VI หาดใหญ่
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 332
ผมอยากจะบอกว่าในตลาดมีหุ้น 500-600 ตัว นลท.ในตลาดมีเป็นแสนคน คนส่วนใหญ่เชื่อว่า เรื่องดี ๆ ของบ.ต่าง ๆ คนต้องรู้เพราะนี่คือบ.มหาชน แต่ผมจะบอกว่าหลายปีที่ผ่านมา ผมเจอหุ้นที่มีอะไรดี ๆ แต่เหมือนตลาดไม่ค่อยสนใจมากมาย เพราะอะไรหุ้นเหล่านี้ถึงถูกมองข้าม ผมก็ตอบไม่ได้ อาจจะเพราะคนชอบอะไรที่ชัดเจน ชอบอะไรที่ร้อนแรง ชอบทำตาม ๆ กัน หรือทนรอให้ความชัดเจนปรากฎออกมาไม่ไหว หรือไม่ชอบถือหุ้นนาน ๆ โดยที่ราคาไม่ไปไหน หรือเพราะคนส่วนใหญ่รู้จักแต่หุ้นใหญ่ ๆ หุ้นตลาดหรือหุ้นใน SET50 SET100 เพราะอะไรหรือเพราะหลาย ๆ เหตุผลรวมกัน
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่อินไซด์ จริง ๆ แล้วถึงเราจะไม่มีแหล่งข้อมูลที่มีคนมาป้อนข้อมูลหุ้นรายตัวให้ เราก็สามารถหาหุ้นเหล่านี้ได้จากข้อมูลทั่ว ๆ ไปครับ
ทุกอย่างเมื่อได้ข้อมูล ถ้าเป็นไปได้เราก็ทำสรุปออกมาครับ สรุปเป็นกระดาษหนึ่งหน้า ว่าเราซื้อหุ้นตัวนั้นเพราะอะไร ปัจจัยบวก ลบ แจงออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อเตือนตัวเองให้คอย monitor ตัวแปรเหล่านั้น การวิเคราะห์เชิงคุณภาพและตัวเลขทางการเงินต่าง ๆ มันต้องทำทั้งหมด จะให้น้ำหนักข้อมูลตรงไหนก็แล้วแต่เรา บางบ.ตัวเลขทางการเงินไม่เน้น บางบ.ก็เน้น ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นแบบไหน ตรงนี้ผมไม่ได้พูดถึง แต่ก็ต้องทำด้วยครับ สุดท้ายมาที่บทสรุปของหุ้นแต่ละตัว สิ่งที่ต้องทำก็คือ กรอบเวลาที่เราจะให้กับหุ้นตัวนั้น เช่นตัวเร่งราคาเหล่านั้น เราให้เวลามันทำงานเท่าไหร่ กรอบราคาที่จะขาย ถ้ามันไปถึงก่อนกำหนดก็อาจจะขายหุ้นตัวนั้นออกไป แต่ถ้ามี story เรื่องใหม่ ๆ เข้ามาเราก็ต้องมาประเมินใหม่ หรือถ้ามันไม่เป็นไปตามแผนเราจะจัดการกับมันอย่างไร ถ้าตัวเร่งไม่ทำงานหรือทำงานแล้วแต่ราคาไม่ตอบสนอง
ที่ผมพูดมามากมาย หุ้นมีเป็นหลายร้อยตัว ตัวไหนไม่ชัวร์ก็ไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวก็มีตัวดี ๆ มาให้ซื้อเองครับ และถ้าเรารอบคอบ ไม่เสี่ยงจนเกินไป ถ้าหาหุ้นตัวที่ชัวร์ ๆ แค่ปีละไม่กี่ตัวผมว่ามันก็คุ้มค่าแล้วครับ จำไว้ให้ขึ้นใจครับ หุ้นนี่ถ้าไม่ซื้อไม่มีวันขาดทุนครับ
ถ้าเราทำทุกอย่างตามกรอบ ตามวินัย ถ้าตลาดไม่ผันผวนรุนแรงแบบปีที่ผ่านมาที่แม้แต่หุ้นราคาถูกก็โดนทุบลงไปด้วย ผมว่าการลงทุนให้ขาดทุนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันครับ
เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่อินไซด์ จริง ๆ แล้วถึงเราจะไม่มีแหล่งข้อมูลที่มีคนมาป้อนข้อมูลหุ้นรายตัวให้ เราก็สามารถหาหุ้นเหล่านี้ได้จากข้อมูลทั่ว ๆ ไปครับ
ทุกอย่างเมื่อได้ข้อมูล ถ้าเป็นไปได้เราก็ทำสรุปออกมาครับ สรุปเป็นกระดาษหนึ่งหน้า ว่าเราซื้อหุ้นตัวนั้นเพราะอะไร ปัจจัยบวก ลบ แจงออกมาเป็นข้อ ๆ เพื่อเตือนตัวเองให้คอย monitor ตัวแปรเหล่านั้น การวิเคราะห์เชิงคุณภาพและตัวเลขทางการเงินต่าง ๆ มันต้องทำทั้งหมด จะให้น้ำหนักข้อมูลตรงไหนก็แล้วแต่เรา บางบ.ตัวเลขทางการเงินไม่เน้น บางบ.ก็เน้น ขึ้นอยู่กับว่าหุ้นตัวนั้นเป็นหุ้นแบบไหน ตรงนี้ผมไม่ได้พูดถึง แต่ก็ต้องทำด้วยครับ สุดท้ายมาที่บทสรุปของหุ้นแต่ละตัว สิ่งที่ต้องทำก็คือ กรอบเวลาที่เราจะให้กับหุ้นตัวนั้น เช่นตัวเร่งราคาเหล่านั้น เราให้เวลามันทำงานเท่าไหร่ กรอบราคาที่จะขาย ถ้ามันไปถึงก่อนกำหนดก็อาจจะขายหุ้นตัวนั้นออกไป แต่ถ้ามี story เรื่องใหม่ ๆ เข้ามาเราก็ต้องมาประเมินใหม่ หรือถ้ามันไม่เป็นไปตามแผนเราจะจัดการกับมันอย่างไร ถ้าตัวเร่งไม่ทำงานหรือทำงานแล้วแต่ราคาไม่ตอบสนอง
ที่ผมพูดมามากมาย หุ้นมีเป็นหลายร้อยตัว ตัวไหนไม่ชัวร์ก็ไม่ต้องซื้อ เดี๋ยวก็มีตัวดี ๆ มาให้ซื้อเองครับ และถ้าเรารอบคอบ ไม่เสี่ยงจนเกินไป ถ้าหาหุ้นตัวที่ชัวร์ ๆ แค่ปีละไม่กี่ตัวผมว่ามันก็คุ้มค่าแล้วครับ จำไว้ให้ขึ้นใจครับ หุ้นนี่ถ้าไม่ซื้อไม่มีวันขาดทุนครับ
ถ้าเราทำทุกอย่างตามกรอบ ตามวินัย ถ้าตลาดไม่ผันผวนรุนแรงแบบปีที่ผ่านมาที่แม้แต่หุ้นราคาถูกก็โดนทุบลงไปด้วย ผมว่าการลงทุนให้ขาดทุนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกันครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 333
ขอบคุณอ.lekyมั่กๆฮะ
"หุ้นถ้าไม่ซื้อ ไม่มีวันขาดทุน"(เจ๋งฮะ เจ๋งกว่า" ไม่ขายไม่ขาดทุน ")
Stockyesterday ที่อ.มาเล่าเรื่องหุ้นที่ขายไปแล้ว นึกได้อีก มาเติมเรื่อยๆนะฮะ
"ศึกษาวิชามาร ฉีดเซรุ่มต้านพิษก่อน"(เด๋วBAD พิษ(ชื่อยังกะดารา)จาไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้านะฮะ เข้าหน้าร้อนพอดี เวลาไปหงิงๆแง่งๆใส่อ. จาได้ไม่ต้องระแวง ศึกษาวิชาเทพ(เทือก)มาพอแระ เอาวิชามารมั่งดีก่า)
"ระวังธาตุไฟแทรก" มะเปงไรฮะ ธาตุน้ำแตกมาเยอะ ธาตุไฟแทรกมั่งยังไหวอยู่
ท่านaricaฮะ
ปกติวีไอระดับสุดยอดแบบอ.บัฟเฟต์ อ.ลิ้นช์เค้ามีคน คอยเขียนให้ฮะ
ผมว่าท่านนายกมีมุกกะข้อมูลเยอะ คงรอหลังลงตำแหน่งไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนมั้ง
รึผมมั่วให้ดีมั้ย แค่อ.บอกชื่อหุ้น เอ๊ย..หลักการให้ผมก็พอ
ยังไม่ออกหนังสือ แค่อ.เอาตัวเข้าเป็นเหยื่อล่อ ให้คนมาสนใจแนววีไอมากขึ้น แค่นี้ก็มาตอมกันหึ่งแระ
(สำนวนพอได้มั้ยฮะ..พอก่อนดีก่า เด๋วนายกให้ใครเอาM150(เยอะกว่า79)มาเฝี้ยง เอ๊ยให้ แบบไม่มีลิมิต
ชีวิตเกินร้อย..)
ท่านGG!!!!(ผมนึกถึงgordon gekko แทนที่จะเป็น great grahamทู้กที)
ไอ้คำ"passion"เนี่ย อ.ประมูล อุณหธูป(คนแต่งเรื่องจันดารา ในชื่ออุษณา เพลิงธรรม)
ท่านแปลว่า"ความเงี่.."นะฮะ
ผมนึกภาพคนหล่อๆเรียบร้อยแบบท่านมีpassionแล้ว ฟินฝุดๆ..
ปล.อีกเว็บนึง เค้าเคาะกะลากันใหญ่ ว่าหุ้นโลกเขียวกว่าน่ะ "เสี่ยจ.วีไอ" เป็น ผถหญ.แร้ววว..
เค้าหมายถึงท่าน"เสี่ยจีจี"ป่าวฮะ ไปละ ...ฮี้ๆกั้บๆ....
"หุ้นถ้าไม่ซื้อ ไม่มีวันขาดทุน"(เจ๋งฮะ เจ๋งกว่า" ไม่ขายไม่ขาดทุน ")
Stockyesterday ที่อ.มาเล่าเรื่องหุ้นที่ขายไปแล้ว นึกได้อีก มาเติมเรื่อยๆนะฮะ
"ศึกษาวิชามาร ฉีดเซรุ่มต้านพิษก่อน"(เด๋วBAD พิษ(ชื่อยังกะดารา)จาไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้านะฮะ เข้าหน้าร้อนพอดี เวลาไปหงิงๆแง่งๆใส่อ. จาได้ไม่ต้องระแวง ศึกษาวิชาเทพ(เทือก)มาพอแระ เอาวิชามารมั่งดีก่า)
"ระวังธาตุไฟแทรก" มะเปงไรฮะ ธาตุน้ำแตกมาเยอะ ธาตุไฟแทรกมั่งยังไหวอยู่
ท่านaricaฮะ
ปกติวีไอระดับสุดยอดแบบอ.บัฟเฟต์ อ.ลิ้นช์เค้ามีคน คอยเขียนให้ฮะ
ผมว่าท่านนายกมีมุกกะข้อมูลเยอะ คงรอหลังลงตำแหน่งไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนมั้ง
รึผมมั่วให้ดีมั้ย แค่อ.บอกชื่อหุ้น เอ๊ย..หลักการให้ผมก็พอ
ยังไม่ออกหนังสือ แค่อ.เอาตัวเข้าเป็นเหยื่อล่อ ให้คนมาสนใจแนววีไอมากขึ้น แค่นี้ก็มาตอมกันหึ่งแระ
(สำนวนพอได้มั้ยฮะ..พอก่อนดีก่า เด๋วนายกให้ใครเอาM150(เยอะกว่า79)มาเฝี้ยง เอ๊ยให้ แบบไม่มีลิมิต
ชีวิตเกินร้อย..)
ท่านGG!!!!(ผมนึกถึงgordon gekko แทนที่จะเป็น great grahamทู้กที)
ไอ้คำ"passion"เนี่ย อ.ประมูล อุณหธูป(คนแต่งเรื่องจันดารา ในชื่ออุษณา เพลิงธรรม)
ท่านแปลว่า"ความเงี่.."นะฮะ
ผมนึกภาพคนหล่อๆเรียบร้อยแบบท่านมีpassionแล้ว ฟินฝุดๆ..
ปล.อีกเว็บนึง เค้าเคาะกะลากันใหญ่ ว่าหุ้นโลกเขียวกว่าน่ะ "เสี่ยจ.วีไอ" เป็น ผถหญ.แร้ววว..
เค้าหมายถึงท่าน"เสี่ยจีจี"ป่าวฮะ ไปละ ...ฮี้ๆกั้บๆ....
