อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 91
หมดจากเรื่องประสพการณ์ คราวนี้หันมาที่ระบบ
ผมยังมีความเข้าใจว่า ระบบ การจัดการ บ้านเรานั้น ยังไม่ดีพอ ยังไม่มีระบบประกันการรักษา หมายความว่า ถ้าหากว่ามีการผิดพลาดจากการรักษา แล้วจะมีเงินสำรองส่วนกลางเข้าไปชดเชยให้ผู้เสียหาย ไม่ใช่ว่าหมอเท่านั้นที่จะเป็นที่จะต้องจ่ายค่าชดใช้ ผมว่าสังคมอเมริกา เขาเข้าใจพฤติกรรมและความผิดพลาดในสังคมมากกว่าเราครับและที่สำคัญเขายอมรับความเป็นจริงด้วยสิครับ
อย่างในกรณีที่ตัดสินนี้ ถ้ามีการชดเชยให้ผู้เสียหาย ใครจะเป็นผู้ชดเชย หมอหรือ แล้ว เกิดคำถามต่อว่า ถ้าหมอตอนนั้นงานเหนื่อยมากๆ แล้วเขายังมีจิตใจรักษาผู้ป่วยอยู่ มีความพยายามช่วยด้วยจิตใจที่ดี ก็ทำไมยังต้องเข้าไปรับภาระตรงนี้ อย่างนั้นไม่ทำดีกว่าป่าว หรือว่า ส่งต่อดีกว่ามั๊ย ทั้งๆที่ส่งต่ออาจจะเดี้ยงก็ได้ แต่ว่าเพราะว่ามีความเป็นหมอไง ทำให้อยากช่วยดีกว่า
หรืออย่างที่ว่ากรณีที่ บางท่านอาจจะทำการ ล๊อคหลัง มา เกือบ 100 ครั้ง ไม่มีปัญหา ถ้าหากว่ามีปัญหาครั้งที่ 101 จะทำไงดี ตรงนี้ระบบการจัดการยังไม่ได้ให้คำตอบ ทั้งๆที่ ถ้างั้นส่งต่อ รพ ลูกเดียว คนไข้นั่นแหล่ะจะเสียหายที่สุด
ผมยังมีความเข้าใจว่า ระบบ การจัดการ บ้านเรานั้น ยังไม่ดีพอ ยังไม่มีระบบประกันการรักษา หมายความว่า ถ้าหากว่ามีการผิดพลาดจากการรักษา แล้วจะมีเงินสำรองส่วนกลางเข้าไปชดเชยให้ผู้เสียหาย ไม่ใช่ว่าหมอเท่านั้นที่จะเป็นที่จะต้องจ่ายค่าชดใช้ ผมว่าสังคมอเมริกา เขาเข้าใจพฤติกรรมและความผิดพลาดในสังคมมากกว่าเราครับและที่สำคัญเขายอมรับความเป็นจริงด้วยสิครับ
อย่างในกรณีที่ตัดสินนี้ ถ้ามีการชดเชยให้ผู้เสียหาย ใครจะเป็นผู้ชดเชย หมอหรือ แล้ว เกิดคำถามต่อว่า ถ้าหมอตอนนั้นงานเหนื่อยมากๆ แล้วเขายังมีจิตใจรักษาผู้ป่วยอยู่ มีความพยายามช่วยด้วยจิตใจที่ดี ก็ทำไมยังต้องเข้าไปรับภาระตรงนี้ อย่างนั้นไม่ทำดีกว่าป่าว หรือว่า ส่งต่อดีกว่ามั๊ย ทั้งๆที่ส่งต่ออาจจะเดี้ยงก็ได้ แต่ว่าเพราะว่ามีความเป็นหมอไง ทำให้อยากช่วยดีกว่า
หรืออย่างที่ว่ากรณีที่ บางท่านอาจจะทำการ ล๊อคหลัง มา เกือบ 100 ครั้ง ไม่มีปัญหา ถ้าหากว่ามีปัญหาครั้งที่ 101 จะทำไงดี ตรงนี้ระบบการจัดการยังไม่ได้ให้คำตอบ ทั้งๆที่ ถ้างั้นส่งต่อ รพ ลูกเดียว คนไข้นั่นแหล่ะจะเสียหายที่สุด
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 92
คำตัดสินที่เกิดขึ้นนี้ จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของการรักษา รวมทั้งเป็นบรรทัดฐานในอนาคตที่ดีหรือไม่ . ไม่รู้ คำตัดสินบางอย่างนั้น ทำเอาผมงงเหมือนกัน
-------เช่น ท่านพระพยอมเอามาพับเป็นถุงกล้วยแขก กรมที่ดินจดทะเบียนให้ตามคำสั่งศาล ไม่จดก็ผิด พอจดไปแล้ว ทำการซื้อขายแล้ว มีคนมาร้อง ศาลท่านก็ตัดสินอีก คราวนี้ ท่านพระพยอมท่านเลยต้องทำถุงกล้วยแขก เหตุการณ์คราวนั้น ทำให้ผมเองก็ค่อนข้าง งง กับการพิจารณาเฉพาะจุด เพราะว่ามันมีความเสียหายเกิดขึ้นจริงๆ แต่ๆม่มีใครต้องรับผิดชอบ------
หมอก็คน จริงรึป่าวครับ human error เกิดได้ง่ายสำหรับคนที่เหนื่อย ล้า ใครอยู่ในโรงงานที่มีสายการผลิต ก็จะรู้ครับ
แต่ถ้าใครยังไม่ล้า หรือว่ายังไม่เหนื่อยแล้วทำผิดพลาด ตรงนี้ก็โดนตำหนิได้ ไม่ใช่ว่าตำหนิไม่ได้
แต่ถ้าล้าแล้วรู้ตัว งั้นถามต่อว่า แล้วสามารถหยุดงานได้รึป่าว บางอย่างถ้าหยุดได้ก็ดี แต่ถ้าหยุดไม่ได้ เพราะว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น อย่างนั้นมันก็จะทำให้ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด เกิดได้มากขึ้น แล้วใครต้องรับผิดชอบตรงนี้
-------เช่น ท่านพระพยอมเอามาพับเป็นถุงกล้วยแขก กรมที่ดินจดทะเบียนให้ตามคำสั่งศาล ไม่จดก็ผิด พอจดไปแล้ว ทำการซื้อขายแล้ว มีคนมาร้อง ศาลท่านก็ตัดสินอีก คราวนี้ ท่านพระพยอมท่านเลยต้องทำถุงกล้วยแขก เหตุการณ์คราวนั้น ทำให้ผมเองก็ค่อนข้าง งง กับการพิจารณาเฉพาะจุด เพราะว่ามันมีความเสียหายเกิดขึ้นจริงๆ แต่ๆม่มีใครต้องรับผิดชอบ------
หมอก็คน จริงรึป่าวครับ human error เกิดได้ง่ายสำหรับคนที่เหนื่อย ล้า ใครอยู่ในโรงงานที่มีสายการผลิต ก็จะรู้ครับ
แต่ถ้าใครยังไม่ล้า หรือว่ายังไม่เหนื่อยแล้วทำผิดพลาด ตรงนี้ก็โดนตำหนิได้ ไม่ใช่ว่าตำหนิไม่ได้
แต่ถ้าล้าแล้วรู้ตัว งั้นถามต่อว่า แล้วสามารถหยุดงานได้รึป่าว บางอย่างถ้าหยุดได้ก็ดี แต่ถ้าหยุดไม่ได้ เพราะว่าจะมีความเสียหายเกิดขึ้น อย่างนั้นมันก็จะทำให้ โอกาสที่จะเกิดความผิดพลาด เกิดได้มากขึ้น แล้วใครต้องรับผิดชอบตรงนี้
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 93
เล่าเรื่องที่เล่ากันต่อๆกันมานะครับ ผมจำได้แค่โครงเรื่องนะครับ หลายคนคงอ่านมาแล้ว ลองอ่านดูนะครับ
ในรถไฟฟ้าขบวนนึง
มีชายคนนึงอุ้มเด็กคนนึงอยู่ในอ้อมกอด เด็กคนนี้ร้องให้มากมาย ร้องหาแม่ คนผู้เป็นพ่อพยายามจะปลอบเด็กให้เงียบลง แต่เด็กก็ไม่หยุดร้อง เด็กร้องอยู่นานจนคนข้างเคียงเริ่มอึดอัด มีความรู้สึกว่าผู้เป็นพ่อทำอะไรน้อยเกินไปในการควบคุมเด็ก จนกระทั่งผู้เป็นพ่อเริ่มสังเกตุเห็นคนรอบข้าง เขาจึงพูดออกมาว่า ขอโทษด้วยนะครับ แม่ของเด็กเพิ่งตายไป ความรู้สึกของคนรอบข้าง จากที่รู้สึกไม่ชอบใจ ก็ได้กลายเป็นสงสารเด็กมากๆ แล้วที่สำคัญ..ก็ผ่อนคลายตัวเองด้วย ทั้งๆที่เสียงร้องของเด็กยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกเปลี่ยนไปแล้ว
กรณีนี้ เราเองมีใครสามารถบอกรายละเอียดได้บ้างครับ ว่ามีเหตุการณ์เป็นมายังไง ไม่งั้นทุกคนจะตัดสิน ด้วยประสพการณ์ที่ตัวเองเจอ แล้วนำมาตัดสินกรณีนี้นะครับ
ในรถไฟฟ้าขบวนนึง
มีชายคนนึงอุ้มเด็กคนนึงอยู่ในอ้อมกอด เด็กคนนี้ร้องให้มากมาย ร้องหาแม่ คนผู้เป็นพ่อพยายามจะปลอบเด็กให้เงียบลง แต่เด็กก็ไม่หยุดร้อง เด็กร้องอยู่นานจนคนข้างเคียงเริ่มอึดอัด มีความรู้สึกว่าผู้เป็นพ่อทำอะไรน้อยเกินไปในการควบคุมเด็ก จนกระทั่งผู้เป็นพ่อเริ่มสังเกตุเห็นคนรอบข้าง เขาจึงพูดออกมาว่า ขอโทษด้วยนะครับ แม่ของเด็กเพิ่งตายไป ความรู้สึกของคนรอบข้าง จากที่รู้สึกไม่ชอบใจ ก็ได้กลายเป็นสงสารเด็กมากๆ แล้วที่สำคัญ..ก็ผ่อนคลายตัวเองด้วย ทั้งๆที่เสียงร้องของเด็กยังมีอยู่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกเปลี่ยนไปแล้ว
กรณีนี้ เราเองมีใครสามารถบอกรายละเอียดได้บ้างครับ ว่ามีเหตุการณ์เป็นมายังไง ไม่งั้นทุกคนจะตัดสิน ด้วยประสพการณ์ที่ตัวเองเจอ แล้วนำมาตัดสินกรณีนี้นะครับ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 94
แต่มีอีกเรื่องนึงที่ผมค่อนข้างแครงใจ คือ
ระบบการผลิตหมอบ้านเรา มักจะมี.. คือว่า ใครสอบเอ็นเข้าไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นหมอได้ ต้องมาจากการเอ็นเท่านั้น ใครที่จบจากสถาบันที่ไม่ใช่การ เอ็น หรือว่า จบจากที่อื่น นี่ สอบยากชิกกกกก จะปิดกั้นอะไรนักหนา อ้างถึง มาตรฐานอะไรมากมาย
ด้านวิศวกร ก่อนยุคน้าชาติก็บอกว่า คนเอ็นไม่ติดมันกระจอก จบจากฟิลิบปินส์ กระจอก ทำงานไม่ได้ ห่วย แตก ..อะไรมากมาย พอน้าชาติมา บอกว่าวิศวกรไม่พอจะพัฒนาชาติได้อย่างไร ผลิตเพิ่มมากๆๆๆๆๆ ตอนนี้ก็เห็นทำงานกันเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้ง จบจาก ม.เอกชน ทั้งจาก เทคนิค สารพัด ก็เห็นมีดีตั้งมากมายที่ไม่ได้จบมาจากสถานที่ เอ็น
ปลดปล่อยเถอะครับ เขาเลิกทาสกันตั้งนานแล้ว คุมแค่มาตรฐานพอครับ ชอบเอาเรื่องไม่ได้มาตรฐานมาขู่
คนที่รู้จัก ลูกเขาเรียนได้เกรด 2 กว่า มัธยม บ้านเรา พอดี.พ่อเขามีเงิน อยากให้ลูกเรียนหมอ เลยให้ไปเรียนหมอ ที่เมกา จบ ยู ท๊อบ 5 ที่เมกา ที่มีคนไทยแค่ไม่กี่คนได้เรียนหมอที่นั่น เขายังเรียนได้เลย ทั้งๆที่อยู่เมืองไทยก็แค่ 2 กว่าๆ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรมากมาย
อย่างระบบการผลิตผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ว่าต้องเป็น trainee อยู่ 3 ปี ต้องมีผู้เซ็นต์รับรองต่อเนื่อง ในกรณีที่จะเปลี่ยนผู้เซ็นต์รับรองนี่ ต้องให้ผู้รับรองคนแรกเซ็นต์ยินยอมปล่อยออกมาก่อน ถึงจะสามารถให้ผู้เซ็นต์รับรองคนใหม่เข้ามารับรองแทนต่อได้
หุหุหุ ทาสดีๆนี่เอง ในระบบสังคมบ้านเรา ปรากฏว่า มีบางคนการเอาระบบนี้ มาเพื่อกดขี่คน จริงๆ บางกรณีที่เกิดขึ้นจริงๆ คือไม่ยอมเซ็นต์ให้ในปีสุดท้าย ไม่ยอมลูกเดียว เปลี่ยนก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
ไปดูหนังเรื่อง รูท ที่มีพระเอกชื่อ อุลต้า คินเต้ ดีกว่า อันนั้น ขาวกดดำ ที่สำคัญ.....ไอนี่ คือ คนไทยกดเอง
ถามว่าใครตั้งระบบแบบนี้ขึ้นมา.เฮ้อ
ระบบการผลิตหมอบ้านเรา มักจะมี.. คือว่า ใครสอบเอ็นเข้าไม่ได้ ไม่น่าจะเป็นหมอได้ ต้องมาจากการเอ็นเท่านั้น ใครที่จบจากสถาบันที่ไม่ใช่การ เอ็น หรือว่า จบจากที่อื่น นี่ สอบยากชิกกกกก จะปิดกั้นอะไรนักหนา อ้างถึง มาตรฐานอะไรมากมาย
ด้านวิศวกร ก่อนยุคน้าชาติก็บอกว่า คนเอ็นไม่ติดมันกระจอก จบจากฟิลิบปินส์ กระจอก ทำงานไม่ได้ ห่วย แตก ..อะไรมากมาย พอน้าชาติมา บอกว่าวิศวกรไม่พอจะพัฒนาชาติได้อย่างไร ผลิตเพิ่มมากๆๆๆๆๆ ตอนนี้ก็เห็นทำงานกันเต็มบ้านเต็มเมือง ทั้ง จบจาก ม.เอกชน ทั้งจาก เทคนิค สารพัด ก็เห็นมีดีตั้งมากมายที่ไม่ได้จบมาจากสถานที่ เอ็น
ปลดปล่อยเถอะครับ เขาเลิกทาสกันตั้งนานแล้ว คุมแค่มาตรฐานพอครับ ชอบเอาเรื่องไม่ได้มาตรฐานมาขู่
คนที่รู้จัก ลูกเขาเรียนได้เกรด 2 กว่า มัธยม บ้านเรา พอดี.พ่อเขามีเงิน อยากให้ลูกเรียนหมอ เลยให้ไปเรียนหมอ ที่เมกา จบ ยู ท๊อบ 5 ที่เมกา ที่มีคนไทยแค่ไม่กี่คนได้เรียนหมอที่นั่น เขายังเรียนได้เลย ทั้งๆที่อยู่เมืองไทยก็แค่ 2 กว่าๆ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรมากมาย
อย่างระบบการผลิตผู้ตรวจสอบบัญชี ที่ว่าต้องเป็น trainee อยู่ 3 ปี ต้องมีผู้เซ็นต์รับรองต่อเนื่อง ในกรณีที่จะเปลี่ยนผู้เซ็นต์รับรองนี่ ต้องให้ผู้รับรองคนแรกเซ็นต์ยินยอมปล่อยออกมาก่อน ถึงจะสามารถให้ผู้เซ็นต์รับรองคนใหม่เข้ามารับรองแทนต่อได้
หุหุหุ ทาสดีๆนี่เอง ในระบบสังคมบ้านเรา ปรากฏว่า มีบางคนการเอาระบบนี้ มาเพื่อกดขี่คน จริงๆ บางกรณีที่เกิดขึ้นจริงๆ คือไม่ยอมเซ็นต์ให้ในปีสุดท้าย ไม่ยอมลูกเดียว เปลี่ยนก็ไม่ได้ สุดท้ายต้องไปเริ่มนับหนึ่งใหม่
ไปดูหนังเรื่อง รูท ที่มีพระเอกชื่อ อุลต้า คินเต้ ดีกว่า อันนั้น ขาวกดดำ ที่สำคัญ.....ไอนี่ คือ คนไทยกดเอง
ถามว่าใครตั้งระบบแบบนี้ขึ้นมา.เฮ้อ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 95
พี่ซานก็มองอย่างเป็นกลางดีนะครับ
ผมมีเรื่องเสริมไม่กี่เรื่อง
คือ เรื่องข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิด ก็ไม่มีใครรู้
แต่ถ้าให้เดา คงเป็นแพ้ยา อย่างที่พี่แผ่วว่า หรือไม่ก้ high block ครับ
ทั้งสองกรณียังไงก็สุดวิสัย ผมว่านะ (ผมไม่ใช่วิสัญญีแพทย์)
ยิ่ง ถ้าไปเป็นหมอใน รพชคนเดียว
ไส้ติ่ง ก็คงต้องทำแหละครับ ยังไงผมก็มองว่าสุดวิสัย
ยังไงก็ไม่น่าถึงกับไม่รอลงอาญา...
