โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

เชิญมาพักผ่อน คลายร้อนนั่งเล่น คุยกันเย็นๆ พร้อมเรื่องกีฬา สัพเพเหระ ทัศนะนานา ชีวิตชีวา สุขภาพทั่วไป บันเทิงขำขัน รอบเรื่องเมืองไทย ชวนเที่ยวที่ไหน อยากไปก็นัดมา ...โย่วๆ
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 31

โพสต์

BHT เขียน:ถ้าไม่นับหมอในเว็บนี้

มีกี่คนครับที่รู้ว่า โรงบาลเก็บค่ารักษาเท่าไหร่ เวลาต้องเอ็กซเรย์ รู้มั้ยครับว่าคนป่วยโดนเก็บเงินเท่าไหร่ ถ้าต้องอัลตร้าซาวด์ล่ะ

เวลารักษาสั่งรักษาเต็มที่เพื่อให้หาย แต่ไม่รู้ว่าต้องจ่ายแค่ไหน คนป่วยเลยไม่หาย เพราะเครียดค่ารักษา

อีกอย่างหมอรู้มั้ยครับว่าเขียนสั่งยาไป เภสัชจะจ่ายยาตรงกับที่หมอเขียนมั้ย
เพื่อนผมเคยไปผ่าไส้ติ่ง เจอค่าน้ำเกลือ ขวดละ 3000 บาทครับ  :shock:

ปล.ย้ายห้องไหมครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
frontosa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 460
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 32

โพสต์

BHT wrote
ถ้าไม่นับหมอในเว็บนี้

มีกี่คนครับที่รู้ว่า โรงบาลเก็บค่ารักษาเท่าไหร่ เวลาต้องเอ็กซเรย์ รู้มั้ยครับว่าคนป่วยโดนเก็บเงินเท่าไหร่ ถ้าต้องอัลตร้าซาวด์ล่ะ

เวลารักษาสั่งรักษาเต็มที่เพื่อให้หาย แต่ไม่รู้ว่าต้องจ่ายแค่ไหน คนป่วยเลยไม่หาย เพราะเครียดค่ารักษา

อีกอย่างหมอรู้มั้ยครับว่าเขียนสั่งยาไป เภสัชจะจ่ายยาตรงกับที่หมอเขียนมั้ย
คือ ตรงนั้นผมว่าควรมีกำกับดูแลราคาในรพ.เอกชนครับ

แต่การสั่งการรักษา หมอส่วนใหญ่ไม่มีใครอยากได้ตังค์
์จากการสั่งการรักษาที่ไม่จำเป็นหรอกครับ คือ มันต้องสั่งก็คือต้องสั่งนะครับ ไม่งั้นจะไปรู้ได้ไงครับว่าเป็นอะไรกันแน่ จากประวัติ+ตรวจร่างกาย มันก็ได้คร่าวๆเท่านั้นแหละ ที่สำคัญขนาดผมเป็นหมออายุรกรรมซึ่งไม่ได้เน้นที่การส่งตรวจนะ

แต่ผมเห็นคุณ BHT เขียนอย่างนี้ก็หงุดหงิดเหมือนกัน

ที่เห็นๆ ก็มีบ้างที่สั่งยาแพงเกินความจำเป็น ซึ่งไม่รู้เพราะ หมอคนนั้นเค้าไม่รู้จริงๆ หรือเพราะไม่มีจรรยาบรรณ ซึ่งผมก็ไม่ชอบหรอก
frontosa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 460
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 33

โพสต์

Accidental Hero wrote
เพื่อนผมเคยไปผ่าไส้ติ่ง เจอค่าน้ำเกลือ ขวดละ 3000 บาทครับ  Shocked

ปล.ย้ายห้องไหมครับ
อย่างนี้ก็เกินไปครับ แต่ต้องเช็คก่อนว่าเพื่อนคุณมั่วรึเปล่า ถ้าราคานี้จริง ห้ามบ่นอย่างเดียว ไปฟ้องแพทยสภา ฟ้องศาล เลยดีกว่า

น้ำเกลือเฉยๆ จริงเหรอครับ มียาฆ่าเชื้อด้วยรึเปล่า ถ้าไม่รู้อย่าพูดไปนะครับ ผมว่าเท่ากับเป็นการช่วยทำลายความน่าเชื่อถือ ระหว่างแพทย์กับคนไข้ซึ่งในการจะรักษาให้หายได้ตรงนี้ก็เป็นส่วนที่สำคัญ

