว่าทำได้ไม๊ ยังไม่ได้ครับ ยังไม่แก่รอบครับ พยายามครับ

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 10:24 am

smith_sanguan เขียน:

ขอบเขตก็ไม่รู้เหมือนกันนะ

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 11:09 am

ดูเจตนา ตัวเดี่ยวครับ แต่ลึกๆ ห้ามรักตัวเองนะ ถ้าเมตตาได้ครับ

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 11:10 am

แต่ถ้าฝึกจนแก่รอบ จะรู้เองว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดมั้งครับ

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 3:10 pm

smith_sanguan เขียน:แต่ถ้าฝึกจนแก่รอบ จะรู้เองว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูดมั้งครับ

ถ้ายังไม่แก่รอบ
อาจต้องติดเทอร์โบช่วยบู๊ซซะหน่อย...ฮ่า...

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 8:23 pm

ถ้ายังไม่แก่รอบ
อาจต้องติดเทอร์โบช่วยบู๊ซซะหน่อย...ฮ่า...

ขอด้วยคนสิครับพี่
เอาแบบเดินหน้านะ
เครื่องตอนนี้กระชากเหลือเกิน

จันทร์ พ.ย. 30, 2009 10:50 pm

por_jai เขียน: ถ้ายังไม่แก่รอบ
อาจต้องติดเทอร์โบช่วยบู๊ซซะหน่อย...ฮ่า...

555

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 7:13 am

ทุกคนอยากจิตใจสงบ
แต่ก็ปล่อยใจคิดฟุ้งซ่าน
เมื่อปล่อยใจคิดฟุ้งซ่านจนพล่านเกินระงับ
จึงค่อยมาถามหาวิธีทำความสงบ
อยากมีสมาธิ อยากมีช่วงเว้นวรรคจากพายุความฟุ้งบ้าง

ทุกคนอยากมีกำลังใจดี
แต่ก็หาคนช่วยทางกายและเรียกร้องการเอาใจจากคนอื่น
ไม่ฝึกเป็นที่พึ่งให้ตนเอง เมื่ออ่อนแอปวกเปียกมากเข้า
จึงค่อยมาถามหาวิธีทำใจให้เข้มแข็ง
อยากลุกขึ้นได้ด้วยตนเอง อยากเป็นความอบอุ่นให้ตนเองได้

ทุกคนอยากมีร่างกายแข็งแรง
แต่ก็ขี้เกียจออกกำลังกาย
เมื่อร่างกายอ่อนแอ
จึงค่อยมาถามหาหยูกยาบำรุงร่างกาย
อยากกระดูกแข็ง อยากภูมิคุ้มกันโรคสูง

ทุกคนอยากมีสุขภาพสมบูรณ์
แต่ก็ไม่รู้จักกินนอนพักผ่อนและเว้นห่างสุรายาสูบ
เมื่อกายปรากฏเหมือนรังโรคที่สายเกินเยียวยา
จึงค่อยถามหาวิธีกินอยู่ให้เหมาะ
อยากหายใจปลอดโปร่ง อยากขับถ่ายสะดวกดี

ทุกคนอยากได้มิ่งมิตร
แต่ก็ไหลตามอารมณ์โกรธ เกลียด และอิจฉาริษยา
ยากจะมีแก่ใจให้อภัย ไม่ฝึกที่จะพลอยยินดีกับผู้อื่น
เมื่อจิตใจเร่าร้อนเกินทน จึงค่อยมาถามหาวิธีแผ่เมตตา
อยากมีความเยือกเย็น อยากเว้นวรรคจากการรบกับศัตรู

ทุกคนอยากได้ความปลอดภัย
แต่ก็สร้างความเจ็บใจให้ชาวบ้านเป็นนิสัย
เมื่อมองไปทางไหนมีแต่คนอยากทวงแค้นเอาคืน
จึงค่อยมาถามหาวิธีเจรจาหย่าศึก
อยากเลิกวิ่งเต้นคดีความ อยากไปไหนมาไหนไม่ต้องระวังตัวแจ

ทุกคนอยากได้เงินทอง
แต่ก็จับจ่ายใช้สอยสนุกมือ
โดยไม่รู้จักทำงานด้วยความขยันและหมั่นเก็บ
เมื่อตกที่นั่งลำบาก จึงต้องมาถามหาวิธีกู้หนี้ยืมเงิน
อยากชำระหนี้ให้หมด อยากมีเงินไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

ทุกคนอยากได้ความมั่นคงในชีวิต
แต่ก็หมั่นสร้างความไม่แน่นอนต่างๆนานาให้ชีวิต
เดี๋ยวผัดวันประกันพรุ่ง เดี๋ยวเล่นไม่ซื่อกับใครต่อใคร
เมื่อชีวิตยุ่งเหยิงใกล้ล้มเหลวรำไร จึงค่อยมาถามหาวิธีสร้างตัว
อยากให้ชีวิตมั่นคง อยากเบาใจสบายตัว