อย่างที่สอง หมอผู้หญิงที่ตวาดแม่พี่
ผมไม่อยากตัดสินหรอกครับ แต่ถ้าเป็นอย่างว่าจริง ก็ดูจะโหดร้ายไป
แต่ก็ต้องยอมรับแหละรับ คนมันมีหลายประเภท
ได้รับการสั่งสอนมาไม่เท่ากัน
สาม คือ เรื่องผลิตแพทย์ เทียบกับ วิศวะไม่ได้อย่างแน่นอนครับ
ใช่ว่าผลิตๆๆ ออกมาก็พอ
วิชาชีพแพทย์ เดิมนั้นเป็นศิลปะ (จริงๆ นะครับ ก่อนยุค 100 ปีมานี่ เป็นสายศิลป์จริงๆ)
ชั่วโมงทำงาน ประสบการณ์ และ ความเอาใจใส่ของผู้สอนต่อผู้เรียนนั้นสำคัญมาก
เรื่องมโนธรรมไม่ได้สอนกันไดด้วยหนังสือ เหมือน วิชาวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆ
การเพิ่มกำลังการผลิตในสถานการณ์เช่นนี้ ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้เลยว่า ไม่ต่างอะไรกับการที่ snc เพิ่มทุน แล้วทำให้ eps dilute ลง อิอิ
ขนาดผลิตกันอย่างตั้งใจ นักเรียนแพทย์ต่ออาจารย์แพทย์คนนึง ประมาณ ไม่เกิน 5-6:1 แล้ว ยังได้ หมอผู้หญิงคนที่ตวาดแม่ของพี่แล้ว
พี่ลองคิดดูว่า ถ้าขยายกำลังการผลิตเป็น สามเท่าของเดิม
นักเรียนแพทย์นั่งฟังอาจารย์สอนในห้องตรวจ หรือ ห้องผ่าตัด 15-18 คน...
ดูไม่จืดแน่ครับ ใช่มั้ยครับ พี่ซาน
แล้วจะมีคุณภาพได้อย่างไร?
ผมมีเรื่องเสริมไม่กี่เรื่อง
คือ เรื่องข้อเท็จจริงเรื่องที่เกิด ก็ไม่มีใครรู้
แต่ถ้าให้เดา คงเป็นแพ้ยา อย่างที่พี่แผ่วว่า หรือไม่ก้ high block ครับ
ทั้งสองกรณียังไงก็สุดวิสัย ผมว่านะ (ผมไม่ใช่วิสัญญีแพทย์)
ยิ่ง ถ้าไปเป็นหมอใน รพชคนเดียว
ไส้ติ่ง ก็คงต้องทำแหละครับ ยังไงผมก็มองว่าสุดวิสัย
ยังไงก็ไม่น่าถึงกับไม่รอลงอาญา...
อย่างที่สอง หมอผู้หญิงที่ตวาดแม่พี่
ผมไม่อยากตัดสินหรอกครับ แต่ถ้าเป็นอย่างว่าจริง ก็ดูจะโหดร้ายไป
แต่ก็ต้องยอมรับแหละรับ คนมันมีหลายประเภท
ได้รับการสั่งสอนมาไม่เท่ากัน
สาม คือ เรื่องผลิตแพทย์ เทียบกับ วิศวะไม่ได้อย่างแน่นอนครับ
ใช่ว่าผลิตๆๆ ออกมาก็พอ
วิชาชีพแพทย์ เดิมนั้นเป็นศิลปะ (จริงๆ นะครับ ก่อนยุค 100 ปีมานี่ เป็นสายศิลป์จริงๆ)
ชั่วโมงทำงาน ประสบการณ์ และ ความเอาใจใส่ของผู้สอนต่อผู้เรียนนั้นสำคัญมาก
เรื่องมโนธรรมไม่ได้สอนกันไดด้วยหนังสือ เหมือน วิชาวิทยาศาสตร์แขนงอื่นๆ
การเพิ่มกำลังการผลิตในสถานการณ์เช่นนี้ ขอเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้เลยว่า ไม่ต่างอะไรกับการที่ snc เพิ่มทุน แล้วทำให้ eps dilute ลง อิอิ
ขนาดผลิตกันอย่างตั้งใจ นักเรียนแพทย์ต่ออาจารย์แพทย์คนนึง ประมาณ ไม่เกิน 5-6:1 แล้ว ยังได้ หมอผู้หญิงคนที่ตวาดแม่ของพี่แล้ว
พี่ลองคิดดูว่า ถ้าขยายกำลังการผลิตเป็น สามเท่าของเดิม
นักเรียนแพทย์นั่งฟังอาจารย์สอนในห้องตรวจ หรือ ห้องผ่าตัด 15-18 คน...
ดูไม่จืดแน่ครับ ใช่มั้ยครับ พี่ซาน
แล้วจะมีคุณภาพได้อย่างไร?
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 96
ขอลอง เล่าประสบการณ์ที่ เเย่ๆกับหมอ
ผมมีอาการปวด eggs ไปหาหมอที่โรงพยาบาลใหญ่เเห่งหนึ่ง อยู่ฝั่งธน ริมเเม่น้ำเจ้าพระยา หมอที่ผมไปตรวจ เป็นอาจารย์หมอ ก็ให้ผม ขึ้นเตียงเเล้วก็คลำๆ eggs ผม เเล้วก็หายไป เเละกลับมาพร้อม นักเรียนเเพทย์ 5-6 คน เเละอาจารย์ก็สอน อะไรไม่รู้ ผมก็เซ็งมากๆ เเละอาจารย์ก็ให้นักเรียนเเพทย์ลองคลำของผม โคตรอายเลยครับ เเต่เเอบลุ้นให้ นักเรียน ผู้หญิงคลำ เเต่ดันให้ผู้ชายคลำ โคตรเซ็งงงงงง เลยครับ
เห็นผมเป็น อะไร....................
งั้นของผมนี่ ยังด้อยกว่า ท่าน terati20
ก่อนทำ แองจิโอแกรม พยาบาล ก็เดินมาที่เตียง
รูดม่านปิด ปร๊าดดดดดดดดดดดดดด
ถอดกางเกงหน่อยสิค๊ะ
แฮ่ะๆๆๆ ถอดทำอะไรเหรอครับ
ต้องโกนค่ะ
???? โกนอะไรเหรอครับ
อ้าว คุณหมอไม่ได้บอกเหรอค๊ะ
พูดไป คุณเธอก็ถอดกางเกงผมไปพร้อม เตรียมมีดโกนไปด้วย หูย เย็นวุ้ยยยยยย ยุดนั้นมันก็มีนิทานประรำประรา เกี่ยวกับนางพยาบาลอยู่ด้วยแล้วนะ อิอิอิ
อ่า
อีกนิดนะค๊ะ
พุทโธ ๆๆ ๆ ๆ ๆ
อ๋ายยยยยยย.......หย๋า........