ระบบมันใกล้จะพังหมด ก็เพราะไอ้พวกสื่อบ้าๆ ฟังความข้างเดียว

หลายครั้ง ผมได้ยิน ไอ้ทนายบ้าสองคน ทำรายการ มันฟังแต่คนไข้ ถึงคุณบอกว่าคนฟังต้องมีวิจารณญาณ แต่คุณทำ
แบบนี้มันแย่จริงๆ
frontosa
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 460
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 34

โพสต์

ฉุนอ่ะ อ่านแล้วติสขึ้นเลย

เซ็ง

แต่ผมก็เชื่อนะว่า รพ.เอกชนหลายแห่งชาร์ตแพงมากๆ ซึ่งก็ควรมีการกำกับดูแล แต่ เกรดรพ.มันก็ต่างกันซึ่งก็ต้องคำนึงถึงต้นทุนรพ.ที่หรูๆด้วย มันก็ต้องแพงอยู่แล้ว แต่ต้องให้พอดี

BHT wrote
อีกอย่างหมอรู้มั้ยครับว่าเขียนสั่งยาไป เภสัชจะจ่ายยาตรงกับที่หมอเขียนมั้ย
มันมีการตรวจสอบอยู่แล้ว รพ.นะครับ ไม่ใช่บ่อน หมอเขียนอย่าง เภสัช จ่ายยาอย่าง เพื่ออะไรครับ หลอกเอาเงินคนไข้เหรอ??? ถ้าจะมีไม่ตรงจริงๆก็ต้องเป็นข้อผิดพลาดซึ่งไม่ควรเกิดอย่างยิ่ง

เหมือน ผมบอกว่าโอ้ยวิศวะมันบอกจริงวางรากฐาน เสาเข็มอย่าง
จริงๆ เอาเสาไม้มาตอกรึเปล่าก็ไม่รู้

บอกวัสดุอย่าง จริงเอาของห่วยๆมาใช้รึเปล่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 35

โพสต์

[quote="Accidental Hero"]
เพื่อนผมเคยไปผ่าไส้ติ่ง เจอค่าน้ำเกลือ ขวดละ 3000 บาทครับ
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 36

โพสต์

chut เขียน:..

ตอบเจ้าของกระทู้ ผมว่า trend นี้ไม่น่าจะมีผลกระทบกับรพ.เอกชนมากนัก
ผลดี : แพทย์สั่งการตรวจเพิ่มเติมมากขึ้น รพ.ได้รายได้เพิ่มขึ้น
ผลเสีย : หากมีกรณีฟ้องร้อง ไม่แน่ใจว่ารพ.เอกชน ต้องมาเป็นจำเลยร่วมด้วยหรือเปล่าครับ
จุดนี้น่าสนใจครับ แล้วท่านใดพอจะมีข้อมูลไหมว่า เวลาที่หมอโดนฟ้องกัน ทาร.พ.โดนฟ้องด้วยกันไหมครับ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

Re: x

โพสต์ที่ 37

โพสต์

kit556 เขียน:พวก ทนาย เนี่ยจริงๆแล้วมีประโยชน์กับระบบสังคม เศรษฐกิจแค่ไหนครับ เห็นพวกยิ่งเก่งมากๆ ก็มักถนัดในการทำผิดเป็นถูก ช่วยนายทุนหลบเลี่ยงกฎหมาย

พวกเชี่ยวชาญภาษีมากๆ ก็ ช่วยเจ้านายหลบภาษีจนต้อง ลี้ภัยโดยสุจริต , ส่วนเจ้าตัวเองก็เสียผู้เสียคนตอนแก่

ใครช่วยคิดงานของทนายที่มีประโยชน์กับสังคมให้ฟังหน่อยเถอะครับ นึกไม่ออกจริงๆ
8) เรื่องข้อกฏหมายเข้าตัวเมื่อไร
    ก็จะเห็นประโยชน์เมื่อนั้นแหละคร้าบ...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
terati20
Verified User
โพสต์: 1104
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 38

โพสต์

drnuntiya เขียน:
ม่ายเห็นด้วยคร้าบ
สิ่งทั้งหลายเกิดขึ้นในเบื้องต้น ตั้งอยู่ เเละดับไปในที่สุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
สามัญชน
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 5162
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 39

โพสต์

metro เขียน:อย่างน้อยมันก็แค่ขนตูดที่ทำให้เราคันก้นเท่านั้นเองครับ พอดึงมันออกไปได้อีกนานครับกว่าที่จะมีขนตูดเส้นใหม่ที่ทำให้เราคันขึ้นมาครับ สู้ๆครับ
กรุณาใช้คำสุภาพ
แก้ไขล่าสุดโดย สามัญชน เมื่อ พุธ ก.ย. 19, 2007 2:40 pm, แก้ไขไปแล้ว 1 ครั้ง.
ทุกความเห็นย่อมเปลี่ยนไปตามความรู้ การเรียนรู้ย่อมไม่มีจุดสิ้นสุด
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 40