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 334
บนโลกใบนี้เรื่องเดียวกัน มองได้เป็นหลายเรื่องเสมอครับ อยู่ที่เราจะคิดและจินตนาการยังไง หลัง ๆ เรื่องการลงทุนนี่ผมจะเน้นเรื่องการจิตนาการมากกว่าวิชาการไปซะแล้วครับ ๕๕๕ เพราะผมเองเวลาผมอ่านข่าวอะไรก็ตาม ม็อบชาวนา มันสำปะหลัง ข้าวโพด น้ำมันปาล์ม ค่าเงินบาทอ่อนแข็ง ดอกเบี้ยขึ้นลง ผมก็พยายามจะนึกว่ามันเชื่อมโยงกับอะไรได้บ้าง ใครได้ประโยชน์และเสียประโยชน์ครับ เรื่องพวกนี้เกิดซ้ำ ๆ ไป ๆ มา ๆ ราคาหุ้นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเหล่านี้ก็วนไปวนมาซ้ำ ๆ เรื่องราวเดิม ๆ
ลองคิดดูครับ ทุกเรื่องมีคนเสียประโยชน์แต่ก็จะมีคนได้ประโยชน์เสมอครับ ผมลองยกตัวอย่างครับ
ถ้ามีคนพูดถึงว่าราคายางกำลังตกต่ำ ความต้องการลดน้อยลง ผลผลิตออกมามาก เราจะมองมันแบบไหน
1) มองถึงคนที่เสียประโยชน์ เช่นหุ้นที่ขายผลผลิตจากยาง อย่าง STA TRUBB ถ้าเรามองมุมนี้ เราก็จะพยายามมองว่า "ตรงไหนคือจุดต่ำสุดของปัญหา" เราคงพยายามมองหาความสัมพันธ์ของราคายางว่ามันต่ำสุดหรือยัง ความต้องการยางของจีน ปริมาณผลผลิตที่จะออกมา ดินฟ้าอากาศที่จะมีผลต่อผลิต เพื่อหาโอกาสในการซื้อหุ้นเหล่านี้ที่ราคาต่ำสุด
2) มองถึงคนที่ได้ประโยชน์ เช่นหุ้นที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบ HFT CPR IRC ถ้าเรามองมุมนี้ เราก็จะมองว่า "ตรงไหนคือจุดสิ้นสุดที่บ.จะได้ประโยชน์"
ลองสังเกตดูครับ มันคือจุดเดียวกัน เพราะคือจุดที่ราคายางต่ำสุดเหมือนกัน แต่พอเรามองคนละมุม มันก็จะมีชื่อแตกต่างกัน ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องเดียวกัน
ลองคิดดูไปเรื่อย ๆ นะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมันจะมีสองด้านแบบนั้นเสมอ ค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงหรือต่ำ ดอกเบี้ยนโยบายลดหรือเพิ่ม ราคาน้ำมันดิบเพิ่มหรือลด เพียงแต่เราจะเลือกมองมุมไหน มุมของคนที่เสียประโยชน์หรือมุมของคนที่ได้ประโยชน์
ผมว่าความรู้ทางการลงทุนนั้น ในหนังสือส่วนใหญ่เค้าจะเขียนเนื้อหาที่เป็น standard ผมหมายถึง เนื้อหาที่คนทั่ว ๆ ไปสามารถอ่านได้ เช่นเรื่องตัวเลขทางการเงินทั่ว ๆ ไป แนวทางการลงทุนที่ทำให้คนอ่านไม่เสี่ยงจนเกินไป แต่ถ้าเป็นอะไรที่เสี่ยงเกินไปสำหรับคนทั่วไปผมเชื่อว่าคนเขียนก็มักจะไม่กล้าเขียน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะไม่ทำ เปรียบเสมือน expert opinion ซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะได้ยินเรื่อย ๆ เช่นการซื้อหุ้นที่ PE สูง ๆ ฯลฯ
เปรียบเสมือนเราเรียนขับรถยนต์ ครูที่สอนขับรถคงไม่มีใครสอนให้ขับรถที่ความเร็ว 120 กม.ต่อชม. แต่ในความเป็นจริง ถ้าเราขับรถเก่งแล้วถ้าเราจะขับด้วยความเร็วเท่านั้นมันก็คงไม่ผิด เพียงแต่ความเสี่ยงมันย่อมมากขึ้น
ผมเชื่อว่าพอเราเรียนรู้เรื่องพื้นฐานถึงจุดหนึ่ง การจะไปต่อยอดนั้นสิ่งที่สำคัญคือการ discuss กับคนอื่น ๆ ครับ ตอนเรียนหนังสือเวลามี conference มีอ.เก่ง ๆ เข้ามา discuss กัน บางเรื่องไม่มีข้อสรุป แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้ทำให้คนฟังได้แนวคิด ยิ่งฟังมากยิ่งคิดมากยิ่งวิเคราะห์มาก ความคิดจะยิ่งแตกไปเรื่อย ๆ ครับ
ผมมองว่าโอกาสทางการลงทุนนั้น เราต้องสร้างโอกาส ไม่ใช่รอโอกาสครับ ผมหมายถึงสร้างโอกาสให้เราเห็นช่องทางการลงทุนจากหุ้นตัวไหนก็แล้วแต่
ผมเคยอ่านนิยายจีนกำลังภายในเล่มหนึ่ง เค้าพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า "คนชั้นสูงสร้างโอกาส คนชั้นกลางกุมโอกาส คนชั้นต่ำรอโอกาส" ครับ
ลองคิดดูครับ ทุกเรื่องมีคนเสียประโยชน์แต่ก็จะมีคนได้ประโยชน์เสมอครับ ผมลองยกตัวอย่างครับ
ถ้ามีคนพูดถึงว่าราคายางกำลังตกต่ำ ความต้องการลดน้อยลง ผลผลิตออกมามาก เราจะมองมันแบบไหน
1) มองถึงคนที่เสียประโยชน์ เช่นหุ้นที่ขายผลผลิตจากยาง อย่าง STA TRUBB ถ้าเรามองมุมนี้ เราก็จะพยายามมองว่า "ตรงไหนคือจุดต่ำสุดของปัญหา" เราคงพยายามมองหาความสัมพันธ์ของราคายางว่ามันต่ำสุดหรือยัง ความต้องการยางของจีน ปริมาณผลผลิตที่จะออกมา ดินฟ้าอากาศที่จะมีผลต่อผลิต เพื่อหาโอกาสในการซื้อหุ้นเหล่านี้ที่ราคาต่ำสุด
2) มองถึงคนที่ได้ประโยชน์ เช่นหุ้นที่ใช้ยางเป็นวัตถุดิบ HFT CPR IRC ถ้าเรามองมุมนี้ เราก็จะมองว่า "ตรงไหนคือจุดสิ้นสุดที่บ.จะได้ประโยชน์"
ลองสังเกตดูครับ มันคือจุดเดียวกัน เพราะคือจุดที่ราคายางต่ำสุดเหมือนกัน แต่พอเรามองคนละมุม มันก็จะมีชื่อแตกต่างกัน ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องเดียวกัน
ลองคิดดูไปเรื่อย ๆ นะครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรมันจะมีสองด้านแบบนั้นเสมอ ค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์สูงหรือต่ำ ดอกเบี้ยนโยบายลดหรือเพิ่ม ราคาน้ำมันดิบเพิ่มหรือลด เพียงแต่เราจะเลือกมองมุมไหน มุมของคนที่เสียประโยชน์หรือมุมของคนที่ได้ประโยชน์
ผมว่าความรู้ทางการลงทุนนั้น ในหนังสือส่วนใหญ่เค้าจะเขียนเนื้อหาที่เป็น standard ผมหมายถึง เนื้อหาที่คนทั่ว ๆ ไปสามารถอ่านได้ เช่นเรื่องตัวเลขทางการเงินทั่ว ๆ ไป แนวทางการลงทุนที่ทำให้คนอ่านไม่เสี่ยงจนเกินไป แต่ถ้าเป็นอะไรที่เสี่ยงเกินไปสำหรับคนทั่วไปผมเชื่อว่าคนเขียนก็มักจะไม่กล้าเขียน แต่ก็ไม่ได้แปลว่าเค้าจะไม่ทำ เปรียบเสมือน expert opinion ซึ่งบางครั้งเราก็อาจจะได้ยินเรื่อย ๆ เช่นการซื้อหุ้นที่ PE สูง ๆ ฯลฯ
เปรียบเสมือนเราเรียนขับรถยนต์ ครูที่สอนขับรถคงไม่มีใครสอนให้ขับรถที่ความเร็ว 120 กม.ต่อชม. แต่ในความเป็นจริง ถ้าเราขับรถเก่งแล้วถ้าเราจะขับด้วยความเร็วเท่านั้นมันก็คงไม่ผิด เพียงแต่ความเสี่ยงมันย่อมมากขึ้น
ผมเชื่อว่าพอเราเรียนรู้เรื่องพื้นฐานถึงจุดหนึ่ง การจะไปต่อยอดนั้นสิ่งที่สำคัญคือการ discuss กับคนอื่น ๆ ครับ ตอนเรียนหนังสือเวลามี conference มีอ.เก่ง ๆ เข้ามา discuss กัน บางเรื่องไม่มีข้อสรุป แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้ทำให้คนฟังได้แนวคิด ยิ่งฟังมากยิ่งคิดมากยิ่งวิเคราะห์มาก ความคิดจะยิ่งแตกไปเรื่อย ๆ ครับ
ผมมองว่าโอกาสทางการลงทุนนั้น เราต้องสร้างโอกาส ไม่ใช่รอโอกาสครับ ผมหมายถึงสร้างโอกาสให้เราเห็นช่องทางการลงทุนจากหุ้นตัวไหนก็แล้วแต่
ผมเคยอ่านนิยายจีนกำลังภายในเล่มหนึ่ง เค้าพูดอยู่ประโยคหนึ่งว่า "คนชั้นสูงสร้างโอกาส คนชั้นกลางกุมโอกาส คนชั้นต่ำรอโอกาส" ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 335
ขอแปะไว้หน่อยครับ เคยตอบไว้ในกระทู้อื่น เผื่อจะเป็นส่วนต่อจากโพสต์ก่อนหน้านี้ครับ
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57263
http://board.thaivi.org/viewtopic.php?f=1&t=57263
leky เขียน:ออกตัวก่อนนะครับ ว่าผมไม่ใช่คนเก่งอะไร ก็แค่พอเอาตัวรอดในตลาดหุ้นพอได้ แต่ถ้าคุณอยากจะถามผม ถ้าสิ่งที่ผมบอกคุณไปพอจะช่วยคุณได้ ผมก็ยินดีครับmonster เขียน:คุณ leky พอมีคำแนะนำหน่อยไดมั๊ยครับ คือตอนเริ่มอย่างผม น่าจะเริ่มที่จุดไหนก่อนดี
เพื่อให้scope ในการหาข้อมูลหุ้นแคบลง ตอนนี้สับสนเริ่มไม่ถูกครับ
ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจก่อนว่า ความสำเร็จในการลงทุนนั้น ต้องใช้เวลา ไม่สามารถ "เร่ง" ได้ครับ เปรียบเสมือนกับการบ่มไวน์รสดี คุณต้องมีระยะเวลาที่นานพอ การใช้เวลาตรงนี้มันจะหมดไปกับการศึกษาหาความรู้ การหาประสบการณ์ การลองผิดลองถูก
จริงอยู่บางคนอาจจะบอกว่าการประสบความสำเร็จในการลงทุนนั้น อาจจะใช้ทางลัดได้ เช่น ลอกหุ้นเซียน ตรงนี้ผมไม่เถียงครับ ว่ามันก็เป็นไปได้ แต่ผมก็เชื่อของผมว่า ถ้าเราทำแบบนั้น วันหนึ่งถ้าไม่มีคนให้เราลอกหุ้นแล้ว เราคงยากที่จะยืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งตัวเองครับ ผมมักจะเล่าให้คนรู้จักฟังบ่อย ๆ ว่า โค้ชฟุตบอลบางคนเก่งมาก ประสบความสำเร็จมาก แต่ทำไม ผู้ช่วยโค้ชทำงานด้วยกันมานาน พอออกไปเป็นโค้ชเองส่วนใหญ่ถึงไม่ประสบความสำเร็จ มันก็อาจจะคล้าย ๆ กัน
ประการต่อมา ถ้าคุณคิดจะเรียนจบปริญญาเอก คุณไม่มีทางที่จะปฏิเสธการเรียนป.ตรี ป.โท ตรงนี้ผมต้องการจะบอกว่า ความรู้พื้นฐานเรื่องการลงทุน ยังไงคุณก็ต้องศึกษาครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการดูงบการเงิน การเข้าใจอัตราส่วนทางการเงินต่าง ๆ ความสัมพันธ์ของตลาดหุ้นหรือบ.จดทะเบียนกับเศรษฐกิจ ถ้าเราสังเกตดี ๆ คนที่จบป.เอก ส่วนใหญ่มักจะกลายเป็นคนที่รู้ลึกในเรื่องเฉพาะ บางครั้งเค้าอาจจะลืมเรื่องพื้นฐานบางเรื่องไปบ้าง ตรงนี้ผมต้องการจะบอกว่า ถ้าคุณก้าวไปเรื่อย ๆ จนหาแนวทางของตัวเองพบ คุณอาจจะมีความถนัดในการลงทุนในรูปแบบของคุณ ซึ่งตรงนี้มันก็ต้องผ่านกระบวนการอีกมากมาย ยังไม่นับว่าการที่เราจะวางแนวทางตัวเองอย่างไรนั้นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับนิสัย ความชอบส่วนตัวของเราด้วยครับ