ก็ปรากฏว่า พยาบาล ญ ท่านมาโกนขนตรงข้างๆหัวหน่าว ถึงขาหนีบเพื่อนเตรียมพื้นที่ให้สะอาด แล้ว ไอตรงนั้นมันอยู่ตรงกับเจ้าตี๋น้อย การจะโกนได้ก็ต้องพลิกตี๋น้อยไปมา พลิกไปพลิกมา ผมไม่ใช่พระอิฐพระปูนนี่นา
แฮ่ะๆๆๆๆดันตื่นขึ้นมา ท่องพุทโธ กับเขาด้วย ..คำสุดท้ายจึงต้องรำพึงรำพันว่า
พุดโถ่
วันนั้น ไม่กล้าเดินสบตาใครในเวรนั้นเลย ก็ ไอตี๋ มันทำขายหน้า เหตุการณ์นี้ที่ รพ.มอ. ปี 33 ครับ แฮ่ะๆๆๆๆ
ก็.สงสัยอยู่นะครับ ที่ต่อมาไม่ได้ผ่าตัดเส้นเลือดที่คอ คราวนั้น คงเพราะว่า พยาบาลทานนั้น คงเขียนรายงานไปให้หัวหน้าว่า ของดเว้นการผ่าตัดด้วยเถิด เนื่องจากมีความเสี่ยง เกรงกลัวว่าจะสูญเสียบุคคลากรที่มีลักษณะจำเพาะ และพิเศษ ของประเทศไทยไปอีกท่านนึง นะครับ แฮ่ะๆๆๆๆๆ
ตี 2 แล้ววุ้ย คิดถึงพยาบาลท่านั้นแล้วแฮ่ะ อิอิอิ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 97
คุณหมอ Pn3um0n1a ทำไมนอนดึกครับ
ทำไรอยู่เหรอครับ
อิอิอิ
ผมนอนก่อนนะครับ
ทำไรอยู่เหรอครับ
อิอิอิ
ผมนอนก่อนนะครับ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 100
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์ ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวความว่า
โค้ด: เลือกทั้งหมด
กรณีศาลจังหวัดทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พิพากษาจำคุกแพทย์หญิงสุทธิพร ไกรมาก เป็นเวลา 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2550 ที่ผ่านมา แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุด แต่ก็ทำให้วงการแพทย์ออกอาการไม่พอใจที่แพทย์ด้วยกันต้องรับโทษทั้งที่ยังไม่รู้ข้อเท็จจริง พร้อมขู่ยุติการทำผ่าตัดที่รพ.ชุมชนและจะมีการส่งต่อผู้ป่วยกันมากขึ้น ต่างวิพากษ์วิจารณ์และโยนความผิดทั้งหมดให้กับผู้เสียหายและเครือข่ายฯทั้งที่คดีอาญานั้นดำเนินขึ้นก่อนที่ผู้เสียหายรายนี้จะมาพบกับเครือข่ายฯ
หน่วยงานที่รู้รายละเอียดดีอย่างแพทยสภาและสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ก็ออกมาโต้ตอบและบิดเบือนข้อเท็จจริง อาศัยเหตุการณ์นี้เล่นละครตบตาวงการแพทย์และสังคม เรียกร้องความชอบธรรมให้กับตนเองและเรียกร้องให้แพทย์ไม่ต้องถูกฟ้องเป็นคดีอาญา ทั้งที่รู้ดีว่าเหตุการณ์ที่บานปลายจนพญ.สุทธิพรฯต้องได้รับโทษนั้นแพทยสภาและสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นต้นเหตุใหญ่ และแม้กระทั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขที่เครือข่ายฯ หวังว่าท่านจะเป็นหนึ่งเดียวที่พึ่งได้ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตคนไข้ที่เสียหาย พร้อมควักเงินส่วนตัวเริ่มตั้งกองทุนช่วยเหลือแพทย์สู้คดี เครือข่ายฯ ขอถามว่าแล้วชีวิตคนไข้ไทยที่ต้องล้มตาย เจ็บ พิการ เป็นใบไม้ร่วงทุกวันจากความผิดพลาดทางการแพทย์ที่ป้องกันได้ จะพึ่งใครได้ หรือต้องปล่อยให้เป็นเวรเป็นกรรม เพราะขืนหากลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องหาความเป็นธรรม ก็จะกลายเป็นคนผิด และมีแต่เสียงก่นด่าสาปแช่งจากวงการแพทย์ไทยเป็นรางวัล
เครือข่ายฯ เห็นใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพญ.สุทธิพรฯ แต่อยากให้ท่านทั้งหลายได้ใช้สติ และดูข้อเท็จจริงก่อน แล้วค่อยวิจารณ์หรือตัดสินว่าใครถูกใครผิด หรือใครเป็นต้นเหตุ
ดังที่เครือข่ายฯ จะชี้แจงดังต่อไปนี้
1. พญ.สุทธิพรฯ ไม่ได้เข้าไปอยู่ในคุกแม้แต่นาทีเดียว กุญแจมือก็ไม่ถูกใส่ เพราะศาลท่านให้เกียรติแพทย์ อีกทั้งนส.ศิริมาศลูกสาวนางสมควร แก้วคงจันทร์ (ผู้ตาย) ได้ขอร้องศาลผ่านเจ้าหน้าที่หน้าบัลลังก์ว่า ขอไม่ให้ใส่กุญแจมือ และไม่ให้เอาพญ.สุทธิพรไปคุมขังในระหว่างรอประกันตัว เนื่องจากเธอเห็นว่าในคดีอื่นที่พิพากษาก่อนหน้าคดีของเธอบัลลังก์เดียวกันนั้น ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลได้เอากุญแจมือไปใส่ไว้กับตัวจำเลยก่อนมีคำพิพากษา และเธอไม่เคยคิดที่จะเอาหมอติดคุก เธอเพียงแต่ต้องการให้ใครสักคนตอบว่าแม่เธอเป็นอะไรตาย แต่ก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะบานปลายมาจนเป็นแบบนี้
2. 5 มิถุนายน 2545 เมื่อแม่ของศิริมาศเสียชีวิตหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่มีใครอธิบายว่าแม่ตายเพราะอะไร แพทย์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกว่าหัวใจล้มเหลว ไปถามรพ.มหาราชก็ตอบว่าเพราะสมองบวม ทางรพ.ไม่เคยมีน้ำใจไปร่วมงานศพ เธอนำศพแม่เข้ากรุงเทพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช ผลก็ออกมาแบบคลุมเครือ
3. สสจ.จังหวัดนครศรีธรรมราชสอบสวนแล้วบอกว่าหมอไม่ผิด แต่จะจ่ายเงินให้ แต่หมอไม่รับว่าเป็นความผิดพลาด ศิริมาศ บอกว่าถ้าจะให้รับเงินต้องอธิบายก่อนว่าแม่ตายเพราะอะไร ถ้าหมอไม่ผิดเธอก็เหมือนไปขู่กรรโชกทรัพย์มันไม่ถูกต้อง คนในสสจ.บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้ไปฟ้องเอาเอง
4. ศิริมาศจึงไปแจ้งความ (จุดเริ่มต้นคดีอาญา) เมื่อไปแจ้งความ ศิริมาศรู้ว่ามีการใช้อิทธิพลท้องถิ่น ทำให้ตำรวจไม่รับแจ้งความ ไม่ยอมทำสำนวนส่งอัยการ
5. เธอร้องเรียนแพทยสภาก็บอกสั้น ๆ ว่า คดีไม่มีมูล ร้องรัฐมนตรีฯ สธ.ยุคนางสุดารัตน์ฯ ก็ไม่มีใครช่วย ศิริมาศร้องเรียนต่อ 16 หน่วยงาน หน่วยงานสอบสวนแล้วพบว่าตำรวจมีความผิดจนถูกย้าย และอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ฟ้องคดีนี้ แต่ก็ไม่ได้ฟ้องในทันที
6. ปลายปี 2545 ศิริมาศเข้ารวมตัวกับเครือข่ายฯ เครือข่ายฯ จึงช่วยเธอยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของรพ.ร่อนพิบูลย์ เป็นคดีแพ่ง ตามพรบ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ปี 2539 จนกระทั่งปลายปี 2548 ศาลชั้นต้นตัดสินให้ศิริมาศชนะคดีแพ่งที่ฟ้องกระทรวง ว่าคดีไม่หมดอายุความ และรพ.ประมาทเลินเล่อ สธ.ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 6 แสนบาท
ระหว่างนั้นทางอัยการจังหวัดทุ่งสงได้ยื่นฟ้องในคดีอาญาทันที ทั้งที่ก่อนหน้านั้นเธอก็หมดหวังไปแล้วกับคดีอาญา ศิริมาศเหนื่อยมาหลายปี หนังสือก็ไม่ได้เรียนทั้งที่เธอเอนทร้านซ์ติดคณะชีวะเคมี เธออยากเรียนหนังสือ จึงขอร้องสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ว่าอย่าอุทธรณ์เลย เธอพอใจและ ได้คำตอบแล้วว่าแม่เป็นอะไรตาย และเงินจำนวน 6 แสนบาทนั้นแม้จะไม่มากหากเทียบกับชีวิตแม่ แต่ก็คงพอทำให้เธอกับน้อง ๆ ได้เรียนหนังสือ เพราะหลังจากแม่ตายก็บ้านแตก พี่น้อง 5 คนแตกแยกกันไปคนละทิศละทาง เธอกับน้อง ๆ ไม่มีใครส่งเสียให้ได้เรียน ความเป็นอยู่ลำบาก แต่ทางสำนักงานปลัดกระทรวงฯ กับทางแพทยสภากลับร่วมกันตั้งทีมทนายสู้กับคนไข้ ทำทุกวิถีทางที่จะเอาชนะคนไข้ แม้จะไม่ถูกต้องก็ทำ และยื่นอุทธรณ์ในประเด็นอายุความ จนทำให้ศิริมาศต้องได้รับความพ่ายแพ้เนื่องจากคดีหมดอายุความ เมื่อ 12กรกฎาคม 2550
ทั้งที่เจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่นั้น เขามีไว้ช่วยแพทย์เวลาถูกร้องเรียน ไม่ต้องให้แพทย์ถูกฟ้อง และมีไว้เพื่อเยียวยาผู้เสียหาย แต่สำนักงานปลัดกระทรวง กลับไม่ยอมทำตามเจตนารมย์ของกฎหมาย ปล่อยให้คนผู้เสียหายที่มีความทุกข์และต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก ไปฟ้องกันเอาเอง แล้วก็จัดตั้งทีมกฎหมายสู้แบบเอาเป็นเอาตาย เหตุการณ์เปลี่ยนไปน้องศิริมาศต้องต่อสู้กับหน่วยงานที่ควรให้ความเป็นธรรมกับเธอ และแพทย์ของรพ.ร่อนพิบูลย์ก็ถูกนำไปเป็นเครื่องมือในการเอาชนะผู้เสียหายของหน่วยงาน
7. ในคดีอาญา ชมรมแพทย์ชนบทได้ประสานกับเครือข่ายฯ ว่าจะหาทางออกอย่างไรดี เครือข่ายฯ อาสาคุยกับน้องให้ศิริมาศบอกว่ามาพูดตอนนี้มันสายไปแล้ว อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว ทำไมก่อนหน้านี้ไม่มาคุย และคดีอาญานั้นยอมความกันไม่ได้ ถือเป็นอาญาแผ่นดิน แต่ก็มีทางออก โดยให้แพทย์ขอโทษอย่างเป็นทางการ และทำบุญให้แม่เธอ และเธอจะไปแถลงต่อศาลเองว่าไม่ติดใจเอาความ และให้หมอไปรับสารภาพกับศาลท่านพร้อม ๆ กัน โทษหนักจะได้เป็นเบา อย่างมากศาลก็รอลงอาญา ครั้งแรกทางรพ.ตอบตกลง แต่แพทยสภาและสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ไม่ให้หมอขอโทษและให้สู้คดี โดยบอกหมอว่ามีทางชนะ โดยจัดทีมนักกฎหมาย ทีมแพทย์ที่จบกฏหมายช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่ มีกรรมการแพทยสภาคอยประกบพยานฝ่ายของศิริมาศในศาลอย่างน่าเกลียดอีกด้วย
ในการสู้คดีศิริมาศเห็นว่าแพทย์หญิงสุทธิพร หลงเชื่อหน่วยงานเบิกความไม่ตรงกับข้อเท็จจริง แพทย์พยานผู้เชี่ยวชาญจากราชวิทยาลัยก็เบิกความขัดกับตำราที่ตนเองเขียน
ดังนั้นการที่พญ.สุทธิพร ต้องคดีอาญาในครั้งนี้ เป็นเพราะหลงเชื่อแพทยสภาและสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ที่ยุให้แพทย์สู้คดีในทางที่ผิด ๆ จึงทำให้ตนเองต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งที่น้องศิริมาศและเครือข่ายฯ ได้พยายามช่วยแล้วแต่แพทย์ไม่รับเอง มิหนำซ้ำทุกครั้งที่ศิริมาศพบกับพญ.สุทธิพร เธอยกมือไหว้แต่พญ.สุทธิพรไม่เคยรับไหว้ และแสดงกิริยาอาการที่ไม่เป็นมิตรอีกด้วย
เวลาคนไข้ถูกหน่วยงานรังแก ยัดเยียดความอยุติธรรมให้ เครือข่ายฯ ไม่เคยเห็นวงการแพทย์ส่วนใหญ่จะเห็นใจ และออกมาเรียกร้องเพื่อคนไข้ทั้ง ๆ ที่รู้ดีกันอยู่ว่าแพทย์ทำผิดและหน่วยงานไม่มีความเป็นธรรม แต่ก็ปล่อยให้คนไข้ถูกกระทำ วงการแพทย์ไม่ควรเห็นแก่พวกพ้องอย่างน่าเกลียด และออกมาตอบโต้เหมือนจับคนไข้เป็นตัวประกัน จะไม่รักษา จะลาออก การเอาชีวิตคนไข้มาต่อรองในทางที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง สังคมแพทย์ควรมีความเห็นอกเห็นใจผู้เสียหาย และหาทางช่วยเหลือกันอย่างมีมนุษยธรรม เพราะที่ใดไม่มีความเป็นธรรม สันติย่อมไม่เกิด แพทย์อยากให้คนไข้เข้าใจแพทย์ เห็นใจในความเหนื่อยยากของแพทย์แพทย์ก็ต้องเห็นใจคนไข้ด้วยถึงจะมีความสงบสุขด้วยกันทุกฝ่าย
ทุกวันนี้ทั้งแพทย์ คนไข้ และหมอ คือเหยื่อของระบบ เหยื่อของหน่วยงาน ที่ผู้บริหารเหลิงและลุแก่อำนาจ ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา มัวแต่ห่วงภาพพจน์และศักดิ์ศรีของตนเอง จนลืมความมีมนุษยธรรม ทำให้เหตุการณ์เล็ก ๆ บานปลายมาจนถึงกับทำให้แพทย์หญิงสุทธิพรต้องโทษถูกจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา อย่างวันนี้ เครือข่ายฯ ก็ได้แต่ภาวนาว่าศาลชั้นอุทธรณ์ และศาลฎีกาท่านจะให้ความเมตตาต่อแพทย์ ให้ได้รับโทษสถานเบาที่สุดเพียงแค่รอลงอาญา