โพสต์

MindTrick เขียน: จุดนี้น่าสนใจครับ แล้วท่านใดพอจะมีข้อมูลไหมว่า เวลาที่หมอโดนฟ้องกัน ทาร.พ.โดนฟ้องด้วยกันไหมครับ
ผมทราบแค่ว่า ถ้าเป็น รพ รัฐ จะฟ้องตัวบุคคลไม่ได้
ต้องฟ้องหน่วยงาน

ถ้าเป็น รพ เอกชน เข้าใจว่าฟ้องตัวคน ได้ (ไม่แน่ใจ)
แต่ว่า นายจ้าง (รพ และ ผอ)  ต้องร่วมรับผิด

ผมว่าเรียกอาจารย์หมงมาให้ความกระจ่างดีกว่าครับ  :wink:
อาฮุย
Verified User
โพสต์: 59
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 41

โพสต์

ผู้ประกอบอาชีพทุกอาชีพ มีทั้งคนดีและคนไม่ดี ครับ
คนที่ประกอบอาชีพทนายไม่ใช่ผู้วิเศษนะครับ ที่จะไปเปลี่ยนแปลง
สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว และหากเป็นสิ่งที่ผิดแน่ ๆ ให้เป็นสิ่งที่ถูกได้

ประโยชน์ของอาชีพทนาย เป็นอย่างที่พี่พอใจว่า ไม่เห็นด้วยตัวเอง
จะเห็นไม่ชัดครับ   :D  :D
"อันชัยชนะนั้น ย่อมรู้ล่วงหน้าได้
แต่ไม่อาจจะทำให้เกิดขึ้นเอง
ตามอำเภอใจของเราได้"
BHT
Verified User
โพสต์: 1822
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 42

โพสต์

ขออภัยครับที่ใช้คำไม่สุภาพแต่เพื่อให้เห็นถึงภาพที่เกิดขึ้นจริงตอนนั้น

อีกอย่างผมเข้าใจมุมมองทั้งหมอและคนป่วยว่าแต่ละฝ่ายก็ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเอง

คนป่วยอยากหาย แต่ถ้าเจอค่ารักษาแพงก็ไม่ไหว ไปโรงบาลรัฐเจอบริการแบบดูถูกดูแคลนก็เกินไป รับไม่ได้เช่นกัน

หมอก็กดดันถ้าทำการรักษาแล้วมีปัญหา กลัวโดนฟ้อง

สุดท้ายผมมองว่าต้องอยู่ที่การพูดคุยบอกกันตรงๆชัดเจน อธิบายให้เข้าใจ ก่อนเกิดปัญหา ให้มีการเซ็นรับทราบจะได้ไม่เกิดเรื่องตามมาภายหลัง

โรคธรรมดากินยาหายคงไม่เป็นปัญหาอะไร แต่คนถูกรถชนอย่างแรงมา เส้นประสาทจะหยุดทำงานแล้วยังห่วงเงินมากกว่าชีวิตคนไข้ ผมว่าไร้จรรยาบรรณไปหน่อยแล้ว

ไม่ใช่หมอทุกคนที่แย่ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ดี (ภาพรวมนะครับ ไม่ได้เจาะจง) คนป่วยเองที่เข้าใจอาการ เข้าใจสภาพโรคก็มี แต่พวกที่เอาแต่ใจต้องอย่างงั้นอย่างงี้ จูจี้จุกจิกก็มีเช่นกัน

การรักษาพยาบาลคืออาชีพบริการอย่างหนึ่ง แต่มันคือชีวิตคน คงต้องมีใจที่เมตตา ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์มากกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ เอากำไรได้ครับ แต่ต้องพอเพียงหน่อย
ลูกไม่ท้อ
Verified User
โพสต์: 421
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 43

โพสต์

ขออภัยที่มาโพสต์ แล้วดูเหมือนจะก่อให้เกิดความแตกแยก  แต่ว่ามีคนตอบคำถามผมไม่กี่คนเอง  (ใจจริงที่ผมมาโพสต์ก็ออกไปในแนวๆบ่นๆซะด้วย ขออภัย)
รู้แต่ว่า พวกโครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรคก็มาเป็น Threat ต่อธุรกิจอีก ในแง่ที่ว่า โดนเปรียบเทียบว่า รัฐรักษาฟรีให้ได้ แล้วทำไมโรงบาลเอกชนมาเก็บตังค์เค้าหว่า
รู้สึกดีๆ
Radio
Verified User
โพสต์: 1296
ผู้ติดตาม: 1