สิ่งที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ เราต้องรู้จักบ.ในตลาดให้มากครับ เพราะถ้าเรายิ่งรู้จักมาก เราจะพบช่องทางการลงทุนมากขึ้น มีคำพูดหนึ่งที่ผมเคยอ่านเจอเค้าบอกว่า "คนชั้นต่ำรอโอกาส คนชั้นกลางกุมโอกาส คนชั้นสูงสร้างโอกาส"
ความรู้พื้นฐานที่ผมบอกข้างต้นมันก็เหมือนกับคุณเอาข้อมูลใส่ลงไปในสมอง ส่วนการที่คุณจะสร้างความสัมพันธ์ของข้อมูลเหล่านั้นในสมองมันก็ขึ้นอยู่กับวิธีคิด ประสบการณ์ของคุณแล้วครับ ผมยกตัวอย่างเช่น เรื่องบางเรื่องมันเป็นความสัมพันธ์ซ้ำ ๆ เช่น เงินบาทอ่อนค่าหรือแข็งค่าบ.ไหนจะได้หรือเสียประโยชน์ ตรงนี้มันก็เป็นการหาโอกาสในการลงทุนได้ครับ
เรื่องสุดท้ายที่ผมจะบอกก็คือ การลงทุนนั้น ถ้าตอบแบบเด็กสายวิทย์ผมคิดว่ามันก็เหมือนกับเราต้องเป็นคน "ชอบตั้งสมมติฐาน" ถ้าตอบแบบเด็กสายศิลป์มันก็เหมือนกับเราต้องมี "จินตนาการ" ผมยกตัวอย่าง ถ้าเราซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ถ้าเราคิดว่าสุดท้ายราคาหุ้นมันจะขึ้น เราก็ต้องคิดว่า มันจะขึ้นเพราะอะไร ปัจจัยอะไรบ้างที่จะทำให้มันขึ้นได้ และปัจจัยนั้นถูกควบคุมด้วยอะไร มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน มีความสัมพันธ์กับอะไร โอกาสคาดการณ์ได้ถูกหรือผิดมีมากน้อยแค่ไหน เราจะต้องไปหาข้อมูลอะไร ตรงนี้สำหรับผมถือว่าสำคัญมากครับ ถ้าเราลองคิดไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเราก็อาจจะเข้าใจว่าเราควรจะหาหุ้นแบบไหน
หลัง ๆ ผมเองมักจะชอบดูความเป็นไปของหุ้น ถึงผมจะไม่ได้ซื้อหุ้นตัวนั้น ผมก็มักจะชอบดูว่าที่คนเค้ามองว่ามันจะขึ้นเพราะอย่างนั้้นอย่างนี้มันจริงหรือไม่และเราคิดอย่างไร เราหรือเค้าที่ผิดหรือถูก แต่อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือเราอย่าได้มีอคติเข้าข้างตัวเองครับ เช่นซื้อหุ้นแล้วมันขึ้นก็คิดว่าเราวิเคราะห์ถูก ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วหุ้นมันขึ้นกันทั้งตลาด ถ้าเราแยกแยะตรงนี้ไม่ได้ ไม่ยอมรับว่ามันเป็นเรื่องของความโชคดีเข้ามาเกี่ยวข้อง เราอาจจะหลงตัวเองได้ครับ
ประสบการณ์เป็นสิ่งที่ต้องเพาะบ่มครับ การได้คุยกับคนที่มีความรู้ก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ทำให้เรียนรู้ได้เร็วขึ้น แต่ก็อย่าให้เค้ามาครอบงำความคิดของเราเพียงเพราะเค้าประสบความสำเร็จมากกว่า หรือเพราะเค้ามีชื่อเสียง ฯลฯ
สุดท้ายถ้าเราลองแล้ว และให้เวลามากพอแล้วมันก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็มองว่าเราก็คงต้องยอมรับครับ ว่าจะลิมิตไว้แค่ไหน ซึ่งถ้าเราเชื่อเรื่องตลาดจะโตในระยะยาวและเรายังอยากลงทุนในหุ้น การซื้อกองทุนอิงดัชนีก็อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งครับ
ในส่วนของหุ้น TR จริงอยู่หุ้นมันถูกครับ ผมว่าหลาย ๆ คนก็อาจจะรู้สึกแบบนั้น แต่คุณรับได้ไหมถ้าคุณซื้อแล้วราคามันอาจจะลงไปอีกหรือไม่ไปไหน 1 ปี 2 ปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี คุณรับได้ไหมว่าได้หุ้นราคาถูกแต่ราคาไม่ไปไหน ผมเองไม่ได้ศึกษาหุ้นตัวนี้นะครับ มันอาจจะมีอะไรดี ๆ ก็ได้ครับ จริง ๆ หุ้นตัวนี้ผมเข้าใจว่าช่วงหนึ่งเคยมีช่วงที่ดีกับเค้าเหมือนกัน คุณลองไปดูในปี 2011 ดูครับ ว่าปีนั้นมันเกิดเหตุการณ์อะไรครับ บางทีการศึกษาประวัติของหุ้นมันก็พอจะบอกอะไรให้แก่เราได้ไม่มากก็น้อยครับ
ขอให้คุณโชคดีครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 336
เอาแบบ งักปุ๊กคุ้ง ในกระบี่เย้ยยุทธจักร ไหมครับ dr1 แบบว่าอยากเป็นหนึ่งในแผ่นดิน ฝึกคัมภีร์กระบี่พิชิตมาร แต่วิชานี้มีเคล็ดอยู่ว่าถ้าอยากฝึกสำเร็จ ต้อง "เฉือน" ความเป็นชายก่อนที่จะฝึกน่ะครับdr1 เขียน: "ศึกษาวิชามาร ฉีดเซรุ่มต้านพิษก่อน"(เด๋วBAD พิษ(ชื่อยังกะดารา)จาไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้านะฮะ เข้าหน้าร้อนพอดี เวลาไปหงิงๆแง่งๆใส่อ. จาได้ไม่ต้องระแวง ศึกษาวิชาเทพ(เทือก)มาพอแระ เอาวิชามารมั่งดีก่า)
"ระวังธาตุไฟแทรก" มะเปงไรฮะ ธาตุน้ำแตกมาเยอะ ธาตุไฟแทรกมั่งยังไหวอยู่
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 96
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 337
ผมนึกภาพคนหล่อๆเรียบร้อยแบบท่านมี"ความเงี่.."แล้ว ฟินฝุดๆ..(ผมช่วยแปล555) พี่หมอหนึ่งจินตนาการขนาดนั้นเลยเหรอครับนั่น ฮ่าาา..dr1 เขียน:ขอบคุณอ.lekyมั่กๆฮะ
"หุ้นถ้าไม่ซื้อ ไม่มีวันขาดทุน"(เจ๋งฮะ เจ๋งกว่า" ไม่ขายไม่ขาดทุน ")
Stockyesterday ที่อ.มาเล่าเรื่องหุ้นที่ขายไปแล้ว นึกได้อีก มาเติมเรื่อยๆนะฮะ
"ศึกษาวิชามาร ฉีดเซรุ่มต้านพิษก่อน"(เด๋วBAD พิษ(ชื่อยังกะดารา)จาไปฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้านะฮะ เข้าหน้าร้อนพอดี เวลาไปหงิงๆแง่งๆใส่อ. จาได้ไม่ต้องระแวง ศึกษาวิชาเทพ(เทือก)มาพอแระ เอาวิชามารมั่งดีก่า)
"ระวังธาตุไฟแทรก" มะเปงไรฮะ ธาตุน้ำแตกมาเยอะ ธาตุไฟแทรกมั่งยังไหวอยู่
ท่านaricaฮะ
ปกติวีไอระดับสุดยอดแบบอ.บัฟเฟต์ อ.ลิ้นช์เค้ามีคน คอยเขียนให้ฮะ
ผมว่าท่านนายกมีมุกกะข้อมูลเยอะ คงรอหลังลงตำแหน่งไม่ให้มีผลประโยชน์ทับซ้อนมั้ง
รึผมมั่วให้ดีมั้ย แค่อ.บอกชื่อหุ้น เอ๊ย..หลักการให้ผมก็พอ
ยังไม่ออกหนังสือ แค่อ.เอาตัวเข้าเป็นเหยื่อล่อ ให้คนมาสนใจแนววีไอมากขึ้น แค่นี้ก็มาตอมกันหึ่งแระ
(สำนวนพอได้มั้ยฮะ..พอก่อนดีก่า เด๋วนายกให้ใครเอาM150(เยอะกว่า79)มาเฝี้ยง เอ๊ยให้ แบบไม่มีลิมิต
ชีวิตเกินร้อย..)
ท่านGG!!!!(ผมนึกถึงgordon gekko แทนที่จะเป็น great grahamทู้กที)
ไอ้คำ"passion"เนี่ย อ.ประมูล อุณหธูป(คนแต่งเรื่องจันดารา ในชื่ออุษณา เพลิงธรรม)
ท่านแปลว่า"ความเงี่.."นะฮะ
ผมนึกภาพคนหล่อๆเรียบร้อยแบบท่านมีpassionแล้ว ฟินฝุดๆ..
ปล.อีกเว็บนึง เค้าเคาะกะลากันใหญ่ ว่าหุ้นโลกเขียวกว่าน่ะ "เสี่ยจ.วีไอ" เป็น ผถหญ.แร้ววว..
เค้าหมายถึงท่าน"เสี่ยจีจี"ป่าวฮะ ไปละ ...ฮี้ๆกั้บๆ....
ปล. เสี่ยจ. วีไอนี่ใครเหรอครับพี่หมอหนึ่ง ช่วยกระซิบบอกผมบ้างซิครับ แต่ราคาขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ผมขอเป็นตัวอื่นที่ยังไม่ขึ้นดีกว่าน่ะครับ ผมคงตามไม่ไหวแล้ว ณ.ราคานี้อ่ะ ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่นี่ ผมขอหลับกลางวันซะสอง สาม หลับ เอ้ยตื่นน!! ก่อนน่ะครับ
How not to be your own worst enemy
-
- Verified User
- โพสต์: 1258
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 338
ไม่รู้ว่า หุ้นโลกสวยกว่า ของท่านหมอ1 ใช่ตัวที่ผมคิดไว้หรือป่าว เข้าข่ายหุ้นสินทรัพย์มาก เห็นราคาขึ้นมาแล้ว แต่ยังต่ำกว่า book value หรือเปล่าครับGG เขียน:ผมนึกภาพคนหล่อๆเรียบร้อยแบบท่านมี"ความเงี่.."แล้ว ฟินฝุดๆ..(ผมช่วยแปล555) พี่หมอหนึ่งจินตนาการขนาดนั้นเลยเหรอครับนั่น ฮ่าาา..dr1 เขียน:ท่านGG!!!!(ผมนึกถึงgordon gekko แทนที่จะเป็น great grahamทู้กที)
ไอ้คำ"passion"เนี่ย อ.ประมูล อุณหธูป(คนแต่งเรื่องจันดารา ในชื่ออุษณา เพลิงธรรม)
ท่านแปลว่า"ความเงี่.."นะฮะ
ผมนึกภาพคนหล่อๆเรียบร้อยแบบท่านมีpassionแล้ว ฟินฝุดๆ..
ปล.อีกเว็บนึง เค้าเคาะกะลากันใหญ่ ว่าหุ้นโลกเขียวกว่าน่ะ "เสี่ยจ.วีไอ" เป็น ผถหญ.แร้ววว..
เค้าหมายถึงท่าน"เสี่ยจีจี"ป่าวฮะ ไปละ ...ฮี้ๆกั้บๆ....
ปล. เสี่ยจ. วีไอนี่ใครเหรอครับพี่หมอหนึ่ง ช่วยกระซิบบอกผมบ้างซิครับ แต่ราคาขึ้นมาขนาดนี้แล้ว ผมขอเป็นตัวอื่นที่ยังไม่ขึ้นดีกว่าน่ะครับ ผมคงตามไม่ไหวแล้ว ณ.ราคานี้อ่ะ ส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่นี่ ผมขอหลับกลางวันซะสอง สาม หลับ เอ้ยตื่นน!! ก่อนน่ะครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 339
อาาาฮ์.....อูยยย...เอื้อออฮฮ...
กระบี่วิชามารเพลงแรก ที่ท่านอาจารย์ร่ายรำ..ช่างแสบสันต์ แสบสันต์ ยิ่งนัก
ขอท่านอาจารย์ได้ละเว้นจอมยุทธมะเขือเผาถังเฉ้าถุยยย..อย่างข้า
มิต้องตัดท่อน้ำเลี้ยงเพื่อฝึกวิชาจากท่านด้วย ข้าจำต้องเก็บอาวุธลับปืนฉีดน้ำจุดสองห้อย
ไว้ยิงกระต่าย แลฝึกวิชามารหัวใจ(อ้ววกกก...)ในกาลหน้าต่อไป
อนึ่ง..จอมยุทธyy แห่งสำนักทิศอุดรพายัพ ได้ประจานท่านอาจารย์กะข้า
ให้เป็นที่จับตาศึกษาเพลงกระบี่มารในครานี้แก่บรรดาสมาชิกจอมยุทธทั่วแคว้นแดนวีไอ
ขอท่านอาจารย์อย่าได้รามือ.. เชิญบรรเลงงง..
เอิ่ม..ท่านkaiserฮะ
หุ้นโลกเขียวกว่าอีตัวนี้วันท่ีเข้าประชุมไม่มีใครถามถึงเลยมั้งฮะ
วันนี้โบรคเชียร์ว่ามันส้มหล่นจากไฟใหม้บ่อขยะน่ะฮะ
ปล.1 ผมมะมีหุ้น ไม่มีตังค์ซื้อแหล่ว..ไม่ได้ดูข้อมูลอาไรเล้ย..
ปล.2 ถ้าไทยวีไอเหมือนวัด หลักการลงทุนที่ถูกต้องก็คือ หลักธรรมคำสอน
หุ้นแจก ก็เหมือนพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด กำนันขิกฮะ เอาไว้เป็นกิมหมิก เรียกแขก(เจ๊ก ไทย หรั่ง..)