เครือข่ายฯ ขอวิงวอนให้สื่อมวลชนได้โปรดให้ความเป็นธรรมกับเครือข่ายฯ ช่วยเผยแพร่แถลงการณ์นี้ให้แพทย์และสังคมได้รับทราบ เนื่องจากเครือข่ายฯ ไม่เคยสนับสนุนให้คนไข้ฟ้องอาญาแพทย์ และไม่เคยต้องการเห็นแพทย์ติดคุก และการฟ้องคดีอาญาต่อแพทย์นั้นส่วนใหญ่คือหนทาสุดท้าย เป็นเพราะระบบไม่ให้ความเป็นธรรมต่อผู้เสียหาย หากเครือข่ายฯ คิดทำลายวงการแพทย์ก็คงไม่อดทนเรียกร้องให้มีการตั้งกองทุนชดเชยความเสียหายมายาวนานต่อเนื่องถึง 5 ปี เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับคนไข้และคุ้มครองแพทย์ ไม่ให้มีการฟ้องร้องกันอีกต่อไป และข้อเรียกร้องของผู้เสียหายที่เป็นผู้บริโภคไม่ใช่หรือ ที่ได้รับการบรรจุลงในร่างพรบ.คุ้มครองผู้เสียหายจากการรับบริการสาธารณสุข ที่ได้ผ่านมติครม.ไปแล้วและกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา
เครือข่ายฯ ขอถามว่าแพทย์ทุกคนไม่ได้ประโยชน์หรือกับการลุกขึ้นเรียกร้องของเครือข่ายฯ ขณะที่พวกท่านส่วนใหญ่เพิกเฉยไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายของคนไข้ที่ไม่มีทางสู้
ขอไว้อาลัยให้กับหน่วยงานสาธารณสุขของไทย
เครือข่ายผู้เสียหายทางการแพทย์
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 101
หรือว่าการแก้ปัญหา.....เรื่องนี้ของบ้านเราในช่วงต้นนั้น ใช้อำนาจมากกว่าคำอธิบาย
แล้วก็เป็นไปได้อีกว่า ช่วงแรกนั้น อธิบายแต่ผู้เสียหายยังเสียใจอยู่ ทำให้รับได้ยาก
แต่ขณะเดียวกันการแก้ไข เพิ่มเติมทีหลัง ยังพยายาม กลับมาใช้อำนาจเข้ามากด มากกว่าสร้างความเข้าใจ
ถ้าสิ่งที่ผู้เสียหายแถลงการเป็นจริง
หมอกับผู้เสียหายก็เป็นเหยื่อของระบบความคิดในบ้านเราครับ
แล้วก็เป็นไปได้อีกว่า ช่วงแรกนั้น อธิบายแต่ผู้เสียหายยังเสียใจอยู่ ทำให้รับได้ยาก
แต่ขณะเดียวกันการแก้ไข เพิ่มเติมทีหลัง ยังพยายาม กลับมาใช้อำนาจเข้ามากด มากกว่าสร้างความเข้าใจ
ถ้าสิ่งที่ผู้เสียหายแถลงการเป็นจริง
หมอกับผู้เสียหายก็เป็นเหยื่อของระบบความคิดในบ้านเราครับ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 103
ดังนั้นการที่พญ.สุทธิพร ต้องคดีอาญาในครั้งนี้ เป็นเพราะหลงเชื่อแพทยสภาและสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ที่ยุให้แพทย์สู้คดีในทางที่ผิด ๆ จึงทำให้ตนเองต้องเป็นเช่นนี้ ทั้งที่น้องศิริมาศและเครือข่ายฯ ได้พยายามช่วยแล้วแต่แพทย์ไม่รับเอง มิหนำซ้ำทุกครั้งที่ศิริมาศพบกับพญ.สุทธิพร เธอยกมือไหว้แต่พญ.สุทธิพรไม่เคยรับไหว้ และแสดงกิริยาอาการที่ไม่เป็นมิตรอีกด้วย
เวลาคนไข้ถูกหน่วยงานรังแก ยัดเยียดความอยุติธรรมให้ เครือข่ายฯ ไม่เคยเห็นวงการแพทย์ส่วนใหญ่จะเห็นใจ และออกมาเรียกร้องเพื่อคนไข้ทั้ง ๆ ที่รู้ดีกันอยู่ว่าแพทย์ทำผิดและหน่วยงานไม่มีความเป็นธรรม แต่ก็ปล่อยให้คนไข้ถูกกระทำ วงการแพทย์ไม่ควรเห็นแก่พวกพ้องอย่างน่าเกลียด และออกมาตอบโต้เหมือนจับคนไข้เป็นตัวประกัน จะไม่รักษา จะลาออก การเอาชีวิตคนไข้มาต่อรองในทางที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง สังคมแพทย์ควรมีความเห็นอกเห็นใจผู้เสียหาย และหาทางช่วยเหลือกันอย่างมีมนุษยธรรม เพราะที่ใดไม่มีความเป็นธรรม สันติย่อมไม่เกิด แพทย์อยากให้คนไข้เข้าใจแพทย์ เห็นใจในความเหนื่อยยากของแพทย์แพทย์ก็ต้องเห็นใจคนไข้ด้วยถึงจะมีความสงบสุขด้วยกันทุกฝ่าย
เวลาคนไข้ถูกหน่วยงานรังแก ยัดเยียดความอยุติธรรมให้ เครือข่ายฯ ไม่เคยเห็นวงการแพทย์ส่วนใหญ่จะเห็นใจ และออกมาเรียกร้องเพื่อคนไข้ทั้ง ๆ ที่รู้ดีกันอยู่ว่าแพทย์ทำผิดและหน่วยงานไม่มีความเป็นธรรม แต่ก็ปล่อยให้คนไข้ถูกกระทำ วงการแพทย์ไม่ควรเห็นแก่พวกพ้องอย่างน่าเกลียด และออกมาตอบโต้เหมือนจับคนไข้เป็นตัวประกัน จะไม่รักษา จะลาออก การเอาชีวิตคนไข้มาต่อรองในทางที่ผิดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำอย่างยิ่ง สังคมแพทย์ควรมีความเห็นอกเห็นใจผู้เสียหาย และหาทางช่วยเหลือกันอย่างมีมนุษยธรรม เพราะที่ใดไม่มีความเป็นธรรม สันติย่อมไม่เกิด แพทย์อยากให้คนไข้เข้าใจแพทย์ เห็นใจในความเหนื่อยยากของแพทย์แพทย์ก็ต้องเห็นใจคนไข้ด้วยถึงจะมีความสงบสุขด้วยกันทุกฝ่าย
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- san
- Verified User
- โพสต์: 1675
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 105
โค้ด: เลือกทั้งหมด
เบื่อครับ
จงทนอด และอดทน
อึดเข้าไว้ อึดเข้าไว้
^^^^^^^^^^^^^^
ข้างบนนี้ผมล้อเล่นนะครับ
เลียนแบบ คำคม ของ คุณ poppo มาใช้นะครับ
อิอิอิ
งั้นผมเองก็พอแล้วครับ เดี๋ยวเข้าห้องน้ำไปล้างตัวครับ
อิอิอิ
ขอบคุณ รุ่นพี่ๆ รุ่นน้องๆ ครูบา อาจารย์ ในนี้ ที่แนะนำเรื่อง วิธีการลงทุนที่ดี นะครับ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
อ. โจ กับ พี่พอใจ ยังเป็นขวัญใจ เสมอครับ
วันนี้ อ. โจ ได้ลง นสพ ด้วย .....อิอิอิ
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 106
ผมว่าทุกอย่าเป็นไปตามเหตุ ผมสนับสนุนนะครับให้ส่งต่อทุกรายที่ไม่แน่ใจ
เมื่อแพทย์ทำหัตถการที่เกินความสามารถของตนเองและบุคลากรรวมถึงอุปกรณ์ที่มีอยู่ มันก็มีโอกาสเสี่ยงสูง ก็ควรส่งต่อไปให้ที่ๆพร้อม อย่างน้อย เราก็ได้เสนอสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับผู้ป่วย
เพราะถ้าทำเอง แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เราตอบใครไม่ได้เลยครับว่า ทำไปทำไมทั้งๆที่คุณไม่เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ไม่พร้อม
เมื่อคนโง่ ยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง เขาก็จะหายโง่ และทำไม่พลาดอีก
เมื่อแพทย์ทำหัตถการที่เกินความสามารถของตนเองและบุคลากรรวมถึงอุปกรณ์ที่มีอยู่ มันก็มีโอกาสเสี่ยงสูง ก็ควรส่งต่อไปให้ที่ๆพร้อม อย่างน้อย เราก็ได้เสนอสิ่งที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับผู้ป่วย
เพราะถ้าทำเอง แล้วเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น เราตอบใครไม่ได้เลยครับว่า ทำไปทำไมทั้งๆที่คุณไม่เชี่ยวชาญ อุปกรณ์ไม่พร้อม
เมื่อคนโง่ ยอมรับข้อจำกัดของตัวเอง เขาก็จะหายโง่ และทำไม่พลาดอีก
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 109
เบื่อจริงๆ ที่ผู้สูญเสียเอาความน่าสงสารมาออกข่าว
แล้วก็ได้ผลทุกครั้ง เพราะคนไทยเป็นคนขี้สงสาร
คนไทยมักจะตัดสินในใจไว้ก่อนเลยว่าผู้เสียหาย
เป็นฝ่ายถูก ทั้งๆที่เหตุสุดวิสัยต่างๆในวงการแพทย์
มีมาก ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ญาติผู้เสียหายไม่พยายาม
ที่จะเข้าใจ และอ้างอยู่เสมอว่าแพทย์ประมาท ไว้ญาติพี่น้อง
ตัวเองเป็นแพทย์แล้วถูกคดีอย่างนี้จะรู้สึก จะรู้ว่าทำดีแล้ว
ได้โทษ แล้วคับแค้นอย่างไร
แล้วก็ได้ผลทุกครั้ง เพราะคนไทยเป็นคนขี้สงสาร
คนไทยมักจะตัดสินในใจไว้ก่อนเลยว่าผู้เสียหาย
เป็นฝ่ายถูก ทั้งๆที่เหตุสุดวิสัยต่างๆในวงการแพทย์
มีมาก ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ญาติผู้เสียหายไม่พยายาม
ที่จะเข้าใจ และอ้างอยู่เสมอว่าแพทย์ประมาท ไว้ญาติพี่น้อง
ตัวเองเป็นแพทย์แล้วถูกคดีอย่างนี้จะรู้สึก จะรู้ว่าทำดีแล้ว
ได้โทษ แล้วคับแค้นอย่างไร
- poppo
- Verified User
- โพสต์: 1356
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 111
จาก นสพ มติชนวันนี้ครับ
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10870
ติดคุกเพราะรักษาคน
โดย นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ
กรณีศาลจังหวัดทุ่งสงตัดสินจำคุกแพทย์หญิงเป็นเวลา 3 ปี ฐานฉีดยาชาเข้าไขสันหลังเกินขนาดในระหว่างผ่าตัดไส้ติ่ง เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อวงการแพทย์และสาธารณชนทั่วโลก มิใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
แพทย์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีคดีฟ้องร้องแพทย์มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก หากทราบข่าวนี้คงรู้สึกว่าเขาโชคดีกว่าแพทย์ในประเทศไทยมาก เพราะการฟ้องร้องแพทย์ของเขาเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่ง มิใช่คดีอาญา แพทย์ในสหรัฐอเมริกาอาจถูกจำคุกได้เฉพาะในกรณีที่เป็นการเจตนากระทำความผิด มิใช่ประมาทเลินเล่อ
ข่าวนี้คงช่วยให้แพทย์ไทยที่เดินทางไปทำมาหากินในต่างประเทศจนมีฐานะและความ เป็นอยู่สุขสบาย ลดความรู้สึกผิดลงไปได้มาก ในขณะที่แพทย์ที่ทนทำงานหนักอยู่ในประเทศไทย อาจรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง
ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น คงไม่มีแพทย์คนใดเลยที่ไม่เคยรักษาผู้ป่วยแล้วตาย และเกือบจะไม่มีแพทย์สักคน ที่ไม่เคยทำความผิดพลาดสักครั้งเดียวในชีวิตการรักษาผู้ป่วย
ความผิดพลาดในการวินิจฉัยและรักษานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ และความปรารถนาที่จะให้โอกาสผิดพลาดเป็นศูนย์นั้น ทุกคนก็อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ข้างบ้านผู้เขียนมีแม่ค้าขายข้าวต้มอยู่คนหนึ่ง เธอพูดแบบคนเสียงแหบมาหลายปี เหตุเพราะเธอได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ แล้วเผอิญไปโดนเส้นประสาทของกล่องเสียงเข้า เมื่อถามเธอว่าไม่ฟ้องหมอหรือ เธอบอกว่าไม่ฟ้องหรอก เพราะหมอเองก็เสียใจมากแล้ว
แพทย์อาวุโสคนหนึ่งที่ผมรู้จัก มีประวัติว่าเคยผ่าตัดไตผู้ป่วยผิดข้าง แล้วผู้ป่วยต้องเสียชีวิต แพทย์ผู้นั้นจึงแต่งกายด้วยสีขาวตลอดชีวิต และเปลี่ยนไปทำงานที่ไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย
นั่นเป็นเรื่องของคนยุคเก่า ซึ่งดำรงชีวิตด้วยความเมตตากรุณา และไม่อาฆาตพยาบาท เมื่อมาถึงยุคนี้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยจึงได้เปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้
คนสมัยก่อนไม่เคยเรียกร้องให้มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ไม่เคยอวดอ้างว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก แต่หัวจิตหัวใจของคนเป็นเครื่องบอกเองว่ามีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจ
กรณีผู้ป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบแล้วไปหาแพทย์ อยากให้ลองสมมุติว่า ถ้าหากไม่มีหมอผ่าตัดและหมอดมยาอยู่เลย ผู้ป่วยรายนี้จะรอดชีวิตได้เองหรือไม่ การกระทำของแพทย์มีเจตนาร้ายต่อผู้ป่วยหรือไม่ สมควรโกรธแค้นและหาทางแก้แค้นให้สาสมแก่ความผิดหรือไม่อย่างไร หรือว่าต้องใช้วิธีการให้ญาติผู้ตายฉีดยาเข้าตัวแพทย์ให้ตายตกตามกันไปจึงสม ควรแก่โทษานุโทษ
ใ นปัจจุบันการฟ้องร้องแพทย์ในประเทศไทยมีมากขึ้นอย่างผิดสังเกต หากมองสาเหตุทางด้านผู้ป่วยและญาติก็น่าจะมีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่าง การรับรู้ข้อมูลข่าวสารและทราบว่าฟ้องร้องได้ ประกอบกับมีผู้ฟ้องแล้วชนะได้รับการชดเชยมากมาย ก็เป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งให้เกิดการฟ้องร้องแพทย์
การมีนักกฎหมายที่ถนัดเฉพาะคดีแบบนี้คอยตระเวนหาลูกค้าตามสถานพยาบาลก็พบได้ บ่อย ยิ่งมีการรวมตัวของ "กลุ่มผู้จองเวรแพทย์" โดยมีแพทย์ที่เป็นปฏิปักษ์กับเพื่อนร่วมวิชาชีพเป็นที่ปรึกษาและเป็นพยานให้ ผู้ฟ้อง ก็ยิ่งอำนวยให้เกิดความสะดวกในการฟ้องร้องมากขึ้น กรณีเช่นนี้ควรคำนึงถึงความมีอคติ อันมีผลต่อความน่าเชื่อถือของพยานด้วย
ปัจจัยทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป ก็มีส่วนสำคัญในการทำให้เกิดการฟ้องร้องกัน ดังที่ผมได้เคยวิเคราะห์ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
ผู้ป่วยในยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน แพทย์ในยุคนี้ก็อาจไม่เหมือนยุคก่อนเช่นกัน แพทย์ที่ไม่ดีก็มีอยู่จริง และสร้างความเสื่อมเสียกับวงการแพทย์จนมีคำว่า "แพทย์พาณิชย์" เกิดขึ้น แต่ก็น่าแปลกใจที่แพทย์แบบนี้ไม่ค่อยถูกฟ้องร้องและลงโทษ ผู้ที่ถูกฟ้องร้องมากที่สุด กลับกลายเป็นแพทย์ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ รักษาผู้ป่วยจนเกินกำลังและเกิดความผิดพลาด เป็นเหตุให้ผู้ป่วยบาดเจ็บพิการหรือเสียชีวิต บ่อยครั้งที่ภาวะแทรกซ้อนเหล่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัยและป้องกันได้ยาก เช่น การแพ้ยาหรือมีโรคแทรกซ้อนซ้ำเติม
แต่สังคมก็ไม่ค่อยยอมรับความจริงข้อนี้
ง านในหน้าที่แพทย์นั้นต้องรับผิดชอบสูง เพราะทำงานอยู่กับความเป็นความตายของคน ถ้ายื้อชีวิตผู้ป่วยจากมัจจุราชมาได้ก็เสมอตัวหรือเป็นบุญของผู้ป่วย แต่หากผู้ป่วยตายก็อาจกลายเป็นฆาตกรที่ต้องสวมกุญแจมือและต้องถูกจองจำ
เชื่อไหมว่าระบบราชการไทยตีราคางานแบบนี้เดือนละเก้าพันบาทสำหรับแพทย์จบใหม ่ และหมื่นสองพันบาทสำหรับแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ แพทย์รับราชการจนเกษียณก็ยังได้เงินเดือนไม่ถึงหกหมื่นบาท แต่เวลาถูกฟ้องร้อง เงินค่าเสียหายที่ถูกเรียก ร้องหลายล้านบาทสูงกว่าเงินเดือนตลอดชีวิตรวมกันหลายเท่า
นอกจากนั้น แพทย์ยังต้องอยู่เวรนอกเวลาราชการโดยไม่ได้หยุดชดเชย วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงาน หักโหมยิ่งกว่าการทำงานเป็นกะเสียอีก แพทย์อยู่เวรโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนมานานมากในประวัติศาสตร์ เพิ่งมีการให้ค่าอยู่เวรคืนละไม่กี่ร้อยบาทเมื่อไม่นานมานี้เอง แพทย์ที่แก่แล้วอยู่เวรไม่ไหวอาจต้องควักเงินเพิ่มจากค่าเวรเพื่อขอให้แพทย์ รุ่นน้องมาอยู่เวรแทน
เมื่อทราบอย่างนี้แล้วว่างานหนักและยังต้องเสี่ยงคุกตะราง คิดว่าจะมีใครอยากมา เรียนแพทย์อยู่อีกหรือ ปัจจุบันนี้เด็กที่สอบได้คะแนนสูงๆ หันไปเรียนกฎหมายกันมาก แล้ว ในอดีตที่เคยคัดเลือกคนเรียนเก่งมาเรียนแพทย์ยังมีโอกาสวินิจฉัยและรักษาผิด พลาด ในอนาคตหากได้คนที่มาเรียนแพทย์เพราะสอบเข้าสาขาอื่นไม่ได้
ผลจะเป็นอย่างไรสุดจะคาดเดา
โลกปัจจุบันเป็นยุคคลั่ง "จีดีพี" เป็นโลกที่การตลาดนำหน้าคุณธรรม จึงได้มีผู้ชักนำระบบการให้ "ผลตอบแทน" แก่แพทย์ในกรณีต่างๆ เช่น การสั่งตรวจพิเศษและการสั่งยาราคาแพง บางครั้งแม้จะไม่ได้ให้โดยตรงแต่ก็เป็นรูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ควรแก้ไขโดยด่วนเพื่อความโปร่งใสในวงการแพทย์
งานนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของแพทยสภาซึ่งต้องรักษามาตรฐานของการประกอบวิชาชีพ เวชกรรมและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ กรรมการแพทยสภาไม่ควรไปเล่นบทปกป้องช่วยเหลือแพทย์ เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของแพทยสมาคมฯ ซึ่งก่อตั้งมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้
การเข้าไปช่วยเหลือแพทย์ในทางคดีแม้จะเป็นเรื่องที่ควรเห็นใจ แต่ประชาชนย่อมสับสนในบทบาทหน้าที่ของท่านและอดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ว่าท่า นคงจะปกป้องพวกเดียวกันในเรื่องที่มีผู้ไปฟ้องร้องกล่าวหาหรือกล่าวโทษแพทย์ ว่ากระทำผิดมาตรฐานวิชาชีพ แม้ว่าอนุกรรมการจริยธรรมฯ และอนุกรรมการสอบสวนฯจะตัดสินอย่างถูกต้องเป็นธรรมแล้วก็ตาม
แพทยสมาคมฯก็ควรรับงานช่วยเหลือแพทย์นี้ไปทั้งหมดและออกโรงช่วยเหลือแพทย์อย ่างเต็มที่ มิใช่เพียงแต่จัดประชุม จัดท่องเที่ยว จัดสังสรรค์และเก็บค่าเช่า
การที่แพทย์ถูกตัดสินจำคุกเพราะการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตแล้วเกิดความผิดพ ลาดมิใช่เป็นกรรมเวรเฉพาะของแพทย์ที่ถูกตัดสินเท่านั้น แต่เป็นกรรมที่จะตกแก่คนทั้งประเทศ โดยเฉพาะประชาชนในชนบทห่างไกลที่ยังไม่มีความพร้อมในบริการทางการแพทย์
ขวัญของแพทย์ที่ถูกทำลายไปจะยิ่งทำให้แพทย์พยายามหนีให้ห่างไกลสถานการณ์ที่ มีความเสี่ยงสูง สภาพปัจจุบันก็นับว่าแย่อยู่แล้ว จะยิ่งเลวร้ายหนักยิ่งขึ้น แพทย์จะมีเหลือน้อยลงที่เต็มใจทำงานรักษาผู้ป่วย ซึ่งเป็นภาระหนักทั้งกายใจและยังเสี่ยงคุกเสี่ยง ตะราง สู้หันไปเป็น "แพทย์ฉุยฉาย" ดีกว่า ซึ่งเรามีอยู่จำนวนมากพอแล้วในกระทรวงที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก"
หยุดการจองเวรและหันมาใช้เหตุใช้ผลกันดีกว่า แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยสุจริตแล้วเกิดความผิดพลาด มิใช่ฆาตกรหรือโจรปล้นชาติหรอกนะ
หน้า 6
http://matichon.co.th/matichon/matichon ... 01141250&a mp;day=2007-12-14§ionid=0130
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10870
ติดคุกเพราะรักษาคน
โดย นพ.เกษม ตันติผลาชีวะ
กรณีศาลจังหวัดทุ่งสงตัดสินจำคุกแพทย์หญิงเป็นเวลา 3 ปี ฐานฉีดยาชาเข้าไขสันหลังเกินขนาดในระหว่างผ่าตัดไส้ติ่ง เป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เป็นเรื่องที่มีผลกระทบต่อวงการแพทย์และสาธารณชนทั่วโลก มิใช่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น
แพทย์ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีคดีฟ้องร้องแพทย์มากเป็นอันดับหนึ่งของโลก หากทราบข่าวนี้คงรู้สึกว่าเขาโชคดีกว่าแพทย์ในประเทศไทยมาก เพราะการฟ้องร้องแพทย์ของเขาเป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายในคดีแพ่ง มิใช่คดีอาญา แพทย์ในสหรัฐอเมริกาอาจถูกจำคุกได้เฉพาะในกรณีที่เป็นการเจตนากระทำความผิด มิใช่ประมาทเลินเล่อ
ข่าวนี้คงช่วยให้แพทย์ไทยที่เดินทางไปทำมาหากินในต่างประเทศจนมีฐานะและความ เป็นอยู่สุขสบาย ลดความรู้สึกผิดลงไปได้มาก ในขณะที่แพทย์ที่ทนทำงานหนักอยู่ในประเทศไทย อาจรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง
ในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมนั้น คงไม่มีแพทย์คนใดเลยที่ไม่เคยรักษาผู้ป่วยแล้วตาย และเกือบจะไม่มีแพทย์สักคน ที่ไม่เคยทำความผิดพลาดสักครั้งเดียวในชีวิตการรักษาผู้ป่วย
ความผิดพลาดในการวินิจฉัยและรักษานั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เสมอ และความปรารถนาที่จะให้โอกาสผิดพลาดเป็นศูนย์นั้น ทุกคนก็อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
ข้างบ้านผู้เขียนมีแม่ค้าขายข้าวต้มอยู่คนหนึ่ง เธอพูดแบบคนเสียงแหบมาหลายปี เหตุเพราะเธอได้รับการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ แล้วเผอิญไปโดนเส้นประสาทของกล่องเสียงเข้า เมื่อถามเธอว่าไม่ฟ้องหมอหรือ เธอบอกว่าไม่ฟ้องหรอก เพราะหมอเองก็เสียใจมากแล้ว
แพทย์อาวุโสคนหนึ่งที่ผมรู้จัก มีประวัติว่าเคยผ่าตัดไตผู้ป่วยผิดข้าง แล้วผู้ป่วยต้องเสียชีวิต แพทย์ผู้นั้นจึงแต่งกายด้วยสีขาวตลอดชีวิต และเปลี่ยนไปทำงานที่ไม่ต้องสัมผัสผู้ป่วย
นั่นเป็นเรื่องของคนยุคเก่า ซึ่งดำรงชีวิตด้วยความเมตตากรุณา และไม่อาฆาตพยาบาท เมื่อมาถึงยุคนี้ ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับสังคมไทยจึงได้เปลี่ยนแปลงไปถึงขนาดนี้
คนสมัยก่อนไม่เคยเรียกร้องให้มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ ไม่เคยอวดอ้างว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาของโลก แต่หัวจิตหัวใจของคนเป็นเครื่องบอกเองว่ามีพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำใจ
กรณีผู้ป่วยเป็นไส้ติ่งอักเสบแล้วไปหาแพทย์ อยากให้ลองสมมุติว่า ถ้าหากไม่มีหมอผ่าตัดและหมอดมยาอยู่เลย ผู้ป่วยรายนี้จะรอดชีวิตได้เองหรือไม่ การกระทำของแพทย์มีเจตนาร้ายต่อผู้ป่วยหรือไม่ สมควรโกรธแค้นและหาทางแก้แค้นให้สาสมแก่ความผิดหรือไม่อย่างไร หรือว่าต้องใช้วิธีการให้ญาติผู้ตายฉีดยาเข้าตัวแพทย์ให้ตายตกตามกันไปจึงสม ควรแก่โทษานุโทษ
ใ นปัจจุบันการฟ้องร้องแพทย์ในประเทศไทยมีมากขึ้นอย่างผิดสังเกต หากมองสาเหตุทางด้านผู้ป่วยและญาติก็น่าจะมีปัจจัยเกี่ยวข้องหลายอย่าง การรับรู้ข้อมูลข่าวสารและทราบว่าฟ้องร้องได้ ประกอบกับมีผู้ฟ้องแล้วชนะได้รับการชดเชยมากมาย ก็เป็นแรงจูงใจอย่างหนึ่งให้เกิดการฟ้องร้องแพทย์
การมีนักกฎหมายที่ถนัดเฉพาะคดีแบบนี้คอยตระเวนหาลูกค้าตามสถานพยาบาลก็พบได้ บ่อย ยิ่งมีการรวมตัวของ "กลุ่มผู้จองเวรแพทย์" โดยมีแพทย์ที่เป็นปฏิปักษ์กับเพื่อนร่วมวิชาชีพเป็นที่ปรึกษาและเป็นพยานให้ ผู้ฟ้อง ก็ยิ่งอำนวยให้เกิดความสะดวกในการฟ้องร้องมากขึ้น กรณีเช่นนี้ควรคำนึงถึงความมีอคติ อันมีผลต่อความน่าเชื่อถือของพยานด้วย
ปัจจัยทางด้านความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยที่เปลี่ยนไป ก็มีส่วนสำคัญในการทำให้เกิดการฟ้องร้องกัน ดังที่ผมได้เคยวิเคราะห์ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว
ผู้ป่วยในยุคนี้ไม่เหมือนยุคก่อน แพทย์ในยุคนี้ก็อาจไม่เหมือนยุคก่อนเช่นกัน แพทย์ที่ไม่ดีก็มีอยู่จริง และสร้างความเสื่อมเสียกับวงการแพทย์จนมีคำว่า "แพทย์พาณิชย์" เกิดขึ้น แต่ก็น่าแปลกใจที่แพทย์แบบนี้ไม่ค่อยถูกฟ้องร้องและลงโทษ ผู้ที่ถูกฟ้องร้องมากที่สุด กลับกลายเป็นแพทย์ที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำ รักษาผู้ป่วยจนเกินกำลังและเกิดความผิดพลาด เป็นเหตุให้ผู้ป่วยบาดเจ็บพิการหรือเสียชีวิต บ่อยครั้งที่ภาวะแทรกซ้อนเหล่านั้นเป็นเหตุสุดวิสัยและป้องกันได้ยาก เช่น การแพ้ยาหรือมีโรคแทรกซ้อนซ้ำเติม
แต่สังคมก็ไม่ค่อยยอมรับความจริงข้อนี้
ง านในหน้าที่แพทย์นั้นต้องรับผิดชอบสูง เพราะทำงานอยู่กับความเป็นความตายของคน ถ้ายื้อชีวิตผู้ป่วยจากมัจจุราชมาได้ก็เสมอตัวหรือเป็นบุญของผู้ป่วย แต่หากผู้ป่วยตายก็อาจกลายเป็นฆาตกรที่ต้องสวมกุญแจมือและต้องถูกจองจำ
เชื่อไหมว่าระบบราชการไทยตีราคางานแบบนี้เดือนละเก้าพันบาทสำหรับแพทย์จบใหม ่ และหมื่นสองพันบาทสำหรับแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ แพทย์รับราชการจนเกษียณก็ยังได้เงินเดือนไม่ถึงหกหมื่นบาท แต่เวลาถูกฟ้องร้อง เงินค่าเสียหายที่ถูกเรียก ร้องหลายล้านบาทสูงกว่าเงินเดือนตลอดชีวิตรวมกันหลายเท่า
นอกจากนั้น แพทย์ยังต้องอยู่เวรนอกเวลาราชการโดยไม่ได้หยุดชดเชย วันรุ่งขึ้นก็ต้องทำงาน หักโหมยิ่งกว่าการทำงานเป็นกะเสียอีก แพทย์อยู่เวรโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนมานานมากในประวัติศาสตร์ เพิ่งมีการให้ค่าอยู่เวรคืนละไม่กี่ร้อยบาทเมื่อไม่นานมานี้เอง แพทย์ที่แก่แล้วอยู่เวรไม่ไหวอาจต้องควักเงินเพิ่มจากค่าเวรเพื่อขอให้แพทย์ รุ่นน้องมาอยู่เวรแทน
เมื่อทราบอย่างนี้แล้วว่างานหนักและยังต้องเสี่ยงคุกตะราง คิดว่าจะมีใครอยากมา เรียนแพทย์อยู่อีกหรือ ปัจจุบันนี้เด็กที่สอบได้คะแนนสูงๆ หันไปเรียนกฎหมายกันมาก แล้ว ในอดีตที่เคยคัดเลือกคนเรียนเก่งมาเรียนแพทย์ยังมีโอกาสวินิจฉัยและรักษาผิด พลาด ในอนาคตหากได้คนที่มาเรียนแพทย์เพราะสอบเข้าสาขาอื่นไม่ได้
ผลจะเป็นอย่างไรสุดจะคาดเดา
โลกปัจจุบันเป็นยุคคลั่ง "จีดีพี" เป็นโลกที่การตลาดนำหน้าคุณธรรม จึงได้มีผู้ชักนำระบบการให้ "ผลตอบแทน" แก่แพทย์ในกรณีต่างๆ เช่น การสั่งตรวจพิเศษและการสั่งยาราคาแพง บางครั้งแม้จะไม่ได้ให้โดยตรงแต่ก็เป็นรูปแบบของผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ควรแก้ไขโดยด่วนเพื่อความโปร่งใสในวงการแพทย์
งานนี้เป็นหน้าที่โดยตรงของแพทยสภาซึ่งต้องรักษามาตรฐานของการประกอบวิชาชีพ เวชกรรมและจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ กรรมการแพทยสภาไม่ควรไปเล่นบทปกป้องช่วยเหลือแพทย์ เพราะนั่นเป็นหน้าที่ของแพทยสมาคมฯ ซึ่งก่อตั้งมาเพื่อวัตถุประสงค์นี้
การเข้าไปช่วยเหลือแพทย์ในทางคดีแม้จะเป็นเรื่องที่ควรเห็นใจ แต่ประชาชนย่อมสับสนในบทบาทหน้าที่ของท่านและอดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ว่าท่า นคงจะปกป้องพวกเดียวกันในเรื่องที่มีผู้ไปฟ้องร้องกล่าวหาหรือกล่าวโทษแพทย์ ว่ากระทำผิดมาตรฐานวิชาชีพ แม้ว่าอนุกรรมการจริยธรรมฯ และอนุกรรมการสอบสวนฯจะตัดสินอย่างถูกต้องเป็นธรรมแล้วก็ตาม
แพทยสมาคมฯก็ควรรับงานช่วยเหลือแพทย์นี้ไปทั้งหมดและออกโรงช่วยเหลือแพทย์อย ่างเต็มที่ มิใช่เพียงแต่จัดประชุม จัดท่องเที่ยว จัดสังสรรค์และเก็บค่าเช่า
การที่แพทย์ถูกตัดสินจำคุกเพราะการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริตแล้วเกิดความผิดพ ลาดมิใช่เป็นกรรมเวรเฉพาะของแพทย์ที่ถูกตัดสินเท่านั้น แต่เป็นกรรมที่จะตกแก่คนทั้งประเทศ โดยเฉพาะประชาชนในชนบทห่างไกลที่ยังไม่มีความพร้อมในบริการทางการแพทย์
ขวัญของแพทย์ที่ถูกทำลายไปจะยิ่งทำให้แพทย์พยายามหนีให้ห่างไกลสถานการณ์ที่ มีความเสี่ยงสูง สภาพปัจจุบันก็นับว่าแย่อยู่แล้ว จะยิ่งเลวร้ายหนักยิ่งขึ้น แพทย์จะมีเหลือน้อยลงที่เต็มใจทำงานรักษาผู้ป่วย ซึ่งเป็นภาระหนักทั้งกายใจและยังเสี่ยงคุกเสี่ยง ตะราง สู้หันไปเป็น "แพทย์ฉุยฉาย" ดีกว่า ซึ่งเรามีอยู่จำนวนมากพอแล้วในกระทรวงที่ "ใหญ่ที่สุดในโลก"
หยุดการจองเวรและหันมาใช้เหตุใช้ผลกันดีกว่า แพทย์ที่รักษาผู้ป่วยโดยสุจริตแล้วเกิดความผิดพลาด มิใช่ฆาตกรหรือโจรปล้นชาติหรอกนะ
หน้า 6
http://matichon.co.th/matichon/matichon ... 01141250&a mp;day=2007-12-14§ionid=0130
จงทนอด และอดทน
-
- Verified User
- โพสต์: 2712
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 113
มาให้กำลังใจเพื่อนแพทย์ทุกท่านให้ทำดีต่อไปครับผม
ความดีต้องชนะในที่สุดครับ
และก็ อย่าประมาท ครับผม
ความดีต้องชนะในที่สุดครับ
และก็ อย่าประมาท ครับผม
อย่าลืมให้เวลากับครอบครัว และสังคมรอบๆข้างของคุณนะครับ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
มีสติ และมีความสุขกับการลงทุนนะครับผม
นักลงทุนที่เก่งที่สุดมิใช่คนที่ซื้อขายไวที่สุด
แต่คือคนที่นำสติกลับมาได้เร็วที่สุด
หลายครั้งส่งคำสั่งซื้อทางไปรษณีย์ได้ผลตอบแทนมากกว่าซื้อผ่านnetหากเราขาดสติ
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 114
ผู้เสียหายมักชอบอ้างว่าแพทย์ประมาท ไม่รอบครอบ
ถ้ารอบครอบจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้น ผมจึงอยากถามว่า
1 ในชีวิตคนเราเคยไหมที่มีคนที่ไม่เคยทำอะไรพลาด
เลย แม้กระทั้งตัวญาติผู้เสียหาย หรือ เจ้าหน้าเครีอข่าย
ผู้เสียหายจากวงการแพทย์ เคยทำผิดพลาดหรือเปล่า
เปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้น เราว่าเราศึกษามาดีแล้ว
คิดรอบครอบแล้ว แต่ผลออกมาก็ไม่เป็นไปตามที่เราคิด
2 ส่วนใหญ่แพทย์เป็นผู้รอบครอบหรือไม่
ผมว่าแพทย์มีความรอบครอบโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนทั่วไป
ในการสอบเข้าแพทย์ ส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สอบเข้าได้คือ
ความรอบครอบในการทำข้อสอบ ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าสติปัญญา
ถ้าคุณทำข้อสอบได้แต่ไม่รอบครอบคำตอบคุณก็ผิด
3 ทุกคนที่จิตใจปกติจะให้ความสำคัญต่อชีวิต แล้วทำไม
จึงคิดว่าแพทย์ไม่ให้ความสำคัญต่อชีวิตคนไข้ ในเวลา
6-10 ปีที่เล่าเรียนแพทย์ เราถูกสอนเรื่องนี้ตลอดเวลาจน
มันซึมซับเข้าในกระแสเลือดแล้ว
ถ้ารอบครอบจะไม่เกิดเหตุการณ์นั้น ผมจึงอยากถามว่า
1 ในชีวิตคนเราเคยไหมที่มีคนที่ไม่เคยทำอะไรพลาด
เลย แม้กระทั้งตัวญาติผู้เสียหาย หรือ เจ้าหน้าเครีอข่าย
ผู้เสียหายจากวงการแพทย์ เคยทำผิดพลาดหรือเปล่า
เปรียบเทียบกับการลงทุนในหุ้น เราว่าเราศึกษามาดีแล้ว
คิดรอบครอบแล้ว แต่ผลออกมาก็ไม่เป็นไปตามที่เราคิด
2 ส่วนใหญ่แพทย์เป็นผู้รอบครอบหรือไม่
ผมว่าแพทย์มีความรอบครอบโดยเฉลี่ยสูงกว่าคนทั่วไป
ในการสอบเข้าแพทย์ ส่วนหนึ่งที่ช่วยให้สอบเข้าได้คือ
ความรอบครอบในการทำข้อสอบ ซึ่งสำคัญยิ่งกว่าสติปัญญา
ถ้าคุณทำข้อสอบได้แต่ไม่รอบครอบคำตอบคุณก็ผิด
3 ทุกคนที่จิตใจปกติจะให้ความสำคัญต่อชีวิต แล้วทำไม
จึงคิดว่าแพทย์ไม่ให้ความสำคัญต่อชีวิตคนไข้ ในเวลา
6-10 ปีที่เล่าเรียนแพทย์ เราถูกสอนเรื่องนี้ตลอดเวลาจน
มันซึมซับเข้าในกระแสเลือดแล้ว
-
- Verified User
- โพสต์: 1296
- ผู้ติดตาม: 1
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 116
ผมว่าคุณเพื่อนยังเข้าใจไม่ถูกต้อง ในวงการแพทย์
มีการตายมากมายซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะพิสูจน์
กันด้วยวิธีไหนก็ตามก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้
แต่เครือข่ายผู้เสียหายก็พยายามยัดเยียดให้เป็นความ
ประมาทของแพทย์เสมอ แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร
ปัจจุบันนี้ชาวบ้านในชนบทเริ่มได้รับความเดือดร้อนแล้ว
จากการที่เดิมโรงพยาบาลที่ไม่มีแพทย์ดมยา แพทย์ทาง
ด้านอื่นมาช่วย block หลัง แล้วทำการผ่าตัด( เหมือนกับ
กรณีของแพทย์หญิงที่ถูกตัดสินจำคุก) ปัจจุบันก็ปัดให้ไป
ผ่าตัดยังโรงพยาบาลที่มีแพทย์ดมยา ทำให้ผู้ป่วยต้อง
เสียเวลา เสียเงินทองมากขึ้น จะโทษแพทย์ผู้ส่งก็ไม่ได้
เพราะเขาก็ต้องป้องกันตนเอง เดี๋ยวเกิดโชคร้ายมีปัญหา
ต้องถูกติดคุก
มีการตายมากมายซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะพิสูจน์
กันด้วยวิธีไหนก็ตามก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้
แต่เครือข่ายผู้เสียหายก็พยายามยัดเยียดให้เป็นความ
ประมาทของแพทย์เสมอ แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร
ปัจจุบันนี้ชาวบ้านในชนบทเริ่มได้รับความเดือดร้อนแล้ว
จากการที่เดิมโรงพยาบาลที่ไม่มีแพทย์ดมยา แพทย์ทาง
ด้านอื่นมาช่วย block หลัง แล้วทำการผ่าตัด( เหมือนกับ
กรณีของแพทย์หญิงที่ถูกตัดสินจำคุก) ปัจจุบันก็ปัดให้ไป
ผ่าตัดยังโรงพยาบาลที่มีแพทย์ดมยา ทำให้ผู้ป่วยต้อง
เสียเวลา เสียเงินทองมากขึ้น จะโทษแพทย์ผู้ส่งก็ไม่ได้
เพราะเขาก็ต้องป้องกันตนเอง เดี๋ยวเกิดโชคร้ายมีปัญหา
ต้องถูกติดคุก
- Pn3um0n1a
- Verified User
- โพสต์: 1935
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 117
พี่เพื่อนครับ
มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ กับการสร้างตึกหรอกครับ
พี่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันอ่อนไหวมาก
ด้วยความเคารพ ผมถามพี่
ถ้ามีสามีภรรยาคู่นึง อยู่ ตจว แถบนั้นมี รพ เดียว
ถ้าจะส่งต่อก็อีก 20 km และเป็นทางขรุขระ อ้อมไปมา
ภรรยากำลังจะคลอด มาถึง รพ ปรากฏ(เหตุสุดวิสัย ถ้าไม่ได้ชัดเจนว่าเด็กตัวโต 5kg จนคลำได้จากหน้าท้อง หรือ ตรวจช่องเชิงกรานว่าแคบผิดปกติชัดๆ ก็จะ ไม่มีใครบอกได้) ว่า ศีรษะเด็ก โตเกิน ช่องเชิงกรานผู้เป็นแม่ มีความจำเป็นต้องผ่าออก
หัวใจเด็กเต็นเริ่มจะไม่ค่อยดี ต้องผ่าเร็ว...
รพ นั้น มีผม เป็นหมอ ... หมอทั่วไปนะครับ
ผ่าได้ครับ ผ่าคลอด
แต่ไม่มีดมยา... พยาบาลดมยา หรือ ผม block หลังให้ มีโอกาส เสียชีวิต ได้ 1 ใน พัน
แถมถ้าผมผ่าคลอด ถ้าเลือดไหลไม่หยุด เช่น มดลูกไม่หดตัว (อันนี้ก็ไม่มีใครคาดการณ์ได้เช่นกัน)หลังให้ยาเต็มที่แล้ว จำเป็นต้อง ตัดมดลูก เพื่อรักษาชีวิตแม่ นั้น ผมทำไม่ได้ ส่งต่อ เกรงว่าจะไม่ทันด้วย มีโอกาสที่แม่จะเสียชีวิตได้ ผมบอกต่อว่า มีโอกาส สัก 1 ในพัน
แต่ทำยังไงดี เด็กหัวใจเต้นไม่ดี ระหว่างส่งต่อ อาจตายกลางทางได้
ถ้าพี่เพื่อนเป็น สามีผู้นั้น จะทำอย่างไร และถ้าพี่เพื่อน เป็นหมอ แทนผม จะทำอย่างไร
มันไม่เหมือนกับการสร้างตึกหรอกครับ
ถ้าออกแบบถูก มันก็ต้องไม่ผิด 100% มันต้องไปผิดที่อื่น จะวัสดุ มีใครใส่ไส้ หรือ คนสร้างทำไม่ดี มันก็ต้องมีสาเหตุ
แถม ตอนออกแบบ มันเร่งเร้าหัวใจ อย่าง การผ่าไส้ติ่ง การทำคลอด รึเปล่าครับ?