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 44

โพสต์

การที่เรียกเก็บเงินก่อนไม่ใช่ หมอเรียกนะครับ ทางโรงพยาบาลเขาเรียก
หมออยากจะทำการรักษาให้ใจจะขาดแต่ถ้าโรงพยาบาลไม่ยอมก็ทำไม่ได้
เพราะหมอทำงานคนเดียวไม่ได้ต้องมีผู้ช่วย  กรุณาแยกให้ออกด้วยว่า
เป็นการกระทำของหมอหรือเป็นการกระทำของโรงพยาบาลที่เรียกเก็บ
เงินคนไข้ก่อนรักษา
Accidental Hero
Verified User
โพสต์: 1601
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 45

โพสต์

เรื่องน้ำเกลือขวดละ 3000 บาท
เป็นอย่างนี้ครับ

เพื่อนผม เป็นผู้หญิง สามีเขาเป็นแพทย์แต่ทำงานที่ไหนไม่รู้
ไปผ่าตัดไส้ติ่งที่ รพ เอกชนแห่งหนึ่ง เพราะมีแพทย์รู้จักกัน
เข้าไปนอนห้องธรรมดา  ค่าห้องประมาณ 3000 บาท
การผ่าตัดเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาใดๆ นอนโรงพยาบาลคืนเดียว
ค่าแรงแพทย์ ไม่คิดเพราะรู้จักกัน

เบ็ดเสร็จ 9หมื่นกว่าบาท

ส่วนว่า มียาอะไรใส่ในน้ำเกลือหรือเปล่า ผมไม่ได้ถาม ถ้ามีโอกาสเจอจะลองถามดู

ส่วนสามีเขาที่เป็นแพทย์ ใครอยากทราบชื่อ เผื่อจะได้ซักถามรายละเอียดเอง ถามมาหลังไมค์ดีกว่าครับ
"Be sure you put your feet in the right place, then stand firm"
Abraham Lincoln
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 46

โพสต์

8)  เรื่องโรคา ไม่หายก็ตาย
     เรื่องฟ้อง ไม่ชนะก็แพ้
     มาป่วนครับ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
Jeng
สมาชิกกิตติมศักดิ์
โพสต์: 14783
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 47

โพสต์

โค้ด: เลือกทั้งหมด

เรื่องน้ำเกลือขวดละ 3000 บาท 
เป็นอย่างนี้ครับ 

เพื่อนผม เป็นผู้หญิง สามีเขาเป็นแพทย์แต่ทำงานที่ไหนไม่รู้ 
ไปผ่าตัดไส้ติ่งที่ รพ เอกชนแห่งหนึ่ง เพราะมีแพทย์รู้จักกัน 
เข้าไปนอนห้องธรรมดา  ค่าห้องประมาณ 3000 บาท 
การผ่าตัดเรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาใดๆ นอนโรงพยาบาลคืนเดียว 
ค่าแรงแพทย์ ไม่คิดเพราะรู้จักกัน 

เบ็ดเสร็จ 9หมื่นกว่าบาท 

ส่วนว่า มียาอะไรใส่ในน้ำเกลือหรือเปล่า ผมไม่ได้ถาม ถ้ามีโอกาสเจอจะลองถามดู 

ส่วนสามีเขาที่เป็นแพทย์ ใครอยากทราบชื่อ เผื่อจะได้ซักถามรายละเอียดเอง ถามมาหลังไมค์ดีกว่าครับ
สงสัยน้ำเกลือ จากขั้วโลกเหนือ มีพลังแม่เหล็ก อิอิ

แซว

อย่าเครียดกันเลย โรคเครียด ร้ายแรงกว่าทุกโรคเลยนะ จะบอกให้

มีอะไร ก็ทำๆกันไปตามหน้าที่ หลักการที่ควรทำ

น้ำเกลือคิดมาแพง ก็ ว่ากล่าวกันไปว่าแพง

สมมุติว่าแพงจริง ก็ เตือนโรงพยาบาลไป ว่า แพงนะ ลดให้หน่อย ไม่งั้น จาไปฟ้องแพทยสภา 555

สุดท้ายก็ต้องมีคำตอบออกมาว่าทำไมแพง เพราะอาจจะมีข้อมูลบางอย่างเข้าใจผิดกัน

ก็ ค่อยๆคุยกันไปครับ

เรื่อง โดนเรียกแพง ก็แย้งกันไปครับ โรงพยาบาลเอกชนที่ไหนก็ตาม หากโดนร้องเรียน ก็เสียชื่อเสียงเหมือนกันนะครับ