ปล.3 ว่าแต่ว่า ช่วยๆกันแจกหุ้นด้วยนะฮะ ลืมไปเลยว่าวันนั้นท่านkaiserแนะนำตัวนี้ป่าวหว่า...
กระบี่วิชามารเพลงแรก ที่ท่านอาจารย์ร่ายรำ..ช่างแสบสันต์ แสบสันต์ ยิ่งนัก
ขอท่านอาจารย์ได้ละเว้นจอมยุทธมะเขือเผาถังเฉ้าถุยยย..อย่างข้า
มิต้องตัดท่อน้ำเลี้ยงเพื่อฝึกวิชาจากท่านด้วย ข้าจำต้องเก็บอาวุธลับปืนฉีดน้ำจุดสองห้อย
ไว้ยิงกระต่าย แลฝึกวิชามารหัวใจ(อ้ววกกก...)ในกาลหน้าต่อไป
อนึ่ง..จอมยุทธyy แห่งสำนักทิศอุดรพายัพ ได้ประจานท่านอาจารย์กะข้า
ให้เป็นที่จับตาศึกษาเพลงกระบี่มารในครานี้แก่บรรดาสมาชิกจอมยุทธทั่วแคว้นแดนวีไอ
ขอท่านอาจารย์อย่าได้รามือ.. เชิญบรรเลงงง..
เอิ่ม..ท่านkaiserฮะ
หุ้นโลกเขียวกว่าอีตัวนี้วันท่ีเข้าประชุมไม่มีใครถามถึงเลยมั้งฮะ
วันนี้โบรคเชียร์ว่ามันส้มหล่นจากไฟใหม้บ่อขยะน่ะฮะ
ปล.1 ผมมะมีหุ้น ไม่มีตังค์ซื้อแหล่ว..ไม่ได้ดูข้อมูลอาไรเล้ย..
ปล.2 ถ้าไทยวีไอเหมือนวัด หลักการลงทุนที่ถูกต้องก็คือ หลักธรรมคำสอน
หุ้นแจก ก็เหมือนพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด กำนันขิกฮะ เอาไว้เป็นกิมหมิก เรียกแขก(เจ๊ก ไทย หรั่ง..)
ปล.3 ว่าแต่ว่า ช่วยๆกันแจกหุ้นด้วยนะฮะ ลืมไปเลยว่าวันนั้นท่านkaiserแนะนำตัวนี้ป่าวหว่า...
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 340
ผมเพิ่งรู้ว่าหุ้นโลกเขียวเป็นตัวไหน เคยดูเมื่อหลายปีก่อน แต่เห็นมีเรื่องฟ้องร้องกับชาวบ้านเลยไม่ได้ดูต่อ แต่เห็นฟรีโฟลทแล้วหวั่นจริง ๆ ครับ 91%dr1 เขียน: หุ้นโลกเขียวกว่าอีตัวนี้วันท่ีเข้าประชุมไม่มีใครถามถึงเลยมั้งฮะ
วันนี้โบรคเชียร์ว่ามันส้มหล่นจากไฟใหม้บ่อขยะน่ะฮะ
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 341
จริง ๆ เว็บแจกหุ้นมีเยอะนะครับ เท่าที่เคยเห็นก็อาจจะมีใครซักคนตั้งตนเป็นเจ้าสำนัก แจกหุ้น พร้อมเหตุผล สาวกก็มี ผมว่าเจ้าสำนักเองก็ต้องมีฝีมืออยู่บ้างเพราะไม่งั้นก็จะไม่มีสาวกคอยติดตาม บางสำนักเคยเห็นประมาณว่าอยากให้สาวกรวย ๆ กันถ้วนหน้าdr1 เขียน: ปล.2 ถ้าไทยวีไอเหมือนวัด หลักการลงทุนที่ถูกต้องก็คือ หลักธรรมคำสอน
หุ้นแจก ก็เหมือนพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด กำนันขิกฮะ เอาไว้เป็นกิมหมิก เรียกแขก(เจ๊ก ไทย หรั่ง..)
ปล.3 ว่าแต่ว่า ช่วยๆกันแจกหุ้นด้วยนะฮะ ลืมไปเลยว่าวันนั้นท่านkaiserแนะนำตัวนี้ป่าวหว่า...
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1258
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 342
ถ้าอาจารย์หมอหนึ่งไม่อธิบาย ก็ยังนึกไม่ออกว่าหุ้นโลกสวยกว่าคือตัวไหน บื้อจุงเบยเราเนี่ย สรุปว่าไม่ใช่ตัวที่ผมคิดไว้ตอนแรกdr1 เขียน:เอิ่ม..ท่านkaiserฮะ
หุ้นโลกเขียวกว่าอีตัวนี้วันท่ีเข้าประชุมไม่มีใครถามถึงเลยมั้งฮะ
วันนี้โบรคเชียร์ว่ามันส้มหล่นจากไฟใหม้บ่อขยะน่ะฮะ
ปล.1 ผมมะมีหุ้น ไม่มีตังค์ซื้อแหล่ว..ไม่ได้ดูข้อมูลอาไรเล้ย..
ปล.2 ถ้าไทยวีไอเหมือนวัด หลักการลงทุนที่ถูกต้องก็คือ หลักธรรมคำสอน
หุ้นแจก ก็เหมือนพระเครื่อง ผ้ายันต์ ตะกรุด กำนันขิกฮะ เอาไว้เป็นกิมหมิก เรียกแขก(เจ๊ก ไทย หรั่ง..)
ปล.3 ว่าแต่ว่า ช่วยๆกันแจกหุ้นด้วยนะฮะ ลืมไปเลยว่าวันนั้นท่านkaiserแนะนำตัวนี้ป่าวหว่า...
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 343
พอดีมีคนสงสัย ผมเลยขอขยายความตรงนี้หน่อยนะครับ อย่างที่บอกไปก่อนหน้านั้น ถ้าไม่เข้าใจมันจะกลายเป็นรับ "เมล็ดผลไม้พิษ" เข้าไปน่ะครับ
1) ที่ผมบอกว่าสกรีนหุ้นโดยเน้นพวกที่กำไรหรือขาดทุนมากกว่า 20% นั้น จริง ๆ เราควรสกรีนหุ้นทั้งหมดนะครับ ผมหมายถึง 500-600 ตัวนั้น (ถ้ามีเวลา) แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่มีความแตกต่างมาก ๆ เราจะให้ความสนใจเป็นพิเศษครับ เพราะบางครั้งหุ้นบางตัวมันก็ไม่ได้มาจากกลุ่มนี้ เช่น พวกที่เคยขาดทุนแล้วแนวโน้มมันดูดีขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจน หรือกำไรดีขึ้นแต่ไม่ชัดเจนมาก (ช่วงเริ่มต้น)
2) ถ้าผลประกอบการดีหรือแย่ ตรงนี้ต้องเข้าใจว่าเหมือนข้อสอบมันเฉลยออกมาแล้ว โดยผลประกอบการที่ออกมา แต่สิ่งที่ดีที่สุดในความคิดผมคือพยายามหาหุ้นที่น่าสนใจก่อนที่มันจะถูกเฉลยออกมา ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่าอาจจะเป็นข่าวทั่ว ๆ ไปหรือจากการสังเกตของเรา แต่ความยากมันก็จะมีแน่ครับ เพราะถ้าข้อมูลเราไม่ดีหรือเราเข้าใจผิดคิดไปเองว่าจะดีแล้วเออเอง ตรงนี้บางทีก็ต้องคุยกับ IR ด้วย เรื่องบางอย่างเราต้องพยายามดูที่ข้อเท็จจริง เพราะบางครั้งมันเป็นความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ ประมาณว่าเฮโลกันไปตายได้ เช่น เวลามีข่าวว่าน้ำมันปาล์มขาดตลาด หุ้นน้ำมันปาล์มมักจะวิ่งเอา ๆ เพราะเราคิดว่าบ.เหล่านี้ต้องกำไรดีแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงมันกลับสวนทางกัน เพราะช่วงที่มีปัญหาแบบนั้น บ.มักจะขาดวัตถุดิบ คือถึงแม้จะดูเหมือนมีโอกาสฟันกำไรได้มาก แต่พอไม่มีวัตถุดิบ ทุกอย่างมันก็จบครับ ถึงต่อให้มีวัตถุดิบก็ต้องซื้อแพงมาร์จิ้นแคบลง ดีไม่ดีจะขาดทุนด้วยซ้ำครับ ตรงนี้คือตัวอย่างของการตีความข้อมูลว่าต้องแม่นยำครับ
ในส่วนของบ.ที่เฉลยข้อสอบออกมาแล้วว่างบดูดีหรือแย่ ไม่ว่าจะขาใดก็ตาม ความยากมันก็ยังมีอยู่ครับ ถ้าเพิ่งเห็นเป็น Q แรก อันนี้มันจะยากตรงที่ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า กำไรหรือขาดทุนนั้นมันจะมีต่อใน Q ต่อ ๆ ไป เรียกได้ว่าทัศนวิสัยยังไม่ชัดเจน ยังสีเทา ๆ หรือยังดูคลุมเครือ ในขาที่บ.ขาดทุนเราคงต้องพยายามหาจุดที่มันจะเป็นจุดกลับตัว คือปัญหาจบ แต่ในขาของกำไรเราจะทำในทิศทางตรงข้ามคือ "ตาม" ถ้าตรงนั้นมันเป็นแค่จุดเริ่มต้น
ยิ่งถ้าเรื่องดี ๆ ชัดมาก หุ้นก็จะตอบสนองรุนแรง บางครั้งถ้าเราตามเข้าไป สิ่งที่ตามมาก็คือ MOS ลดลงไปทันทีครับ ในอีกมุมหนึ่งถ้าเรื่องที่ดีมันไม่ชัดเจนมาก แต่เราเลือกที่จะรอดูใน Q ต่อ ๆ ไป บางครั้งราคาหุ้นมันก็ขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ สุดท้าย MOS ก็ลดลงเช่นกัน นั่นแปลว่าโดยการมองแบบนี้ ถ้า MOS มันลดลง เราคงต้องยอมปล่อย "ทางใครทางมัน" รอหาหุ้นตัวใหม่ แต่ถ้าเราใจเย็น ๆ หลายครั้งมันก็มีอะไรดี ๆ ที่ไม่เสี่ยงมากหลุดมาให้เราจริง ๆ ครับ ผมเองก็เคยหลุดหุ้นไปเพราะขอรอดูครับ ล่าสุดก็คือ AYUD ตอนนั้นหุ้นอยู่ที่ 22 บาทกว่า ๆ คือผมมองว่า ภาพรวมของประกันภัยหลาย ๆ ตัวดูดีขึ้น AYUD เองถือหุ้นบ.ประกันชีวิตอยู่ด้วย 20% กว่า ๆ และมีแผนจะซื้อหุ้นเพิ่ม เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่เข้าใจการดูตัวเลขอุตสาหกรรมพวกนี้มากนัก และก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ากำไรที่บ.ทำได้ดีนั้นมาจากพอร์ตหุ้นในช่วงที่ตลาดดี ๆ หรือไม่ แล้วก็เรื่องคดีฟ้องร้องเรื่องเงินประกันตอนน้ำท่วมจะทำให้ต้องเพิ่มทุนหรือไม่ ก็เลยรอที่จะดูผลงานในช่วงที่ตลาดหุ้นแย่อีกซักหนึ่ง Q เพื่อดูผลงานการลงทุนของบ. สุดท้ายหุ้นขยับขึ้นไปก่อน พองบออกมาดีหุ้นก็ขยับขึ้นไปเกือบ 30 บาท
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ขอเอาตัวอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ตามข้างบนนี้ก็แล้วกันนะครับ เอาแบบชัด ๆ แล้วกันนะครับ จะได้เห็นภาพ หุ้น TPOLY ที่ผลการดำเนินงานใน Q3 ยังมีกำไรแต่ใน Q4 กลายเป็นขาดทุนมาก ก่อนหน้านี้บ.นี้เคยพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร พร้อมกับมีข่าวเรื่องโรงไฟฟ้าชีวมวล หุ้นเคยขึ้นไปแรง ๆ รับกับข่าวนี้ จะเห็นได้ว่าหลังจากงบออก บ.หลุดจาก SP หุ้นลงอย่างรุนแรง ติดลบไป 23%
จริง ๆ ผมเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกันนี้กับหุ้น LVT นะครับ กำไรอยู่ราว ๆ 30% เจองบออกมากำไรกลายเป็นขาดทุน กำไร 30% ของผมหายไปในวันเดียว เนื่องจากเปิดมาหุ้นลงไปฟลอร์ ผมถึงเคยบอกว่าพวกหุ้นรับเหมาเล็ก ๆ น้้นต้องติดตามใกล้ชิดครับ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างตามข้างบนนี้ครับ ในกรณีของ METCO คงต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่หลังจากข่าวออกหุ้นของบ.ขึ้นไป 30%
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ส่วนกรณีของ TMW นั้น ช่วงแรกบ.กำไรดีมาก จากผลิตภัณฑ์แมกนีเซียม ถ้าผมจำไม่ผิดหุ้นขึ้นจาก 10 บาทปลาย ๆ ไปที่ 50 กว่าบาท ก่อนที่กำไรจะค่อย ๆ หดลง หุ้นลงอย่างรุนแรงเนื่องจากนลท.ที่เข้าซื้อคาดหวังว่าบ.จะทำกำไรในระดับสูง ระหว่างที่หุ้นขึ้นไปผบห.ส่วนหนึ่งก็ขายหุ้นออก
ฉะนั้นการจะตีความข้อมูลต้องทำด้วยความระมัดระวังครับ
1) ที่ผมบอกว่าสกรีนหุ้นโดยเน้นพวกที่กำไรหรือขาดทุนมากกว่า 20% นั้น จริง ๆ เราควรสกรีนหุ้นทั้งหมดนะครับ ผมหมายถึง 500-600 ตัวนั้น (ถ้ามีเวลา) แต่ถ้าเป็นกลุ่มที่มีความแตกต่างมาก ๆ เราจะให้ความสนใจเป็นพิเศษครับ เพราะบางครั้งหุ้นบางตัวมันก็ไม่ได้มาจากกลุ่มนี้ เช่น พวกที่เคยขาดทุนแล้วแนวโน้มมันดูดีขึ้น แต่ยังไม่ชัดเจน หรือกำไรดีขึ้นแต่ไม่ชัดเจนมาก (ช่วงเริ่มต้น)