ผมแค่มาบอกว่า มันเทียบกันไม่ได้ครับ
ขอโทษที่เขียนยาว
ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ
และ ผมก็เข้าใจ ว่าต้อง เข้าใจความรู้สึกทั้งสองฝ่าย
แต่ประเด็นที่หมอ (และอย่างพี่ radio) พยายามมาพูดคือ มันยังไม่ชัดเจน แล้ว ผู้เสียหายก็เอามาพูดเนี่ย ในเชิงเรียกร้อง ขอความเห็นใจ
และ ขอความเป็นธรรม (โดยการเรียกร้อง หรือ พยายามให้ลงโทษ) มันเสียหายต่อบุคคลผู้นั้นแล้ว
แถมคนทั่วไปส่วนมาก มักจะมองในเชิงสงสารคนเสียหายมากกว่า ที่จะ มองในเชิงของใจแพทย์ (ผมคิดว่า มากกว่าแน่ๆ)
ไม่ได้เข้าข้างพวกเดียวกันนะครับ
แล้วก็ไม่ต้องบอกให้ คิดถึง หัวใจคนไข้ด้วย เพราะ คิดอยู่แล้วครับ หมอทุกคนแหละ
ไม่งั้นมันก็ย้อนกลับไปกลับมา ต่างคนต่างเรียกร้องให้คิดถึงใจอีกฝ่าย
มันเทียบกันไม่ได้จริงๆ กับการสร้างตึกหรอกครับ
พี่ก็รู้อยู่แล้วว่ามันอ่อนไหวมาก
ด้วยความเคารพ ผมถามพี่
ถ้ามีสามีภรรยาคู่นึง อยู่ ตจว แถบนั้นมี รพ เดียว
ถ้าจะส่งต่อก็อีก 20 km และเป็นทางขรุขระ อ้อมไปมา
ภรรยากำลังจะคลอด มาถึง รพ ปรากฏ(เหตุสุดวิสัย ถ้าไม่ได้ชัดเจนว่าเด็กตัวโต 5kg จนคลำได้จากหน้าท้อง หรือ ตรวจช่องเชิงกรานว่าแคบผิดปกติชัดๆ ก็จะ ไม่มีใครบอกได้) ว่า ศีรษะเด็ก โตเกิน ช่องเชิงกรานผู้เป็นแม่ มีความจำเป็นต้องผ่าออก
หัวใจเด็กเต็นเริ่มจะไม่ค่อยดี ต้องผ่าเร็ว...
รพ นั้น มีผม เป็นหมอ ... หมอทั่วไปนะครับ
ผ่าได้ครับ ผ่าคลอด
แต่ไม่มีดมยา... พยาบาลดมยา หรือ ผม block หลังให้ มีโอกาส เสียชีวิต ได้ 1 ใน พัน
แถมถ้าผมผ่าคลอด ถ้าเลือดไหลไม่หยุด เช่น มดลูกไม่หดตัว (อันนี้ก็ไม่มีใครคาดการณ์ได้เช่นกัน)หลังให้ยาเต็มที่แล้ว จำเป็นต้อง ตัดมดลูก เพื่อรักษาชีวิตแม่ นั้น ผมทำไม่ได้ ส่งต่อ เกรงว่าจะไม่ทันด้วย มีโอกาสที่แม่จะเสียชีวิตได้ ผมบอกต่อว่า มีโอกาส สัก 1 ในพัน
แต่ทำยังไงดี เด็กหัวใจเต้นไม่ดี ระหว่างส่งต่อ อาจตายกลางทางได้
ถ้าพี่เพื่อนเป็น สามีผู้นั้น จะทำอย่างไร และถ้าพี่เพื่อน เป็นหมอ แทนผม จะทำอย่างไร
มันไม่เหมือนกับการสร้างตึกหรอกครับ
ถ้าออกแบบถูก มันก็ต้องไม่ผิด 100% มันต้องไปผิดที่อื่น จะวัสดุ มีใครใส่ไส้ หรือ คนสร้างทำไม่ดี มันก็ต้องมีสาเหตุ
แถม ตอนออกแบบ มันเร่งเร้าหัวใจ อย่าง การผ่าไส้ติ่ง การทำคลอด รึเปล่าครับ?
ผมแค่มาบอกว่า มันเทียบกันไม่ได้ครับ
ขอโทษที่เขียนยาว
ไม่ต้องตอบก็ได้นะครับ
และ ผมก็เข้าใจ ว่าต้อง เข้าใจความรู้สึกทั้งสองฝ่าย
แต่ประเด็นที่หมอ (และอย่างพี่ radio) พยายามมาพูดคือ มันยังไม่ชัดเจน แล้ว ผู้เสียหายก็เอามาพูดเนี่ย ในเชิงเรียกร้อง ขอความเห็นใจ
และ ขอความเป็นธรรม (โดยการเรียกร้อง หรือ พยายามให้ลงโทษ) มันเสียหายต่อบุคคลผู้นั้นแล้ว
แถมคนทั่วไปส่วนมาก มักจะมองในเชิงสงสารคนเสียหายมากกว่า ที่จะ มองในเชิงของใจแพทย์ (ผมคิดว่า มากกว่าแน่ๆ)
ไม่ได้เข้าข้างพวกเดียวกันนะครับ
แล้วก็ไม่ต้องบอกให้ คิดถึง หัวใจคนไข้ด้วย เพราะ คิดอยู่แล้วครับ หมอทุกคนแหละ
ไม่งั้นมันก็ย้อนกลับไปกลับมา ต่างคนต่างเรียกร้องให้คิดถึงใจอีกฝ่าย
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 118
ก่อนจะตอบคำถามคุณหมอPn3um0n1a (เรื่องถ้าภรรยาท้อง...)
ผมขอทำความเข้าใจกับคุณหมอทั้ง2ท่านอีกนิดนะครับ เดาว่าคุณRadio ก็คงเป็นหมอเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยด้วย
ผมไม่ได้ตำหนิหมอหรือใครว่าเป็นคนผิดนะครับ ผมลองโพสต์ในอีกแง่มุมหนึ่งที่คุณหมอหลายท่านกำลังต่อว่าผู้สูญเสียอยู่ ถ้าคุณหมอพร้อมจะรับฟังบ้าง ผมก็ยินดี แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ฟังไม่เข้าหู ไม่เข้าท่า ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะผมโพสต์ไปแล้ว...อย่าโกรธกันนะ.... :lol:
ที่ผมโพสต์ไปนั้น ผมพยามยามเน้นที่การหาสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด และหาทางป้องกัน+แก้ใขครับ
ผมโพสต์เรื่องตึกถล่มมาเปรียบเทียบ เพื่อเน้นให้ชัดในเรื่อง หากเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว เราสมควรจะหาสาเหตุก่อนหรือควรเพิกเฉยครับ ปล่อยให้มันเงียบๆปิดๆบังๆกันไป
ผมคิดว่าเราไม่ควรเพิกเฉยครับ ถึงแม้มันจะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ควรจะหาสาเหตุให้ได้ก่อน แล้วจึงพิจารณาต่อว่า มีวิธีป้องกันและแก้ใขอย่างไรหรือไม่ ใครควรรับผิดชอบหรือไม่ และควรรับผิดชอบแบบใดที่สมควรแก่ความผิดพลาด(ถ้ามีจริง) บทลงโทษนั้นยุติธรรมและเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ หรืออาจไม่ควรมีบทลงโทษเลยจะดีไหม?....ก็ต้องมาวิเคราะห์แก้ใขกันต่อไป....แทนที่เราเห็นบทสรุปแล้วเราก็มาต่อว่าผู้อื่นก่อนที่เราจะทำความเข้าใจในเหตุการณ์นั้นๆด้วยซ้ำครับ สิ่งที่ท่านเคยเผชิญมาอาจเป็นคนละเรื่องกับกรณีก็ได้นะครับ
ผมเห็นที่โพสต์ต่อต้านฝ่ายผู้สูญเสียอยู่ตอนนี้ เราคิดแบบผิดขั้นตอนกันอยู่ครับ บางท่านใช้อารมณ์นำพามากเกินไป เหตุกับผลจึงด้อยความสำคัญกว่าอารมณ์ของท่านไปหน่อยนึง(มั้ง)
ขอยืนยันอีกครั้งครับว่า ไม่ได้กล่าวหาว่าใครผิด
เดี๋ยวผมจะโพสต์ต่ออีกหน่อยครับ ....ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นกันนะครับ พวกเราด้วยกันเองคงไม่ถือสา หากจะมีความเห็นออกนอกทางไปบ้างนะครับ... :lol:
ผมขอทำความเข้าใจกับคุณหมอทั้ง2ท่านอีกนิดนะครับ เดาว่าคุณRadio ก็คงเป็นหมอเหมือนกัน ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยด้วย
ผมไม่ได้ตำหนิหมอหรือใครว่าเป็นคนผิดนะครับ ผมลองโพสต์ในอีกแง่มุมหนึ่งที่คุณหมอหลายท่านกำลังต่อว่าผู้สูญเสียอยู่ ถ้าคุณหมอพร้อมจะรับฟังบ้าง ผมก็ยินดี แต่ถ้ามันเป็นเรื่องที่ฟังไม่เข้าหู ไม่เข้าท่า ก็คงช่วยอะไรไม่ได้ครับ เพราะผมโพสต์ไปแล้ว...อย่าโกรธกันนะ.... :lol:
ที่ผมโพสต์ไปนั้น ผมพยามยามเน้นที่การหาสาเหตุที่ทำให้เกิดข้อผิดพลาด และหาทางป้องกัน+แก้ใขครับ
ผมโพสต์เรื่องตึกถล่มมาเปรียบเทียบ เพื่อเน้นให้ชัดในเรื่อง หากเกิดความเสียหายขึ้นแล้ว เราสมควรจะหาสาเหตุก่อนหรือควรเพิกเฉยครับ ปล่อยให้มันเงียบๆปิดๆบังๆกันไป
ผมคิดว่าเราไม่ควรเพิกเฉยครับ ถึงแม้มันจะเป็นเหตุสุดวิสัยก็ตาม มันเป็นเรื่องที่ควรจะหาสาเหตุให้ได้ก่อน แล้วจึงพิจารณาต่อว่า มีวิธีป้องกันและแก้ใขอย่างไรหรือไม่ ใครควรรับผิดชอบหรือไม่ และควรรับผิดชอบแบบใดที่สมควรแก่ความผิดพลาด(ถ้ามีจริง) บทลงโทษนั้นยุติธรรมและเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้วหรือไม่ หรืออาจไม่ควรมีบทลงโทษเลยจะดีไหม?....ก็ต้องมาวิเคราะห์แก้ใขกันต่อไป....แทนที่เราเห็นบทสรุปแล้วเราก็มาต่อว่าผู้อื่นก่อนที่เราจะทำความเข้าใจในเหตุการณ์นั้นๆด้วยซ้ำครับ สิ่งที่ท่านเคยเผชิญมาอาจเป็นคนละเรื่องกับกรณีก็ได้นะครับ
ผมเห็นที่โพสต์ต่อต้านฝ่ายผู้สูญเสียอยู่ตอนนี้ เราคิดแบบผิดขั้นตอนกันอยู่ครับ บางท่านใช้อารมณ์นำพามากเกินไป เหตุกับผลจึงด้อยความสำคัญกว่าอารมณ์ของท่านไปหน่อยนึง(มั้ง)
ขอยืนยันอีกครั้งครับว่า ไม่ได้กล่าวหาว่าใครผิด
เดี๋ยวผมจะโพสต์ต่ออีกหน่อยครับ ....ถือว่าเป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองและความคิดเห็นกันนะครับ พวกเราด้วยกันเองคงไม่ถือสา หากจะมีความเห็นออกนอกทางไปบ้างนะครับ... :lol:
-
- Verified User
- โพสต์: 1468
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 119
ถามหน่อยค่ะPn3um0n1a เขียน:(เหตุสุดวิสัย ถ้าไม่ได้ชัดเจนว่าเด็กตัวโต 5kg จนคลำได้จากหน้าท้อง หรือ ตรวจช่องเชิงกรานว่าแคบผิดปกติชัดๆ ก็จะ ไม่มีใครบอกได้) ว่า ศีรษะเด็ก โตเกิน ช่องเชิงกรานผู้เป็นแม่ มีความจำเป็นต้องผ่าออก
แต่ไม่มีดมยา... พยาบาลดมยา หรือ ผม block หลังให้ มีโอกาส เสียชีวิต ได้ 1 ใน พัน
ถ้าไม่ block หลัง มีวิธีอื่นทำให้เจ็บน้อยหน่อย
ระหว่างการทำคลอดหรือไม่คะคุณหมอ ถ้าจำต้องผ่า
เพื่อนของกล้วยทอดไปผ่าท้อง หาฤกษ์มงคลธงชัยมาอย่างดี
ดูแต่เฉพาะชะตาลูก ของแม่ลืมดู (" - -)
ปรากฎว่าเจ้าตัวเป็นหอบหืด แล้วยาที่ block หลัง มันอาจไปตี
กับโรคประจำตัวของแม่ยังไงสักอย่าง เลยต้องงด
คุณหมอเลยช่วยมากสุดได้แค่ฉีดยาชา แล้วผ่าสด
เห็นบอกว่า ตั้งแต่เริ่มลงมีด จนเห็นหน้าลูก รู้สึกตัวทุกขั้นตอน
เหมือนนอนดูคุณหมอแล่เนื้อหมูบนเขียง (เนื้อหน้าท้องเค้านั่นแหละ)
ฟื้นตัวก็ช้า เพราะระบมไปหมด บอกว่าเลิกคิดมีลูกคนถัดไปทันที
มีอีกเรื่องหนึ่งค่ะ เรื่องวิธีการประเมินค่ารักษา ดูจากอะไรคะ
ลูกเพื่อนอีกแล้ว มีลูกคนแรกปกติดี พอคนที่สองน้ำคร่ำแตก
ก่อนกำหนด ตอนท้องได้หกเดือนกว่า
(เค้าว่าปอดเด็กยังเจริญไม่เต็มที่ หายใจเองยังไม่ได้ใช่ไหมคะ)
ไปรพที่หนึ่ง อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ ประเมินค่ารักษาลูกเริ่มต้นที่
6 แสนบาท เค้าเลยย้ายไปรพ ภูมิพลฯ เสียสตางค์จริงๆ แค่ร้อยกว่าบาท
ทำไมมันต่างจังคะ
(เขียนไปเนี่ย ก็ไม่ค่อยรู้ถึงภาวะเสี่ยงของการคลอดก่อนกำหนดเท่าไหร่)
จริงๆ มีมาเล่าอีกเยอะค่ะ แบบว่ามีสาวน้อย-ใหญ่(พหูพจน์)
ชอบขู่ให้ฟังเยอะมาก :lol:
..สักวันจะเก่งเหมือนพี่บ้าง..