ระบบต่างๆ ที่มีขึ้นมานั้น เช่นแต่ก่อนไม่ค่อยมีคนร้องเรียน ก็มีสมดุล ของตัวมันเอง มาตอนนี้มีร้องเรียน ก็มีจุดสมดุลของตัวมันเองอีกครับ

คนไม่อยากเรียนหมอ ไปเรียนสาขาอื่น( คนเก่งที่มีทางเลือกมาก ) สุดท้ายก็จะมีสมดุลอีก เช่น มีโรงพยาบาลแพทย์ที่เป็นเอกชนมากขึ้น( คนไม่เก่งมาก และยังอยากเป็นหมอยังมีอีกเยอะ )

ต่อให้เมืองไทยไม่มีแพทย์เลยซักคน สุดท้าย ก็ต้อง import แพทย์มาจากประเทศอื่น

ทุกอย่างก็ปรับตัวเข้าสมดุลใหม่เสมอ และความเข้าใจผิด เกียวกับหมอๆ ก็มีนาน ไม่น่าจะต้องเครียดกัน ก็เรื่องหมอๆ มันลึกลับซับซ้อน คนธรรมดาไม่ค่อยเข้าใจ ขนาดผม ยังไม่ค่อยเข้าใจแล้ว เพราะโลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความรู้ใหม่ๆมากันมากขึ้น

ขอเป็นกำลังใจให้คุณหมอทั้งหลายครับ ตรวจๆ ไปเหอะ ป้องกันตัวเองไว้ก่อน ส่วนคนไข้ หากเขาไม่มีกำลังจ่าย เขาก็ต้องอดทน และไปโรงพยาบาลรัฐครับ คนที่ไปโรงบาลเอกชน ก็เลือกเองนี่ครับ ก็ต้องเตรียมใจไว้แล้วว่าแพง แต่ถ้าแพงเกินก็ไปฟ้องร้องครับ ระบบก็จะเกิดสมดุลอีก
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

Re: โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 48

โพสต์

[quote="ลูกไม่ท้อ"]อย่างที่ผมเคยเอามาโพสต์ลงกระทู้อยู่ครั้งหนึ่งว่า จากการที่มีการฟ้องร้องแพทย์มากขึ้น ทำให้แพทย์จะต้องปกป้องตัวเองเพื่อ ไม่ให้โดนฟ้องร้อง แต่สิ่งที่แพทย์ทำ ก็ยิ่งทำให้คนไข้ไม่ไว้ใจมากขึ้น
chut
Verified User
โพสต์: 234
ผู้ติดตาม: 0

Re: โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 49

โพสต์

อาจารย์ mprandy ให้มุมมองที่เห็นภาพ และเข้าใจง่ายดีมากเลยครับ
trend CT scan ในไทยก็เริ่มตามๆกันมาครับ
เมื่อไม่กี่ปีก่อน สมัยเป็นนักศึกษาแพทย์ผมไปเรียนที่แผนกรังสี อาจารย์ไม่ค่อยสอนอ่าน CT บอกว่าไม่ต้องรู้มากหรอก
พอจบมาทำงานอยู่ ER มีเคสต้องส่ง CT brain + อ่านผลเบื้องต้นเองทุกวัน วันละหลายเคส
mprandy เขียน: defensive medicine (ภาษา slang ฝรั่งสมัยที่ทำงานโดยเฉพาะในห้องฉุกเฉินคือ cover-your-ass medicine)
:lol:  :lol: :lol:  :lol:
chut
Verified User
โพสต์: 234
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 50

โพสต์

ถ้าต่อไปรพ.เอกชน ถูกฟ้องร้อง แล้วต้องจ่ายค่าเสียหายบ่อยๆ modelจะไปคล้ายธุรกิจประกันภัยหรือเปล่าครับ
ที่ charge premium มาก่อน แล้วค่อยรอลุ้น ว่าจะต้องชดเชยค่าเสียหายให้ใครหรือไม่
(ปัจจุบันน่าจะมีการจ่ายชดเชยอยู่บ้าง แต่คงปิดข่าวกันน่าดู)
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 51

โพสต์

chut เขียน:ถ้าต่อไปรพ.เอกชน ถูกฟ้องร้อง แล้วต้องจ่ายค่าเสียหายบ่อยๆ modelจะไปคล้ายธุรกิจประกันภัยหรือเปล่าครับ
ที่ charge premium มาก่อน แล้วค่อยรอลุ้น ว่าจะต้องชดเชยค่าเสียหายให้ใครหรือไม่
(ปัจจุบันน่าจะมีการจ่ายชดเชยอยู่บ้าง แต่คงปิดข่าวกันน่าดู)
คงเป็นไปได้ยากครับ เพราะว่า