2) ถ้าผลประกอบการดีหรือแย่ ตรงนี้ต้องเข้าใจว่าเหมือนข้อสอบมันเฉลยออกมาแล้ว โดยผลประกอบการที่ออกมา แต่สิ่งที่ดีที่สุดในความคิดผมคือพยายามหาหุ้นที่น่าสนใจก่อนที่มันจะถูกเฉลยออกมา ซึ่งก็อย่างที่บอกไปว่าอาจจะเป็นข่าวทั่ว ๆ ไปหรือจากการสังเกตของเรา แต่ความยากมันก็จะมีแน่ครับ เพราะถ้าข้อมูลเราไม่ดีหรือเราเข้าใจผิดคิดไปเองว่าจะดีแล้วเออเอง ตรงนี้บางทีก็ต้องคุยกับ IR ด้วย เรื่องบางอย่างเราต้องพยายามดูที่ข้อเท็จจริง เพราะบางครั้งมันเป็นความเข้าใจผิดของคนส่วนใหญ่ ประมาณว่าเฮโลกันไปตายได้ เช่น เวลามีข่าวว่าน้ำมันปาล์มขาดตลาด หุ้นน้ำมันปาล์มมักจะวิ่งเอา ๆ เพราะเราคิดว่าบ.เหล่านี้ต้องกำไรดีแน่ ๆ แต่ในความเป็นจริงมันกลับสวนทางกัน เพราะช่วงที่มีปัญหาแบบนั้น บ.มักจะขาดวัตถุดิบ คือถึงแม้จะดูเหมือนมีโอกาสฟันกำไรได้มาก แต่พอไม่มีวัตถุดิบ ทุกอย่างมันก็จบครับ ถึงต่อให้มีวัตถุดิบก็ต้องซื้อแพงมาร์จิ้นแคบลง ดีไม่ดีจะขาดทุนด้วยซ้ำครับ ตรงนี้คือตัวอย่างของการตีความข้อมูลว่าต้องแม่นยำครับ
ในส่วนของบ.ที่เฉลยข้อสอบออกมาแล้วว่างบดูดีหรือแย่ ไม่ว่าจะขาใดก็ตาม ความยากมันก็ยังมีอยู่ครับ ถ้าเพิ่งเห็นเป็น Q แรก อันนี้มันจะยากตรงที่ เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า กำไรหรือขาดทุนนั้นมันจะมีต่อใน Q ต่อ ๆ ไป เรียกได้ว่าทัศนวิสัยยังไม่ชัดเจน ยังสีเทา ๆ หรือยังดูคลุมเครือ ในขาที่บ.ขาดทุนเราคงต้องพยายามหาจุดที่มันจะเป็นจุดกลับตัว คือปัญหาจบ แต่ในขาของกำไรเราจะทำในทิศทางตรงข้ามคือ "ตาม" ถ้าตรงนั้นมันเป็นแค่จุดเริ่มต้น
ยิ่งถ้าเรื่องดี ๆ ชัดมาก หุ้นก็จะตอบสนองรุนแรง บางครั้งถ้าเราตามเข้าไป สิ่งที่ตามมาก็คือ MOS ลดลงไปทันทีครับ ในอีกมุมหนึ่งถ้าเรื่องที่ดีมันไม่ชัดเจนมาก แต่เราเลือกที่จะรอดูใน Q ต่อ ๆ ไป บางครั้งราคาหุ้นมันก็ขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ สุดท้าย MOS ก็ลดลงเช่นกัน นั่นแปลว่าโดยการมองแบบนี้ ถ้า MOS มันลดลง เราคงต้องยอมปล่อย "ทางใครทางมัน" รอหาหุ้นตัวใหม่ แต่ถ้าเราใจเย็น ๆ หลายครั้งมันก็มีอะไรดี ๆ ที่ไม่เสี่ยงมากหลุดมาให้เราจริง ๆ ครับ ผมเองก็เคยหลุดหุ้นไปเพราะขอรอดูครับ ล่าสุดก็คือ AYUD ตอนนั้นหุ้นอยู่ที่ 22 บาทกว่า ๆ คือผมมองว่า ภาพรวมของประกันภัยหลาย ๆ ตัวดูดีขึ้น AYUD เองถือหุ้นบ.ประกันชีวิตอยู่ด้วย 20% กว่า ๆ และมีแผนจะซื้อหุ้นเพิ่ม เพียงแต่ตอนนั้นผมไม่เข้าใจการดูตัวเลขอุตสาหกรรมพวกนี้มากนัก และก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ากำไรที่บ.ทำได้ดีนั้นมาจากพอร์ตหุ้นในช่วงที่ตลาดดี ๆ หรือไม่ แล้วก็เรื่องคดีฟ้องร้องเรื่องเงินประกันตอนน้ำท่วมจะทำให้ต้องเพิ่มทุนหรือไม่ ก็เลยรอที่จะดูผลงานในช่วงที่ตลาดหุ้นแย่อีกซักหนึ่ง Q เพื่อดูผลงานการลงทุนของบ. สุดท้ายหุ้นขยับขึ้นไปก่อน พองบออกมาดีหุ้นก็ขยับขึ้นไปเกือบ 30 บาท
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=THleky เขียน: 1) ถ้าหุ้นกำไรดี ๆ แล้วอยู่ ๆ กำไรตกลงอย่างมากหรือแย่ถึงขนาดขาดทุน action ของตลาดคือ หุ้นลงอย่างรุนแรง
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ขอเอาตัวอย่างสด ๆ ร้อน ๆ ตามข้างบนนี้ก็แล้วกันนะครับ เอาแบบชัด ๆ แล้วกันนะครับ จะได้เห็นภาพ หุ้น TPOLY ที่ผลการดำเนินงานใน Q3 ยังมีกำไรแต่ใน Q4 กลายเป็นขาดทุนมาก ก่อนหน้านี้บ.นี้เคยพลิกจากขาดทุนเป็นกำไร พร้อมกับมีข่าวเรื่องโรงไฟฟ้าชีวมวล หุ้นเคยขึ้นไปแรง ๆ รับกับข่าวนี้ จะเห็นได้ว่าหลังจากงบออก บ.หลุดจาก SP หุ้นลงอย่างรุนแรง ติดลบไป 23%
จริง ๆ ผมเคยมีประสบการณ์แบบเดียวกันนี้กับหุ้น LVT นะครับ กำไรอยู่ราว ๆ 30% เจองบออกมากำไรกลายเป็นขาดทุน กำไร 30% ของผมหายไปในวันเดียว เนื่องจากเปิดมาหุ้นลงไปฟลอร์ ผมถึงเคยบอกว่าพวกหุ้นรับเหมาเล็ก ๆ น้้นต้องติดตามใกล้ชิดครับ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=THleky เขียน: 2) ถ้าหุ้นขาดทุนเรื้อรังแล้วอยู่ ๆ เริ่มมีกำไร หรือกำไรน้อย ๆ แล้วอยู่ ๆ กำไรโตมาก ๆ action ของตลาดคือ หุ้นขึ้นอย่างรุนแรงเช่นกัน
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างตามข้างบนนี้ครับ ในกรณีของ METCO คงต้องดูกันต่อไปว่าจะเป็นอย่างไรต่อ แต่หลังจากข่าวออกหุ้นของบ.ขึ้นไป 30%
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ส่วนกรณีของ TMW นั้น ช่วงแรกบ.กำไรดีมาก จากผลิตภัณฑ์แมกนีเซียม ถ้าผมจำไม่ผิดหุ้นขึ้นจาก 10 บาทปลาย ๆ ไปที่ 50 กว่าบาท ก่อนที่กำไรจะค่อย ๆ หดลง หุ้นลงอย่างรุนแรงเนื่องจากนลท.ที่เข้าซื้อคาดหวังว่าบ.จะทำกำไรในระดับสูง ระหว่างที่หุ้นขึ้นไปผบห.ส่วนหนึ่งก็ขายหุ้นออก
ฉะนั้นการจะตีความข้อมูลต้องทำด้วยความระมัดระวังครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 344
ขอบคุณ จารย์หมอเล็กมากครับกับความรู้ที่ถ่ายทอดให้ เป็นกรณีศึกษาครับ
อีกสักเคสได้มั๊ยครับ กรณี L&E คุณหมอมองว่าอะไรเป็นตัวเร่งครับ หรือตัวฉุดครับ
อีกสักเคสได้มั๊ยครับ กรณี L&E คุณหมอมองว่าอะไรเป็นตัวเร่งครับ หรือตัวฉุดครับ
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 345
ถ้าจะดู L&E คงต้องแยกมองเป็นสองเรื่องครับNevercry.boy เขียน:ขอบคุณ จารย์หมอเล็กมากครับกับความรู้ที่ถ่ายทอดให้ เป็นกรณีศึกษาครับ
อีกสักเคสได้มั๊ยครับ กรณี L&E คุณหมอมองว่าอะไรเป็นตัวเร่งครับ หรือตัวฉุดครับ
1) LED
2) L&E
ที่ผมต้องแยกเป็นสองเรื่อง เพราะมันมีความสัมพันธ์กัน แต่ไม่ได้แปลว่ามันจะต้องไปด้วยกันทั้งหมดครับ
ในกรณีของ LED จะว่าไปมันเป็น megatrend ของการประหยัดพลังงานครับ แต่คนในตลาดหุ้นไม่ค่อยมีคนพูดถึง อาจจะเพราะมีบ.ที่เกี่ยวข้องในตลาดน้อยมาก ในแง่ของ LED ตามข้อมูลที่ได้มานั้นในอีก 3-5 ปีข้างหน้ามันจะเติบโตแน่นอนครับ ตามความต้องการประหยัดพลังงาน ซึ่งตัวเลขผมจำไม่ได้ แต่เคยโพสต์ไว้ในห้อง L&E ไว้ ยิ่งในญี่ปุ่นจะโตเร็วมากเพราะปัญหาขาดแคลนพลังงานนับแต่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีปัญหา เพียงแต่ตอนนี้เราคงยังไม่ค่อยรู้สึกเท่าไหร่ เนื่องจากราคาหลอด LED ถ้าจะมาใช้แทนไฟบ้านแบบเดิม ยังราคาสูงอยู่มาก ทำให้ยังไม่นิยมครับ แต่สิ่งที่ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงก็คือ ในโฮมโปรเริ่มเห็นมีสินค้าพวกนี้วางขายมากขึ้น มีโปรโมชั่น ถ้าเทียบกับต้นปีที่แล้วจะมีน้อยกว่ามาก แต่ถ้าเป็นการใช้ไฟฟ้าในโรงงานหรือตึกใหญ่ ๆ ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้จะเห็นมากกว่า เพราะหลายแห่งมีการเปลี่ยนจากหลอดไฟเดิมมาเป็น LED ตึกที่วางระบบไฟฟ้าใหม่ ๆ ก็จะเลือกเป็น LED เป็นส่วนใหญ่ แม้แต่การไฟฟ้าก็มีโครงการเปลี่ยนไฟถนนเป็น LED ครับ เพราะประหยัดพลังงานไฟฟ้ามากกว่าหลอดไฟแบบเดิมมากทีเดียวครับ เท่าที่ทราบมารัฐเองก็มีโครงการสนับสนุนเงินตรงนี้ด้วยนะครับ คือผมมองว่าในแง่ของการใช้ในเชิงอุตสาหกรรมคงเห็นชัดเจนก่อน ส่วนในแง่ผู้บริโภคทั่วไปคงต้องอีกซักระยะครับ แต่ถึงตอนนั้นก็คงมีการส่งเสริมจากรัฐทั้งในแง่หลอดราคาถูก ฯลฯ เหมือนเมื่อครั้งที่รัฐส่งเสริมหลอดไฟฟ้าแบบตะเกียบและหลอดประหยัดพลังงานแบบอื่น ๆ ครับ แต่ถ้าการขยายของ LED อิ่มตัวเมื่อไหร่มันก็คงจะค่อนข้างนิ่งเลยครับ เพราะอายุหลอดมันยาวกว่าหลอดแบบเดิมมากครับ สรุปแล้วตรง LED แนวโน้มโตขึ้นแน่นอน เริ่มจากในกลุ่มอุตสาหกรรมก่อนจะมาถึงกลุ่มผู้บริโภคทั่ว ๆ ไป และในอนาคตน่าจะมีราคาถูกลง มีมาตรการรัฐสนับสนุนครับ
ในส่วนของ L&E เดิมทีเดียวต้องบอกก่อนว่าตอนที่ผมเข้ามาซื้อหุ้นตัวนี้เมื่อ 2 ปีก่อนนั้น เรื่อง LED ยังไม่ได้ถูกพูดถึงมากนัก เพียงแต่ตอนนั้นผมมองว่าหุ้นตัวนี้ราคาไม่แพงนัก เงินปันผลใช้ได้ กำไรโตสม่ำเสมอ จะว่าไปช่วงปีแรกผมซื้อเป็น L&E-W2 ด้วยซ้ำครับ ตอนนั้นที่เลือก W เพราะผมมองว่า เป็น W ที่มีความเสี่ยงน้อย (มุมมองผม) เนื่องจากราคาใช้สิทธิ์ 7.4 บาท ราคาในกระดานอยู่แถว ๆ 1.7-1.9 บาท ส่วนราคาของหุ้นแม่ก็ราว ๆ 9 บาทกว่า ๆ ค่าพรีเมี่ยมติดลบถึงบวกเล็กน้อย ผมสามารถใช้เงินเพียง 1.7-1.9 บาท แต่ได้การเคลื่อนไหวตามหุ้นแม่ เช่นหุ้นแม่บวก 1 บาท ลูกก็บวกหนึ่งบาท มองในแง่ความเสี่ยงขาลงถูกจำกัดด้วยเงิน 1.8 บาท ตรงนี้อย่ามองเป็น%ให้มองเป็นจำนวนเงิน เพราะถ้ามองเป็น % เมื่อไหร่เราจะรู้สึกว่ามันเสี่ยงมาก แต่ขาขึ้น ๆ ได้ไม่มีลิมิต แต่วิธีนี้ต้องเข้าใจว่าต้องซื้อ W เท่ากับจำนวนหุ้นแม่ที่ต้องการเท่านั้น อยากได้หุ้นแม่กี่หุ้นก็ซื้อ W จำนวนเท่านั้นครับ เราก็จะเหลือเงินอีก 7 บาทกว่า ๆ ไปลงทุนหุ้นตัวอื่นครับ เช่น ถ้าซื้อแม่ราคา 9 บาท 1,000 หุ้น ใช้เงิน 9,000 บาท แต่ถ้าซื้อลูก 1,000 หุ้น ราคา 1.8 บาทแทน ใช้เงินเพียง 1,800 บาท ขอย้ำว่าต้องซื้อเท่าหุ้นแม่ในจำนวนที่ต้องการนะครับ เพราะถ้าเอาเงิน 9,000 บาท ไปจัดเต็มที่ W นั่นแปลว่าเรากำลังเอาขาหนึ่งข้างแหย่เข้าไปที่ความหายนะแล้วครับ ที่ผมทำแบบนี้มันมีเหตุผลครับ การเข้าไปลงทุนอะไรก็ตามต้องมองที่ความเสี่ยงเสมอ โดยเฉพาะกรณี worse case ในกรณีนี้ W มีอายุ ถ้าผมวิเคราะห์ผิดพลาดจนถึงวันที่ W นั้นหมดอายุ ถ้าผมต้องแปลง W เป็นแม่ผมก็แค่เอาเงินที่เดิมไม่ได้เอามาซื้อแม่ที่ 7 บาทกว่า ๆ ออกมาแปลงเพิ่มเติม แบบนี้เราจะไม่เสี่ยงครับ แต่ถ้าจัดเต็มแบบกรณีข้างบน แบบนี้เราอาจจะไม่มีเงินเอามาแปลงครับ เพราะเงิน 9,000 บาทของเราจะได้ W มา 5,000 หุ้น ต้องใช้เงินแปลงมากกว่าเดิมอีก 4 เท่าตัว นอกจากนั้นการที่ค่าพรีเมี่ยมติดลบถึงบวกเล็กน้อยตรงนี้ทำให้ลดความเสี่ยงลงอีกทางหนึ่งครับ ข้อเสียคือไม่ได้เงินปันผลและไม่มีสิทธิ์เข้าประชุมผถห.