- เพื่อน
- Verified User
- โพสต์: 1826
- ผู้ติดตาม: 0
อุทาหรณ์สอนใจหมอทั้งหลาย
โพสต์ที่ 120
อย่างที่ผมเกริ่นไว้ว่า ผมให้ความสำคัญกับการหาสาเหตุเป็นขั้นตอนที่สำคัญอันดับแรกครับ ในกรณีที่หาสาเหตุการตายไม่ได้จริงๆ หมอผู้รับผิดชอบก็ต้องพ้นผิด ถูกไหมครับ และการหาสาเหตุยังไม่ได้ในขณะนั้นก็ควรเก็บเป็นกรณีศึกษาต่อไปในอนาคตRadio เขียน:ผมว่าคุณเพื่อนยังเข้าใจไม่ถูกต้อง ในวงการแพทย์
มีการตายมากมายซึ่งหาสาเหตุไม่ได้ ไม่ว่าจะพิสูจน์
กันด้วยวิธีไหนก็ตามก็ยังหาสาเหตุการตายไม่ได้
แต่เครือข่ายผู้เสียหายก็พยายามยัดเยียดให้เป็นความ
ประมาทของแพทย์เสมอ แล้วอย่างนี้จะให้ทำอย่างไร
ความเห็นของคุณหมอRadioที่มีต่อเครือข่ายฯว่าพยายามยัดเยียดให้เป็นความประมาทของแพทย์เสมอนั้น ก็เป็นความเห็นที่ต้องนำมาคิดต่อ ว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น มันเป็นอย่างนั้นเสมอหรือไม่ ผมพอทราบอยู่บ้างว่าทั้ง2ฝ่ายเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่
ถ้าคิดเฉพาะในกรณีคุณศิริมาศนี้ก่อน ผมเห็นว่าเค้าทำได้ดีนะครับ ผมจะเอาตอนสำคัญๆที่คุณSanโพสต์ไว้มาใล่ลำดับดู เราจะเห็นอะไรที่สดุดใจอยู่พอสมควร
1.5 มิถุนายน 2545 เมื่อแม่ของศิริมาศเสียชีวิตหลังการผ่าตัดไส้ติ่ง ไม่มีใครอธิบายว่าแม่ตายเพราะอะไร
แพทย์ผู้อยู่ในเหตุการณ์ก็บอกว่าหัวใจล้มเหลว ไปถามรพ.มหาราชก็ตอบว่าเพราะสมองบวม เธอนำศพแม่เข้ากรุงเทพผ่าพิสูจน์ที่สถาบันนิติเวช ผลก็ออกมาแบบคลุมเครือ
ถ้าผมเป็นลูก ผมก็คงพยายามหาคำตอบเหมือนกันครับ
2.สสจ.จังหวัดนครศรีธรรมราชสอบสวนแล้วบอกว่าหมอไม่ผิด แต่จะจ่ายเงินให้ แต่หมอไม่รับว่าเป็นความผิดพลาด ศิริมาศ บอกว่าถ้าจะให้รับเงินต้องอธิบายก่อนว่าแม่ตายเพราะอะไร ถ้าหมอไม่ผิดเธอก็เหมือนไปขู่กรรโชกทรัพย์มันไม่ถูกต้อง คนในสสจ.บอกว่าถ้าเป็นอย่างนั้นก็ให้ไปฟ้องเอาเอง
เป็นผมๆก็ต้องฟ้องครับ ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ
หมออาจไม่ผิดจริงๆก็ได้ แต่วิธีการสื่อสารกับผู้สูญเสียแบบนี้ไม่ถูกต้องแน่นอน
3.เมื่อไปแจ้งความ ศิริมาศรู้ว่ามีการใช้อิทธิพลท้องถิ่น ทำให้ตำรวจไม่รับแจ้งความ ไม่ยอมทำสำนวนส่งอัยการ
ถ้าเรื่องนี้เป็นจริง ก็น่าเป็นห่วงอย่างมากครับ
....ตำรวจมีสิทธิไม่ส่งสำนวนด้วยหรือไม่ครับ (อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ แต่คิดเองว่าไม่มีสิทธินะครับ)
4.เธอร้องเรียนแพทยสภาก็บอกสั้น ๆ ว่า คดีไม่มีมูล ร้องรัฐมนตรีฯ สธ.ยุคนางสุดารัตน์ฯ ก็ไม่มีใครช่วย ศิริมาศร้องเรียนต่อ 16 หน่วยงาน หน่วยงานสอบสวนแล้วพบว่าตำรวจมีความผิดจนถูกย้าย และอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้ฟ้องคดีนี้ แต่ก็ไม่ได้ฟ้องในทันที
เรื่องจึงเริ่มเข้มข้นขึ้น
ถ้าสังเกตุดีๆ เรื่องนี้ออกนอกประเด็นการหาความผิดทางการแพทย์ไปไกลแล้วนะครับ กลายๆจะเป็นเรื่องการกีดกันและใช้อิทธิพลแทรกแทรงมากกว่า
และที่แพทย์สภาตอบว่า คดีไม่มีมูลนั้น ถ้าเป็นเรื่องจริง แพทย์สภาก็เป็นองค์กรที่น่าเป็นห่วงมากนะครับ
ถ้าเรื่องนี้ไม่จริง ผมก็ขอรอดูให้แพทย์สภาฟ้องร้องกลับต่อผู้ให้ข่าวนี้ เพราะทำให้เสื่อมเสียอย่างมาก ทางเครือข่ายฯจะได้รู้จักรับผิดชอบต่อการให้ข่าวบิดเบือนออกมาแบบนี้บ้าง
5.ปลายปี 2545 ศิริมาศเข้ารวมตัวกับเครือข่ายฯ เครือข่ายฯ จึงช่วยเธอยื่นฟ้องสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดของรพ.ร่อนพิบูลย์ ....จนกระทั่งปลายปี 2548 ศาลชั้นต้นตัดสินให้ศิริมาศชนะคดีแพ่งที่ฟ้องกระทรวง ว่าคดีไม่หมดอายุความ และรพ.ประมาทเลินเล่อ สธ.ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 6 แสนบาท
ผมว่าศิริมาศมีความจำเป็นที่จะต้องหาผู้ช่วยคานอำนาจแล้วครับ และก็ไม่น่าจะมีความผิด
ถ้าเป็นผมก็คงทำแบบเดียวกัน
ที่จริงเรื่องนี้ก็น่าจะจบเพียงแค่นี้ ไม่มีหมอติดคุก
6.ระหว่างนั้นทางอัยการจังหวัดทุ่งสงได้ยื่นฟ้องในคดีอาญาทันที
7.ทางสำนักงานปลัดกระทรวงฯ กับทางแพทยสภากลับร่วมกันตั้งทีมทนายสู้กับคนไข้ ยื่นอุทธรณ์ในประเด็นอายุความ
ศิริมาศเหนื่อยมาหลายปี เธออยากเรียนหนังสือ จึงขอร้องสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ว่าอย่าอุทธรณ์เลย เธอพอใจและ ได้คำตอบแล้วว่าแม่เป็นอะไรตาย และเงินจำนวน 6 แสนบาทนั้นแม้จะไม่มากหากเทียบกับชีวิตแม่ แต่ก็คงพอทำให้เธอกับน้อง ๆ ได้เรียนหนังสือ
จนทำให้ศิริมาศต้องได้รับความพ่ายแพ้เนื่องจากคดีหมดอายุความ เมื่อ 12กรกฎาคม 2550
เหตุการณ์เปลี่ยนไปน้องศิริมาศต้องต่อสู้กับหน่วยงานที่ควรให้ความเป็นธรรมกับเธอ
อันนี้ก็เป็นความแปลกอย่างหนึ่ง ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในประเทศเราได้...ทำไมกลายเป็นแบบนี้ได้ มีใครสงสัยบ้าง...ยกมือขึ้น...
รู้สึกกันมั้ยครับว่า เรื่องนี้น่าจะจบไปแล้ว และเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการหาสาเหตุผิดพลาดทางการแพทย์ แต่กลายเป็นเรื่องการต้องการเอาชนะกันซะแล้ว....ถ้าศิริมาศไม่เคยติดต่อกับเครือข่ายมาช่วยต่อสู้เลย จะเป็นอย่างไรใครตอบได้บ้าง
ผมจึงให้เครดิตกับเครือข่ายฯในแง่นี้ครับ องค์กรใดที่มีอำนาจมากเกินไป จำเป็นต้องมีหน่วยงานคานอำนาจไว้ ไม่งั้นจะอันตรายมาก ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการเป็นเผด็จการครับ
และถ้าศึกษาจุดเริ่มต้นของกลุ่มเครือข่ายลงไปลึกๆแล้วจะพบว่ามีกำเนิดขึ้นมาจากสาเหตุที่ใกล้เคียงกัน และพัฒนาจนแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ
ผมยังได้ยินมาว่า กรรมการแพทย์สภาชุดนี้ไม่มีตัวแทนของชมรมแพทย์ชนบทเข้ามามีโอกาสเป็นกรรมการร่วมเหมือนกรรมการชุดก่อนหน้านี้ (อันนี้ผมได้ยินมาอีกที ไม่แน่ใจในข้อมูลมากครับ เพราะไม่ได้รู้จักและเอาใจใส่วงการนี้มาก ถ้ามีใครรู้จริงช่วยconfirmข้อมูลอีกทีนะครับ)
....ลงเป็นข้อมูลให้ตามกันเพิ่มเติมครับ และจะเห็นว่า ชมรมแพทย์ชนบทก็เคยพยายามประสานกับเครือข่ายให้เรื่องนี้จบลงด้วยดี แต่ไม่สำเร็จ ตามข้อมูลต่อไปของคุณSanที่โพสต์ไว้
8.ในคดีอาญา ชมรมแพทย์ชนบทได้ประสานกับเครือข่ายฯ ว่าจะหาทางออกอย่างไรดี เครือข่ายฯ อาสาคุยกับน้องให้ศิริมาศบอกว่ามาพูดตอนนี้มันสายไปแล้ว อัยการสั่งฟ้องไปแล้ว คดีอาญานั้นยอมความกันไม่ได้ ถือเป็นอาญาแผ่นดิน แต่ก็มีทางออก โดยให้แพทย์ขอโทษอย่างเป็นทางการ และทำบุญให้แม่เธอ และเธอจะไปแถลงต่อศาลเองว่าไม่ติดใจเอาความ และให้หมอไปรับสารภาพกับศาลท่านพร้อม ๆ กัน โทษหนักจะได้เป็นเบา อย่างมากศาลก็รอลงอาญา ครั้งแรกทางรพ.ตอบตกลง แต่แพทยสภาและสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ไม่ให้หมอขอโทษและให้สู้คดี โดยบอกหมอว่ามีทางชนะ โดยจัดทีมนักกฎหมาย ทีมแพทย์ที่จบกฏหมายช่วยเหลือ
ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงอีก....ผมว่าบทบาทของแพทยสภา+สนง.ปลัดกระทรวง ออกจะแปลกไปมาก ไม่น่าจะเกิดขึ้นในเมืองไทยอีกเช่นกัน
ถ้าไม่จริง ผมก็จะรอดูแพทยสภาออกมาฟ้องร้องผู้ให้ข่าวบิดเบือนทำให้เสียหายอย่างมาก อีกแล้วครับท่าน...
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมว่าตอนนี้คุณหมอสุทธิพรคงนึกตำหนิแพทยสภามากกว่าคุณศิริมาศนะครับ
ทุกวันนี้ทั้งแพทย์ คนไข้ และหมอ คือเหยื่อของระบบ เหยื่อของหน่วยงาน ที่ผู้บริหารเหลิงและลุแก่อำนาจ ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา
ข้อความนี้ ผมว่าตรงประเด็นนะครับ ลองคิดดูอีกที สาเหตุที่หมอติดคุก ไม่ใช่ฝีมือคุณศิริมาศแล้วหละ
มัวแต่ห่วงภาพพจน์และศักดิ์ศรีของตนเอง จนลืมความมีมนุษยธรรม ทำให้เหตุการณ์เล็ก ๆ บานปลายมาจนถึงกับทำให้แพทย์หญิงสุทธิพรต้องโทษถูกจำคุก 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา อย่างวันนี้ เครือข่ายฯ ก็ได้แต่ภาวนาว่าศาลชั้นอุทธรณ์ และศาลฎีกาท่านจะให้ความเมตตาต่อแพทย์ ให้ได้รับโทษสถานเบาที่สุดเพียงแค่รอลงอาญา
ที่อ่านมาทั้งหมด ผมรู้สึกว่า ทางเครือข่าย เค้าเป็นห่วงคุณหมอสุทธิพรมากกว่าแพทยสภานะครับ