ทุกคนอยากได้คู่ครองดีๆ
แต่ก็ตามใจตนเองในการเหลียวซ้ายแลขวาไม่หยุดหย่อน
เมื่อเป็นคนหลายใจเพราะห้ามใจไม่ได้
จึงค่อยมาถามหาวิธีตัดใจเพื่อให้เหลือใจเดียว
อยากหยุดกระวนกระวาย อยากแก่ตายบนตักของคู่แท้

ทุกคนอยากได้ลูกที่มีความกตัญญูกตเวที
แต่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ความอบอุ่นแก่ลูกๆ
เมื่อลูกโตขึ้นกลายเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณใคร
จึงค่อยมาถามหาวิธีสั่งสอนลูกให้รู้คุณตน
อยากฝากผีฝากไข้ อยากให้ลูกหันมาเหลียวแลบ้าง

ทุกคนอยากได้ชาติหน้าเป็นสุคติภูมิ
แต่ก็ไม่เคยเห็นค่าของการให้ทานรักษาศีล
เมื่อใกล้ขาดใจตายไปกับความทรงจำแย่ๆในชีวิต
จึงค่อยมาร้องหาพระอรหันต์คุ้มภัย
อยากเกาะผ้าเหลืองไปสวรรค์ อยากได้แสงสว่างสาดถึงจิต

ทุกคนอยากมีความสุข
แต่ก็ไม่รู้ตัวว่าทุกวันสั่งสมเหตุแห่งความทุกข์
เมื่อกายใจอึดอัด
จึงค่อยมาโอดครวญชวนเวทนา
อยากขอความเห็นใจ อยากให้วาสนาฟ้าดินปรานี

เมื่อรู้จักเหตุแห่งสุข
ว่าอยู่ที่วิธีคิดสละออก
อยู่ที่วิธีเลือกคำพูดอันไม่เป็นที่ระคายโสต
และอยู่ที่วิธีลงมือทำโลกนี้ให้ดีขึ้น
แม้ไม่อยากมีความสุขก็จะเป็นสุขสนุกนาน

แต่ถ้าไม่ละเหตุแห่งทุกข์
ซึ่งก็คือวิธีคิดเห็นแก่ตัว
คือวิธีพูดด้วยคำที่คนเกลียดชัง
และคือวิธีลงมือทำโลกนี้ให้แย่ลง
แม้อยากหายทุกข์ก็จะต้องทนทุกข์ร่ำไป

ดังตฤณ
ธันวาคม ๕๒

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 7:25 am

โดนมากเลยครับเต้ย ขอบคุณหลายๆ
ขออนุญาตินำไปส่งเมล์ให้เพื่อนๆเป็นของขวัญปีใหม่ครับ

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 8:07 am

[quote="por_jai"]

โดนมากเลยครับเต้ย ขอบคุณหลายๆ

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 9:38 am

พี่พอใจบอก เขียนได้ ก็ต้องทำให้ได้ ผมก็ทำไม่ได้ครับ ฟังหลวงพ่อ ไปๆมาๆ

หลวงพ่อบอก ฟังเข้าใจหลัก แต่ต้องปฎิบัติด้วย อันนี้แล่ะผมขาด

พฤหัสฯ. ธ.ค. 03, 2009 9:54 am

[quote="RONNAPUM"][quote="por_jai"]

โดนมากเลยครับเต้ย ขอบคุณหลายๆ

พุธ ธ.ค. 09, 2009 10:16 am

พี่พอใจครับ ช่วยแนะนำ หนังสือ ภาษาอังกฤษ ฉบับ อาจารย์ปราโมชน์ หน่อยครับ มีไม๊ครับ พี่พอใจ

พุธ ธ.ค. 09, 2009 10:46 am

smith_sanguan เขียน:พี่พอใจครับ ช่วยแนะนำ หนังสือ ภาษาอังกฤษ ฉบับ อาจารย์ปราโมชน์ หน่อยครับ มีไม๊ครับ พี่พอใจ

ไม่ใช่ พี่พอใจ แต่ขอตอบนะ :D

ไปดูและขอรับได้ที่บ้านอารีย์ ครับมีหลายเล่มหลายเรื่อง

หรือจะลองโหลดจากที่นี้ได้ครับ แต่ก็ไม่เยอะเท่าที่บ้านอารีย์
http://www.wimutti.net/

พุธ ธ.ค. 09, 2009 11:11 am

ขอบคุณครับ แต่อยากได้ภาษาอังกฤษ

พุธ ธ.ค. 09, 2009 11:13 am

โอ๋เจอแล้ว ภาษาอังกฤษ