1. ถ้า รพ.เขามีการทำประกันภัยด้วย จะไม่เสี่ยงรับภาระนี้ไว้เองแน่ (ได้ไม่คุ้มเสีย) แต่จะทำประกันภัยกับบริษัทมากกว่า (ใน ตปท.โดยปกติ รพ.จะให้แพทย์ทำประกันไว้เสมอ โดยการทำงานของแพทย์จะอยู่ในลักษณะ contract for hospital privilege หมายถึงสัญญาที่อนุญาตให้แพทย์สามารถประกอบวิชาชีพเวชกรรมได้ใน รพ. ในการดูแลผู้ป่วยนอก, ผู้ป่วยฉุกเฉิน, ผู้ป่วยใน ซึ่งรพ.ใช้การหักค่าบริการทดแทน ถ้าปัญหาของผู้ป่วยไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดใน hospital facility เช่น ระบบไฟฟ้า, ระบบการขนส่ง, อุปกรณ์ของ รพ. การจะเอาผิดที่ตัวรพ. ทำได้ยาก)

2. การ charge premium แบบ บ.ประกัน กฎหมายอนุญาตให้เฉพาะบ.ประกันเท่านั้น รพ.ทำเองอย่างนั้นไม่ได้แน่

3. การผลักภาระอย่างนั้น เป็นผลให้ค่าใช้จ่ายทางการแพทย์เกิดขึ้นมหาศาลโดยที่บอกไม่ได้ว่าปัญหาหรือการจ่ายชดเชยจะเกิดขึ้น คนไข้เขาต้องถามว่าราคามันขึ้นมากเหนือเหตุผลปกติอย่างนั้นเพราะเหตุใด กรณีอย่างนี้คนไข้คงไม่เอาด้วยแน่
ภาพประจำตัวสมาชิก
por_jai
Verified User
โพสต์: 14338
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 52

โพสต์

8) เกิดเป็นนักลงทุน  แสนลำบาก
    เกิดเป็นหมอ  ดูแล้วยากกว่าหลายเท่า
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
ภาพประจำตัวสมาชิก
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 53

โพสต์

ว่าแต่ วันนี้ผมไปรพ.มา เห็นที่นั่งด้านนอกของรพ. มีเซลล์หน้าตาดีๆ มารอเจอคุณหมอเยอะมากเลย (ประมาณ 4-6 เจ้าได้) ไปทีไรเห็นมานั่งรอทุกทีเลย

ก็เลยสงสัยว่า ทำไมไม่ไปติดต่อกับฝ่ายจัดซื้อ แต่มาติดต่อกับหมอเอง
แสดงว่า บางที่เราอาจได้ยาแพงเกินกว่าความจำเป็นจากเซลล์ขายยาหรือเปล่าครับ เพราะท่าทางเอาใจคุณหมอน่าดูเลย
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
MindTrick
Verified User
โพสต์: 1289
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 54

โพสต์

กระทิงแดง เขียน:ว่าแต่ วันนี้ผมไปรพ.มา เห็นที่นั่งด้านนอกของรพ. มีเซลล์หน้าตาดีๆ มารอเจอคุณหมอเยอะมากเลย (ประมาณ 4-6 เจ้าได้) ไปทีไรเห็นมานั่งรอทุกทีเลย

ก็เลยสงสัยว่า ทำไมไม่ไปติดต่อกับฝ่ายจัดซื้อ แต่มาติดต่อกับหมอเอง
แสดงว่า บางที่เราอาจได้ยาแพงเกินกว่าความจำเป็นจากเซลล์ขายยาหรือเปล่าครับ เพราะท่าทางเอาใจคุณหมอน่าดูเลย
เซลล์แนวนี้ ต้องแกล้งป่วยแล้วเข้าไปขายของด้วยป่าวครับ อิอิ
^
"เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่รักแล้ว วันต่อๆไปก็จะไม่ใช่การทำงาน"..Brian Tracy
state exact goal/then analyze what fail the goal/then act/if you don't start/dream still be a dream
หุ้นไม่ใช่แค่เศษกระดาษ มันมีคนทำงานจริง
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 55

โพสต์

กระทิงแดง เขียน:ว่าแต่ วันนี้ผมไปรพ.มา เห็นที่นั่งด้านนอกของรพ. มีเซลล์หน้าตาดีๆ มารอเจอคุณหมอเยอะมากเลย (ประมาณ 4-6 เจ้าได้) ไปทีไรเห็นมานั่งรอทุกทีเลย