กลับมาเข้าเรื่องดีกว่าครับ ดันนอกเรื่องไปซะยาว
จะว่าไปรายได้หลักของเค้าคืองานโครงการครับ ซึ่งเป็นเจ้าใหญ่ แต่งานโครงการมันก็มีความเสี่ยงคือมันอิงกับภาวะเศรษฐกิจครับ ทีนี้ผบห.เค้ามีวิสัยทัศน์เรื่องแนวโน้มของ LED จึงเริ่มสร้างโรงงานเมื่อหลายปีก่อน สิ่งที่ตามมาก็คือเมื่อเทรนด์มันมา ลูกค้าเค้าอยากได้หลอดไฟประหยัดพลังงาน ของใหม่มาร์จิ้นย่อมสูงขึ้นกว่าแบบเก่า ตราบใดที่มันยังไม่อิ่มตัวและแข่งขันกันรุนแรงเกินไป ผมว่ามาร์จิ้นตรงนี้น่าจะดีอยู่อีกซักระยะครับ เพราะบ.เค้าก็มีแนวโน้มจะเพิ่มสัดส่วนสินค้าตรงนี้ ผมมองว่าถ้าเค้าจะเพิ่มงานโครงการแบบก้าวกระโดดคงต้องไปบุกตลาดต่างประเทศครับ แต่เรื่องนี้เค้ายังเก็บไว้เป็นเรื่องรองจากการบุกโมเดิร์นเทรดครับ ฉะนั้นในส่วนของงานโครงการ ผมมองว่าคงไม่ได้โตแบบก้าวกระโดดมาก ๆ แต่ถ้าเป็นระดับ 15% ก็พอไหวครับ แต่อาศัยว่าได้มาร์จิ้นที่ดีขึ้นจากสินค้า LED ที่จะมีสัดส่วนมากขึ้น แต่ถ้าจะก้าวกระโดดต้องบุกตลาดต่างประเทศครับ เพราะฝีมือของบ.นี้ก็ได้รับการยอมรับ ตึกห้างใหญ่ ๆ ในไทยก็ฝีมือเค้าทั้งนั้นครับ ส่วนตัวฉุดสำหรับงานโครงการนั้น แน่นอนครับ ถ้าการเมืองลากยาวจนมีผลต่อเศรษฐกิจอันนี้ก็คงมีผลต่อรายได้ครับ บ.เคยบอกว่าตั้งแต่ตั้งบ.มาเคยขาดทุนแค่ปีเดียวคือตอนวิกฤติปี 40 บ.เลือกที่จะไม่ปลดคนงานครับ
คุณ NB ถามผมเรื่องตัวเร่งและตัวฉุด
ในส่วนของตัวเร่งนอกจากสินค้า LED ที่มาร์จิ้นสูงกว่าแล้ว ตัวเร่งที่ไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานได้ถูกนำมาใช้และทำงานไปเรียบร้อยแล้วแต่ผมคิดว่า effect อาจจะยังหลงเหลืออยู่จนกว่าจะถึงวันที่ติด XA ไม่ว่าจะเป็นการแตกพาร์ แจก W แจกหุ้นปันผล ถือว่าเป็น "สูตรยาแรง" เอาการทีเดียว ผมเองก็ไม่คิดว่าบ.จะใช้วิธีการหลายแบบ ๆ นี้นะครับ นี่ยังไม่นับว่าจะย้ายหุ้นจาก MAI ไป SET อีก จะเห็นได้ว่านับแต่วันที่ข่าวนี้ออกมาหุ้นขึ้นจาก 22 บาทมาที่ 36 บาท ในระยะเวลาไม่นานนัก โอเคครับ ถ้าใครไม่มีหุ้น MOS มันต้องลดลงมากแน่นอนครับ และก็ต้องเข้าใจด้วยว่าหลัง XA หุ้นก็อาจจะลงแรงได้เหมือนกัน แต่สำหรับคนที่มีหุ้น ก็คงไชโยเช่นกันครับ จะว่าไปในการประชุมผถห.ปีก่อน ก็เคยเสนอเรื่องพวกนี้เค้าไปนะครับ เช่นถ้าต้องเพิ่มทุนแบบไม่รีบ ขอให้เป็นแจก W แทนการเพิ่มทุนแบบปกติ เพราะถึงแม้จะเป็นการเพิ่มทุนเหมือนกัน แต่ action ของตลาดไม่เหมือนกันและยังเป็นไปในทิศทางตรงข้ามกันด้วยครับ เพิ่มทุนแบบปกติข่าวออกหุ้นลง ยิ่งสัดส่วนมากยิ่งลง ส่วนแจก W หุ้นปันผล หุ้นขึ้น ส่วนเรื่องข่าวการเอายาแรงมาใช้ จริง ๆ บ.เค้าก็แพลม ๆ กับทางสื่อมาตั้งนานแล้วครับ ว่าการประชุมผถห.ในปีนี้จะได้ข้อสรุป ผมถึงบอกว่าเรื่องบางเรื่องมันก็ไม่ใช่อินไซด์ครับ เพียงแต่ตลาดมองข้ามไปครับ มีคนรู้จักเคยสนใจหุ้นตัวนี้ มาบ่นว่าตั้งซื้อไม่ได้เพราะขาดสภาพคล่อง ตอนนั้นก็บอกเค้าไปว่าหุ้นตัวนี้โดยธรรมชาติจะเป็นแบบนี้ บางครั้งต่อราคามากก็ไม่ได้หุ้น ตอนนั้นก็เตือน ๆ ไปเหมือนกันครับ เรื่องว่าอาจจะมี "ยาแรง" จากบ. ฉะนั้นอย่าต่อราคานาน สุดท้ายเลยตกรถครับ
มาต่อครับ
จริง ๆ เรื่องการขยายตลาดไปโมเดิร์นเทรดนั้น ในความเห็นผมเป็นได้ทั้งตัวเร่งและตัวฉุดครับ ต้อง monitor ให้ดี ๆ ครับ แต่เหมือนบ.เค้าก็รู้และก็ระวังอยู่นะครับ
ที่ว่าเป็นตัวเร่งเพราะอะไร จะว่าไปตอนนี้ถ้าอ่านจากข้างบน ต้องเข้าใจว่าหลอดไฟ LED ในตลาดผู้บริโภคทั่วไปมันเป็นแค่ระยะเริ่มต้นเท่านั้นครับ นั่นแปลว่าในเค้กชิ้นใหญ่นั้น ขอเพียงบ.ได้ส่วนแบ่งมาบ้างแค่เล็กน้อย แต่ถ้าเค้กมันชิ้นใหญ่มากมันก็เพิ่มรายได้และกำไรได้มากครับ นั่นแปลว่าบ.ต้องวาง status ตัวเองให้ดีครับ อย่าได้คิดไปแข่งกับรายใหญ่ระดับโลกแบบพวกฟิลิปส์ครับ ถ้าคิดแบบนั้นเตรียมตัวตายได้เลย และผมคงจะไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะแบรนด์ มูลค่าการตลาดกับกำลังการผลิตมันสู้กันไม่ได้อยู่แล้วครับ แต่ถ้าประคองตัวให้พออยู่รอดได้ผมว่าแบบนั้นก็โอเคครับ ควบคุมค่าใช้จ่าย สต๊อกสินค้าให้ดี ๆ นอกจากนั้นการเพิ่มช่องทางสินค้าก็ทำให้เกิด economy of scale ของบ.ด้วยครับ
จริง ๆ มันเคยมีกรณีศึกษาแบบคล้าย ๆ กันนี้ในหุ้นของ TMI ครับ เมื่อสองปีก่อน TMI เริ่มบุกโมเดิร์นเทรดอย่างจริงจังตามการขยายสาขาของไทวัสดุ ในตอนนั้นผลประกอบการออกมาดีขึ้นมาก ถ้าจำไม่ผิดราคาหุ้นจะอยู่ที่ราว ๆ 1.1-1.2 บาท หลังจากนั้นหุ้นก็วิ่งแรง ๆ ขึ้นไปราว ๆ 30% ครับ ก่อนจะมาต่อด้วยการแจก W สุดท้ายไปจบที่ 3 บาทกว่า เป็นหุ้นตัวหนึ่งที่ผมเสียดายพอควรเพราะซื้อไว้น้อยมากเพราะเงินหมดครับ แต่เงินไปจมกับหุ้นบางตัวที่ไม่ค่อยสร้างกำไรเท่าไหร่ แถมโดดออกก่อนตั้งแต่ตอนที่มันขึ้นมาใหม่ ๆ แต่ตอนหลังผมไม่ได้ติดตามต่อครับ เลยไม่ทราบว่าทำไมตอนหลังกำไรถึงตกลง แต่คิดว่ากำไรที่ดูโตขึ้นมากในตอนแรกอาจจะเป็นการวางสินค้าในช่วงแรก ๆ ที่อาจจะเหมือนมีการขายสินค้าล็อตใหญ่ออกไปครับ ลองดูตามข้างล่างนี่ครับ
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
http://www.set.or.th/set/newsdetails.do ... country=TH
ทีนี้ลองมามองมุมที่ผมคิดว่าจะเป็นตัวฉุดบ้าง ก่อนอื่นต้องยอมรับก่อนครับว่าแบรนด์ L&E เองไม่ใช่แบรนด์ใหญ่ที่คนรู้จัก สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือบ.จะต้องมีการประชาสัมพันธ์ซึ่งต้องใช้งบพอสมควร ยังไม่นับว่าจะต้องมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ตามมาอีกมาก การที่จะต้องสต๊อกสินค้ามากขึ้น และยังจะต้องเผื่อว่าถ้าสินค้าขายไม่ออก ล้าสมัยก็จะต้องมีการจัดการกับสินค้าเหล่านี้เพิ่มขึ้น รวมถึงอาจจะต้องใช้โปรโมชั่นลดราคาเพื่อสู้กับแบรนด์ใหญ่ ตรงนี้ถ้าบริหารจัดการไม่ดี ในความเห็นผมจากตัวเร่งมันสามารถกลายเป็นตัวฉุดได้อย่างสบายครับ ยิ่งเป็นบ.เล็ก ๆ ผลกระทบตรงนี้ถ้าเกิดขึ้นมันจะรุนแรงครับ นั่นแปลว่าจะต้องมีการ monitor เรื่องราวตรงนี้ให้ดีครับ ตอนประชุมผถห.เคยเตือนทางบ.ไปแล้วว่าควรจะต้องระวังไว้มาก ๆ ถ้าทำท่าจะเจ็บตัวก็อย่าให้เจ็บมากจนเสียหายหนักครับ บ.เค้าก็รับปากว่าเค้าจะระวังตรงนี้ครับ
ในส่วนของคนที่ไม่มีหุ้นหรือเพิ่งเข้ามาซื้อหุ้น ต้องเข้าใจก่อนว่าราคาหุ้น ณ วันนี้ได้รับผลจากตัวเร่งบางอย่างเข้าไปแล้วและรวมความคาดหวังในเรื่องเหล่านี้เข้าไปด้วย MOS มันย่อมลดลงครับ ราคาหุ้นสร้าง new high แบบนี้ต้องระวังครับ เพราะถ้าไม่เป็นอย่างที่หวัง action ของนลท.ก็จะรุนแรงได้เช่นกันครับ (แบบเดียวกับ TMW)
ที่อธิบายยืดยาวเพราะอยากให้เห็นเห็นภาพที่ชัดเจนครับ ส่วนหนึ่งเป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งก็เป็นความเห็นของผม ออกตัวก่อนว่าไม่ได้ต้องการโฆษณาหุ้นนะครับ เพราะปกติจะไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องหุ้นที่ยังถืออยู่น่ะครับ เพราะไม่อยากมีส่วนได้ส่วนเสียอะไร แต่ถ้ามีคนอยากทราบผมก็ยินดีจะเล่าแบบไม่กั๊กอะไรเช่นกันครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 347
ขอบคุณท่านผู้นำ