ก็เลยสงสัยว่า ทำไมไม่ไปติดต่อกับฝ่ายจัดซื้อ แต่มาติดต่อกับหมอเอง
แสดงว่า บางที่เราอาจได้ยาแพงเกินกว่าความจำเป็นจากเซลล์ขายยาหรือเปล่าครับ เพราะท่าทางเอาใจคุณหมอน่าดูเลย
ผู้แทนยา (Detail หรือ Drug Rep) เป็นวิธีของ marketing อย่างหนึ่งครับ เพราะยาปัจจุบันมันมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีหลายยี่ห้อ และส่วนใหญ่แต่ละยี่ห้อจากแต่ละบริษัทมักให้ผลการรักษาไม่ต่างกัน

ลองสมมติว่า ถ้ามีโรคซักอย่าง ที่สามารถรักษาได้ด้วยการสั่ง "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" เราจะใช้ยี่ห้อไหน? มาม่า, ไวไว, ยำยำ หรือยี่ห้ออื่น ๆ อีก และใน รพ.ก็มีขายทุกยี่ห้อ

ถ้าผลมันไม่ต่างกัน ยี่ห้อไหนติดตา ติดใจคนสั่ง (ในที่นี้คือหมอ) ได้มากกว่า ก็มีแนวโน้มที่จะถูกสั่งให้คนไข้มากกว่า

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขามา deal กับหมอซึ่งเป็นคนสั่ง ไม่ใช่ฝ่ายจัดซื้อ

แล้วฝ่ายจัดซื้อสำคัญหรือไม่ คำตอบก็คือสำคัญครับ เพราะต่อให้โปรโมทกันให้ตายขนาดไหน ถ้ามันไม่มีขาย ก็ไร้ประโยชน์ ฝ่ายจัดซื้อยาของ รพ.จะตั้งในรูป คณะกรรมการยา ที่มีทั้งหมอ เภสัช ผู้แทน รพ. มาร่วมกันพิจารณาถึงประโยชน์ ข้อดี ข้อเสีย ราคา ฯลฯ แล้วเลือกว่าจะเอายาไหนเข้าในห้องยา โดยทั่วไปยาแต่ละประเภทจะไม่ได้ถูกนำเข้ามาทุกยี่ห้อ คือมักจะเป็นยี่ห้อยอดนิยม (มีผลการรักษา และผลการศึกษาทางคลินิกว่าดีเหนือยาอื่น) และมี local made ทำออกมาแข่งด้วย ราคาจึงจะสมเหตุผล

จำนวนรายการยาของห้องยาแต่ละ รพ.มักจะจำกัด ถ้ามียาใหม่เข้า หมายความว่าต้องมียาเก่าออกในจำนวนพอ ๆ กัน (เหมือนฟุตบอล มีคนขึ้นชั้น ก็ต้องมีคนตกชั้น)

ราคายาแพงหรือไม่ ขึ้นกับชนิดยา และราคาที่ฝ่ายจัดซื้อ deal กับ บ.ยา ไม่ได้ขึ้นกับการมานั่งรอหมอหรอกครับ พวกนั้นเขามีหน้าที่เชียร์อย่างเดียว เพราะผู้แทนยามี "ยอด" หรือ "โควต้า" ติดตัวมาทุกคน ถ้าทำได้ไม่ถึงยอดก็จะโดนพิจารณาจากบริษัท แถมยาที่เดินไม่ดี ก็มีสิทธิถูกถอดจากห้องยาได้อีก
ภาพประจำตัวสมาชิก
ksnk
Verified User
โพสต์: 414
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 56

โพสต์

MindTrick wrote:
chut wrote:
..

ตอบเจ้าของกระทู้ ผมว่า trend นี้ไม่น่าจะมีผลกระทบกับรพ.เอกชนมากนัก
ผลดี : แพทย์สั่งการตรวจเพิ่มเติมมากขึ้น รพ.ได้รายได้เพิ่มขึ้น
ผลเสีย : หากมีกรณีฟ้องร้อง ไม่แน่ใจว่ารพ.เอกชน ต้องมาเป็นจำเลยร่วมด้วยหรือเปล่าครับ


จุดนี้น่าสนใจครับ แล้วท่านใดพอจะมีข้อมูลไหมว่า เวลาที่หมอโดนฟ้องกัน ทาร.พ.โดนฟ้องด้วยกันไหมครับ


ผมทราบแค่ว่า ถ้าเป็น รพ รัฐ จะฟ้องตัวบุคคลไม่ได้
ต้องฟ้องหน่วยงาน

ถ้าเป็น รพ เอกชน เข้าใจว่าฟ้องตัวคน ได้ (ไม่แน่ใจ)
แต่ว่า นายจ้าง (รพ และ ผอ)  ต้องร่วมรับผิด