ผมขอ ศึกษาท่วงท่า วรยุทธ์ ของท่านผู้นำ
เผื่อสักวันหนึ่ง จะได้สู้รบเคียงบ่าเคียงใหล่ ท่านผู้นำ พี่หมอ leky ครับ
ชอบเรื่อง warrant เหมือนกัน เหมือนเคยอ่าน บทความของ อ.โจ มารอบนึง
อ่านของ พี่หมอ leky แล้วกระจ่างชัดมากขึ้นครับ
ไว้จะลองไปปฏิบัติดู แล้วจะมาแจ้งผลนะครับ
(ช่วงนี้ warrant ในตลาดเพียบเลย หลังจากผ่านตลาด Super กระทิง ที่แข่งกันเพิ่มทุน+ออก warrant)
ผมขอ ศึกษาท่วงท่า วรยุทธ์ ของท่านผู้นำ
เผื่อสักวันหนึ่ง จะได้สู้รบเคียงบ่าเคียงใหล่ ท่านผู้นำ พี่หมอ leky ครับ
ชอบเรื่อง warrant เหมือนกัน เหมือนเคยอ่าน บทความของ อ.โจ มารอบนึง
อ่านของ พี่หมอ leky แล้วกระจ่างชัดมากขึ้นครับ
ไว้จะลองไปปฏิบัติดู แล้วจะมาแจ้งผลนะครับ
(ช่วงนี้ warrant ในตลาดเพียบเลย หลังจากผ่านตลาด Super กระทิง ที่แข่งกันเพิ่มทุน+ออก warrant)
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 349
ขอเตือนจากใจจริงนะครับว่า warrant ที่ซื้อได้มีอยู่ไม่มากนะครับ และน่าจะกว่าครึ่งควรหลีกเลี่ยงนะครับkongkiti เขียน:ขอบคุณท่านผู้นำ
ผมขอ ศึกษาท่วงท่า วรยุทธ์ ของท่านผู้นำ
เผื่อสักวันหนึ่ง จะได้สู้รบเคียงบ่าเคียงใหล่ ท่านผู้นำ พี่หมอ leky ครับ
ชอบเรื่อง warrant เหมือนกัน เหมือนเคยอ่าน บทความของ อ.โจ มารอบนึง
อ่านของ พี่หมอ leky แล้วกระจ่างชัดมากขึ้นครับ
ไว้จะลองไปปฏิบัติดู แล้วจะมาแจ้งผลนะครับ
(ช่วงนี้ warrant ในตลาดเพียบเลย หลังจากผ่านตลาด Super กระทิง ที่แข่งกันเพิ่มทุน+ออก warrant)
เหมือนอาวุธอานุภาพสูง แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มีอันตรายกับคนใช้เหมือนกันครับ
มี key อยู่สองอย่างที่ควรหลีกหนี W ประเภทนี้ให้ห่าง คือ
1) ใกล้หมดอายุ
2) ค่าพรีเมี่ยมเป็นบวกมาก ๆ
ที่สำคัญคือการซื้อโดยที่ไม่เผื่อกรณี worse case คือ W หมดอายุ แล้วไม่มีปัญญาหาเงินมาแปลง เพราะสิ่งที่จะตามมาก็คือ ต้องทิ้ง W ออกไปทุกราคาเพื่อแลกกับการไม่เป็นกระดาษเปล่า
สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับ W อันหนึ่งก็คือ การซิลลิ่งหรือฟลอร์ของมันอิงตามราคาหุ้นแม่ครับ
สมมติหุ้นแม่ราคา 10 บาท ซิลลิ่งหรือฟลอร์คือบวกหรือลบ 3 บาท ถ้า W มีราคาใช้สิทธิ์ 5 บาท สมมติว่า W ในกระดานราคา 5 บาท ซิลลิ่งหรือฟลอร์ของ W ตัวนี้ก็คือบวกหรือลบ 3 บาท จะเห็นว่ามันเหมือนอาวุธที่มีอำนาจทำลายล้างสูงครับ แต่ถ้าพลาดคนใช้ก็ถึงตายได้เช่นกันครับ ฉะนั้นถ้าคิดจะใช้โปรดใช้ด้วยความระมัดระวังครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 350
ขอบคุณ อ.หมอเล็ก มากครับ ได้ทั้งความรู้เรื่องตัวเร่งและตัวฉุด บวกกับ วอร์ ด้วย
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/
-
- Verified User
- โพสต์: 842
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 351
อาาาฮฮ์...(ฟินนน....)
เพลงกระบี่มารที่สองของท่านอาจารย์ ว่าด้วยวอร์แร้นท์ ช่างล้ำลึก ล้ำลึก..ยิ่งนัก
ขอท่านอาจารย์อย่าได้ยั้งมือ บรรเลงเพลงสาม
ว่าด้วยฟูทัวร์(future) แลอ๊อปติอ้อนส์(options)
ให้ศิษย์สูงวัย(ส.ว.) ที่เฝ้าเพียรเลือก(ให้มัน)ตั้ง แต่มันดันนอนห้อย (อีกหน่อยคงเป็นVI(agra))อย่างข้า
แลเหล่าจอมยุทธทั่วแคว้นสารทิศ ที่ได้มาซุ่มตัว ได้เห็นเป็นบุญตาครานี้ด้วยเทอญ
ฟาดไฝว้(fight)ลงมา อย่าได้ปราณี..
เพลงกระบี่มารที่สองของท่านอาจารย์ ว่าด้วยวอร์แร้นท์ ช่างล้ำลึก ล้ำลึก..ยิ่งนัก
ขอท่านอาจารย์อย่าได้ยั้งมือ บรรเลงเพลงสาม
ว่าด้วยฟูทัวร์(future) แลอ๊อปติอ้อนส์(options)
ให้ศิษย์สูงวัย(ส.ว.) ที่เฝ้าเพียรเลือก(ให้มัน)ตั้ง แต่มันดันนอนห้อย (อีกหน่อยคงเป็นVI(agra))อย่างข้า
แลเหล่าจอมยุทธทั่วแคว้นสารทิศ ที่ได้มาซุ่มตัว ได้เห็นเป็นบุญตาครานี้ด้วยเทอญ
ฟาดไฝว้(fight)ลงมา อย่าได้ปราณี..
samatah
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 352
ยอมรับอย่างไม่อายเลยครับ ว่าไม่เคยอ่านเรื่องพวกนั้นเลยครับ ตอนมันออกมาใหม่ ๆ เคยเหมือนจะอยากรู้ แต่มานั่งคิดอีกที เรารู้สึกเหมือนมันเป็นการพนันเกินไปหรือเปล่า คนที่ถนัดเรื่องพวกนี้อย่าได้เคืองนะครับ เรื่อง DW ก็เหมือนกันครับ ยอมรับว่าไม่เคยศึกษาเหมือนกันครับ ในสมองว่างเปล่าเลยdr1 เขียน: ว่าด้วยฟูทัวร์(future) แลอ๊อปติอ้อนส์(options)
แต่ W ผมยังมองว่ามันยังมีประโยชน์อยู่ครับ ถ้ารู้จักเลือกครับ เพราะเท่าที่เคยคุยกับหลายคน พอเค้าเห็นว่าเป็น W ก็จะโดนตีตราทันทีว่า "เสี่ยง" บ้าง "เดี๋ยวกลายเป็นกระดาษเปล่า" บ้าง ซึ่งมันก็จริงส่วนหนึ่ง แต่ในบางมุมมันก็ไม่ใช่ครับ
อย่างกรณีตัวอย่างที่ผมบอกเรื่อง L&E-W2 นั้น ถ้าราคา 1.8 บาท หุ้นแม่ 9 บาท ที่ผมบอกว่าให้มองเป็น "ตัวเงิน" อย่ามองเป็น % เพราะอะไร ลองดูตามข้างล่างครับ
1) L&E-W2 จาก 1.8 ลงเหลือ 0.9 เช็ดดดด..... ลงมา 50% แล้ว cut cut cut ด่วน แต่ถ้าเป็น L&E 9 บาท ลงมา 8.1 เอ้อ ไม่เห็นมีอะไร แค่น้ำกระเพื่อมนิดหน่อย ลงมา 10% ใครจะบ้า cut ลองมองดูนะครับ มูลค่าหายไป 0.9 บาท "เท่ากัน" แต่ทำไมความตื่นเต้นมันต่างกัน ที่มันรู้สึกต่างกันเพราะเราไปมองเป็น % ไงครับ
2) L&E-W2 หมดอายุกลายเป็นกระดาษเปล่า มูลค่ากลายเป็น 0 ขาดทุน 1.8 บาท ขาดทุน 100% แล้ว ไม่มีมากไปกว่านี้ แต่จริง ๆ ถ้าเตรียมเอาเงินมาแปลงอยู่แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ L&E 9 บาท ลงมาเหลือ 6.5 บาท ติดลบไป 2.5 บาท ขาดทุนไป 28% ไม่เป็นไร ถือไปก่อน จริง ๆ สิ่งที่เราเห็นมันใช่หรือครับ
ผมต้องการแสดงให้เห็นว่า บางครั้ง มุมมองบางเรื่อง สมองมันก็หลอกเราได้เหมือนกันครับ
"แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สิ่งสำคัญก็คือ อย่าลืมสิ่งที่ผมเน้นไปครับ ถ้าเราซื้อเท่าจำนวนหุ้นแม่ที่เราอยากได้ เราจะมองแบบข้างบนได้แบบสบาย ๆ ครับ แต่ถ้าจัดเต็มแบบกะรวย แบบนี้ขาข้างหนึ่งเหยียบไปบนความหายนะครับ ถ้าไม่พลาดก็รวย แต่ถ้าพลาดก็หายนะเต็มตัวเต็มรูปแบบครับ"
"Become a risk taker, not a risk maker"
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 353
อ่านมาถึงตรงนี้ ชักหวั่น ๆ แล้วครับ กลัวว่าที่ "ร่ายรำ" อยู่มันจะไม่ใช่สุดยอดวิชา แต่จะกลายเป็น "ปาหี่" น่ะสิครับdr1 เขียน: แลเหล่าจอมยุทธทั่วแคว้นสารทิศ ที่ได้มาซุ่มตัว ได้เห็นเป็นบุญตาครานี้ด้วยเทอญ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 354
ขอบคุณสำหรับ เคล็ดวิชาทั้ง 2 ประการ ครับมี key อยู่สองอย่างที่ควรหลีกหนี W ประเภทนี้ให้ห่าง คือ
1) ใกล้หมดอายุ
2) ค่าพรีเมี่ยมเป็นบวกมาก ๆ
(กลัวจำสลับจุงเบย แบบนี้คือ W ที่ไม่ดีนะ )
และ ไหนๆ ก็เสวนากัน ถึง วอแรนท์กันแล้ว
ผมเลยนึกถึงคัมภีร์ยุทธ์ เล่มหนึ่ง ซึ่งผมชื่นชอบมาก
นั่นก็คือ You Can Be a Stock Market Genius ของ ซือแป๋กรีนบลา
http://www.amazon.com/You-Can-Stock-Mar ... B0043RSJB8
วิชาในคัมภีร์นั้นล้ำลึก สุดพรรณนา
ผมเคยลองเอามาใช้ กลับพบว่าใช้ไม่ค่อยออก พลาดเป้าไปมาก
เปรียบดัง ต้วนอีว์ ยิง กระบี่ 6 ชีพจร ออกบ้าง ไม่ออกบ้าง...
อยากสอบถาม พี่หมอ leky และ เหล่าจอมยุทธ์ ทั้งหลายว่า
ท่านใดมีประสบการณ์ (Case Study)
ที่ใช้วิชาดังกล่าว ประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม
ดังที่คัมภีร์บรรยายเอาไว้หรือไม่ จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ
ปอลอ. วรยุทธ์ ในคัมภีร์ดังกล่าว ก็แบ่งได้เป็น...
1. Spin-offs
2. Risk Arbitrage and Merger Securities
3. Bankruptcy
4. Restructuring
5. Recapitalization and Stub Stocks (LEAPS, Warrants, Options)
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 355
ไม่เคยอ่านครับ หนังสือกองเต็มบ้านยังเคลียร์ไม่หมด ช่วยขยายความหน่อยครับkongkiti เขียน: ปอลอ. วรยุทธ์ ในคัมภีร์ดังกล่าว ก็แบ่งได้เป็น...
1. Spin-offs
2. Risk Arbitrage and Merger Securities
3. Bankruptcy
4. Restructuring
5. Recapitalization and Stub Stocks (LEAPS, Warrants, Options)
ในข้อที่ 1 หมายถึงการแตกบ.ลูกออกไปหรือเปล่าครับ ถ้าเป็นแบบนั้น จริง ๆ แล้วการแตกเอาบ.ลูกเข้าตลาด มันเป็นตัวเร่งราคาอย่างหนึ่งอยู่แล้วครับ เหมือนกับการเพิ่มมูลค่าให้บ.แม่ นอกจากนั้นมันก็มีผลทางจิตวิทยาครับ เพราะบางครั้งผถห.เดิมก็ได้สิทธิ์ IPO
หุ้นหลายตัวพอจะเอาบ.ลูกเข้าตลาด ราคาก็วิ่งเอา ๆ เช่น AI จาก 8 บาทไป 21 บาท แต่ผมคิดว่าส่วนหนึ่งเพราะมีการ "ตีปี๊บ" จากบ.บวกกับตลาดกระทิงด้วย อย่างล่าสุดก็ SAMART ครับ
จริง ๆ W นั้น ผมว่าการวิเคราะห์มันก็เหมือนกับวิเคราะห์หุ้นนั่นแหละครับ คือถ้าคุณสมบัติของหุ้นแม่ไม่ผ่าน ผมว่าก็เป็นข้อหนึ่งที่ไม่ควรไปยุ่งครับ
การ Arbitrage ในส่วนของ W ก็ทำได้เช่นกันครับ โดยเฉพาะในวันสุดท้ายที่ W สามารถเทรดในตลาดได้ เพราะจะมีคนที่ไม่คิดจะแปลง W "หนีตาย" นั่นแปลว่าอาจจะมีการทิ้ง W ออกมาในราคาที่ต่ำชนิดที่เรียกได้ว่า ถ้าซื้อไปแล้วเอาไปแปลงก็จะได้ส่วนต่างกำไรเทียบกับราคาหุ้นแม่ครับ
"Become a risk taker, not a risk maker"
- romee
- Verified User
- โพสต์: 1850
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 356
พูดถึงกรณีเอาหุ้นลูกเข้าตลาดนี่ ผมนึกถึงหลายตัวเลยนะ เมื่อปี56ที่ผ่านมา คือมีทั้งเอาเข้ามาจริงๆ, สร้างข่าวแล้วก็ไม่มี แต่ตลาดก็วิ่งไปซะ
AI นี่คลาสสิกสุด, CCP(หุ้นลูกไม่ได้เข้า), THRE (ตัวนี้กลายเป็นว่า ลูกอุ้มแม่ซะงั้น)
ส่วนเรื่อง Arbitrage เมื่อก่อนนึกถึงพี่โจครับ บางทีมีกระทู้จากพี่โจเลย ว่าจะมีหุ้นตัวใหนทำ tender offer
4. Restructuring
อันนี้เหมือนการฟื้นฟูกิจการ ปรับโครงสร้างองค์กร ป่ะครับ มันกึ่งๆกับพวก turn around ป่ะครับ
AI นี่คลาสสิกสุด, CCP(หุ้นลูกไม่ได้เข้า), THRE (ตัวนี้กลายเป็นว่า ลูกอุ้มแม่ซะงั้น)
ส่วนเรื่อง Arbitrage เมื่อก่อนนึกถึงพี่โจครับ บางทีมีกระทู้จากพี่โจเลย ว่าจะมีหุ้นตัวใหนทำ tender offer
4. Restructuring
อันนี้เหมือนการฟื้นฟูกิจการ ปรับโครงสร้างองค์กร ป่ะครับ มันกึ่งๆกับพวก turn around ป่ะครับ
You only live once, but if you do it right, once is enough.
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 357
อันนี้สรุปหนังสือครับ
http://www.wallstreetoasis.com/forums/y ... commentary
http://www.wallstreetoasis.com/forums/y ... commentary
Contents Breakdown:
- Introduction;
talked about some common hindrances that average investors or even professionals often encounter throughout the investment time-horizon, and touches briefly on the effect of diversification through the use of Capital Asset Pricing Model (CAPM; systematic vs non-systematic risks). Lots of information about behavioural finance, risk-management and CAPM are available online so I will not go into detail.
- Spin-offs;
In general spin-offs beat the market, and it’s even more profitable if an investor is able to recognize better opportunities within a spin-off universe. This section explained some typical motives of companies that decide to transform a part of its business into a spin-off, such as to consolidate debt, avoid tax payments, or separate an unrelated business etc.
It also pointed out, from the investor’s perspective the importance of careful research, which is usually through reading the parent company and the spin-off’s financial reports and general information (mostly SEC filings such as 10-K, 10-Q, proxy statements) and examining major activities that the companies undergo (press release, statements of beneficial ownership, any other reliable sources), to discover opportunities that will lead to potentially substantial up- or down-turns.
Highlights:
* Some shareholders are not interested in the shares of the spin-off at all so they usually get rid of the shares right away. This can create a great opportunity for you to acquire the shares at a huge bargain price
* Pay attention to insider activities; if the company’s executives are holding on to or even purchasing more shares of either the parent company or the spin-off, you know something will/ is going on
* Sometimes hidden opportunities may be created or revealed (eg. The spin-off is the parent company’s attempt to tap into a niche market, which has a great potential for which to develop into a market leader or even monopoly), in such cases, they should become the top priority on your research
- Risk Arbitrage and Merger Securities;
Although risk arbitrage is recognized in the book as a type of special situation investing that’s potentially profitable, it is actually not recommended by the author mainly due to its highly competitive nature, which makes it very difficult for average investors to beat the professionals to the play. However opportunities can still be found through purchasing merger securities.
Highlights:
* Sometimes companies may utilize merger securities to pay for the acquisition. This usually presents opportunities that should be viewed favorably mainly because these securities tend to be undervalued (most investors don’t want them in the first place). The discriminate selling of these securities often effectively drive down the price, regardless of the true underlying quality. Therefore, with careful research, you can seek out much overlooked opportunities that can lead to substantial returns
* Be very careful with anything that has merger or acquisition activities involved, and timing is very important because it is always possible for a deal to go bad or get stretched into a negotiation marathon that lasts a long time
- Bankruptcy;
It is rarely a good idea to go long on the stocks of a company that’s filed bankruptcy as you, being an investor, usually do not receive anything until the company’s stakeholders and creditors are paid off. Indeed, unwarranted speculations in the market can sometimes bring the share prices to extreme highs, but as a conscious investor you should probably stay far away from it.
Highlights:
* When investing in these situations, pay close attention to company management’s projections for future operations and keep track of public filings; most of the time you will be able to either confirm your decision of staying away, or recognize profitable opportunities during the company’s emergence from bankruptcy
* The company’s debt could be something you might want to purchase; similar to merger securities, most investors don’t want them so you can seek for securities that trade at a discount due to undervaluation
* Even if a company emerges from bankruptcy it does not mean the company will make a case of coming back and stronger than ever. Usually it is still what it is, and you should be aware of why it filed for bankruptcy in the first place
- Restructuring;
Corporate restructuring might not always happen under the best circumstances, but you can certainly find great opportunities within. For example when a company announces a major restructuring, its underlying motives can be to get rid of the divisions that hinder the growth of the profitable ones; in such case, it creates an entirely new room for its earnings prospects to grow. To profit from restructuring events, you can either try to recognize potential restructuring candidates, or directly invest in companies that are rid of their sores.
- Recapitalization and Stub Stocks;
Too boring. I’m not going to talk about this so do your own research.
**LEAPS, Warrants, Options
For those who have had some experience in trading, regardless of your style and strategy, you are probably aware of both the beauty of derivatives and their potentially devastating damages to your portfolio if you don’t play them well. As always, you can either protect your positions or magnify your gains/ losses and these strategies can be incorporated into any one of the situations mentioned above, but do so at your own risk.
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
-
- Verified User
- โพสต์: 1803
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 358
ผมว่าเท่าที่อ่านดูคร่าว ๆ การลงทุนแบบข้างบนน่าจะเป็นอะไรที่ยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงนะครับ อาจจะไม่แปลกถ้าทำแล้วได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง แต่เห็นด้วยว่าบางเรื่องคล้าย ๆ การลงทุนในหุ้น turnaround ครับ
คุณ kongkiti ลองยกตัวอย่าง หุ้นที่ "แป๊ก" มาเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ เผื่อจะได้ลองดูกันว่ามันผิดพลาดเพราะอะไร
คุณ kongkiti ลองยกตัวอย่าง หุ้นที่ "แป๊ก" มาเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ เผื่อจะได้ลองดูกันว่ามันผิดพลาดเพราะอะไร
"Become a risk taker, not a risk maker"
- kongkiti
- Verified User
- โพสต์: 5830
- ผู้ติดตาม: 2
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 359
คำถาม พี่หมอ leky ตอบยากแฮะleky เขียน:ผมว่าเท่าที่อ่านดูคร่าว ๆ การลงทุนแบบข้างบนน่าจะเป็นอะไรที่ยังมีความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูงนะครับ อาจจะไม่แปลกถ้าทำแล้วได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง แต่เห็นด้วยว่าบางเรื่องคล้าย ๆ การลงทุนในหุ้น turnaround ครับ
คุณ kongkiti ลองยกตัวอย่าง หุ้นที่ "แป๊ก" มาเล่าให้ฟังหน่อยสิครับ เผื่อจะได้ลองดูกันว่ามันผิดพลาดเพราะอะไร
เอาที่พอจำได้ ตัวแรก ประมาณปี 2012 ก็ LEE วอแรนท์ มั้งครับ ตอนนั้น บริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนราคาสูงกว่าตลาดมาก แล้วก็ราคา วอแรนท์ ก็น่าจะ พรีเมี่ยม ติดลบนิดๆ เลยคิดว่าน่าลองดู
สุดท้าย วอแรนท์ ไม่ไปไหน แถม ผบห. ขายหุ้นถล่ม มาซะอีก (เหมือนเอาเงินบริษัท เข้ากระเป๋าตัวเอง)
ความผิดพลาดหลักๆ น่าจะมาจากด้อยประสบการณ์ และไม่ได้ดูธุรกิจหลักแบบละเอียดเลยครับ
(ธุรกิจอาหารสัตว์ เป็นสินค้าที่ถูกรัฐควบคุมราคา จะขึ้นราคาทีต้องทำหนังสือชี้แจงต้นทุน...ไม่ไหวครับ)
อีกตัวนึง ปีที่แล้ว เป็นข้อผิดพลาดที่ไม่ได้ซื้อมากกว่า คือ BAY ที่ MITSUBISHI UFJ ประกาศซื้อกิจการ
ตอนนั้นคิดว่าผลตอบแทนไม่เยอะเท่าไหร่ (หลังประกาศ) เลยไม่สนใจ
กลายเป็นว่า ราคานิ่งมาก ในขณะที่หุ้นอื่นลงเอาๆ เหมือนสวมเสื้อเกาะไหมฟ้า ป้องกันหุ้นตก ได้เลย
ดูแล้ว การลงทุนพวกนี้ ที่ อ. กรีนบลา เรียกว่าเป็นการลงทุนแบบ "Special Situations"
หากเชี่ยวชาญ น่าจะช่วยให้รอดพ้นช่วงตลาดตก ไปได้บ้างครับ (เหมือนกึ่งๆ การ Hedge ไว้ก่อน)
“Its like a finger pointing away to the moon. Don't concentrate on the finger
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
or you will miss all that heavenly glory.”- Bruce Lee
FAQs เกี่ยวกับแนวทางลงทุนแบบ VI
Blog ใหม่ >> https://www.blockdit.com/articles/5d733 ... 270d7b530
- Nevercry.boy
- Verified User
- โพสต์: 4626
- ผู้ติดตาม: 0
Re: VI หาดใหญ่
โพสต์ที่ 360
เมื่อเราอายุ "มาก" ขึ้น
ความกล้าสู้กล้าเสี่ยง เราจะ "น้อย" ลง
ประโยคนี้จริงหรือเปล่าครับ?
ความกล้าสู้กล้าเสี่ยง เราจะ "น้อย" ลง
ประโยคนี้จริงหรือเปล่าครับ?
เด็กผู้ชายไม่ร้องไห้
http://nevercry-boy.blogspot.com/
http://nevercry-boy.blogspot.com/