ผมว่าเรียกอาจารย์หมงมาให้ความกระจ่างดีกว่าครับ  

ขอมาตอบแทนจานหมงครับ ไม่ว่า รพ รัฐ และเอกชน แพทย์เจ้าของไข้จะเป็นจำเลยที่ 1 ครับ( ถ้าความผิดนั้นเกิดจากการรักษา ) ส่วน ผอ และ รพ ค่อยเป็นจำเลยรายต่อๆมา  :(
ภาพประจำตัวสมาชิก
Pn3um0n1a
Verified User
โพสต์: 1935
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 57

โพสต์

เอ

ขอความมั่นใจอีกที

ผมจำได้ว่า ถ้าเป็น รพ ในสังกัด สาธา
จะฟ้องตัวบุคคลไม่ได้

ต้องฟ้องหน่วยงาน

ขอความกระจ่างครับพี่  :wink:
mprandy
Verified User
โพสต์: 1992
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 58

โพสต์

[quote="Pn3um0n1a"]เอ

ขอความมั่นใจอีกที

ผมจำได้ว่า ถ้าเป็น รพ ในสังกัด สาธา
จะฟ้องตัวบุคคลไม่ได้

ต้องฟ้องหน่วยงาน

ขอความกระจ่างครับพี่
ภาพประจำตัวสมาชิก
กระทิงแดง
Verified User
โพสต์: 952
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 59

โพสต์

mprandy เขียน: ผู้แทนยา (Detail หรือ Drug Rep) เป็นวิธีของ marketing อย่างหนึ่งครับ เพราะยาปัจจุบันมันมีหลายประเภท แต่ละประเภทก็มีหลายยี่ห้อ และส่วนใหญ่แต่ละยี่ห้อจากแต่ละบริษัทมักให้ผลการรักษาไม่ต่างกัน

ลองสมมติว่า ถ้ามีโรคซักอย่าง ที่สามารถรักษาได้ด้วยการสั่ง "บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป" เราจะใช้ยี่ห้อไหน? มาม่า, ไวไว, ยำยำ หรือยี่ห้ออื่น ๆ อีก และใน รพ.ก็มีขายทุกยี่ห้อ

ถ้าผลมันไม่ต่างกัน ยี่ห้อไหนติดตา ติดใจคนสั่ง (ในที่นี้คือหมอ) ได้มากกว่า ก็มีแนวโน้มที่จะถูกสั่งให้คนไข้มากกว่า

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเขามา deal กับหมอซึ่งเป็นคนสั่ง ไม่ใช่ฝ่ายจัดซื้อ

แล้วฝ่ายจัดซื้อสำคัญหรือไม่ คำตอบก็คือสำคัญครับ เพราะต่อให้โปรโมทกันให้ตายขนาดไหน ถ้ามันไม่มีขาย ก็ไร้ประโยชน์ ฝ่ายจัดซื้อยาของ รพ.จะตั้งในรูป คณะกรรมการยา ที่มีทั้งหมอ เภสัช ผู้แทน รพ. มาร่วมกันพิจารณาถึงประโยชน์ ข้อดี ข้อเสีย ราคา ฯลฯ แล้วเลือกว่าจะเอายาไหนเข้าในห้องยา โดยทั่วไปยาแต่ละประเภทจะไม่ได้ถูกนำเข้ามาทุกยี่ห้อ คือมักจะเป็นยี่ห้อยอดนิยม (มีผลการรักษา และผลการศึกษาทางคลินิกว่าดีเหนือยาอื่น) และมี local made ทำออกมาแข่งด้วย ราคาจึงจะสมเหตุผล

จำนวนรายการยาของห้องยาแต่ละ รพ.มักจะจำกัด ถ้ามียาใหม่เข้า หมายความว่าต้องมียาเก่าออกในจำนวนพอ ๆ กัน (เหมือนฟุตบอล มีคนขึ้นชั้น ก็ต้องมีคนตกชั้น)

ราคายาแพงหรือไม่ ขึ้นกับชนิดยา และราคาที่ฝ่ายจัดซื้อ deal กับ บ.ยา ไม่ได้ขึ้นกับการมานั่งรอหมอหรอกครับ พวกนั้นเขามีหน้าที่เชียร์อย่างเดียว เพราะผู้แทนยามี "ยอด" หรือ "โควต้า" ติดตัวมาทุกคน ถ้าทำได้ไม่ถึงยอดก็จะโดนพิจารณาจากบริษัท แถมยาที่เดินไม่ดี ก็มีสิทธิถูกถอดจากห้องยาได้อีก
ขอบคุณอาจารย์หมอ ที่มาช่วยไขความกระจ่างครับ
"The enemy is a very good teacher" Dalai Lama
"Confidence doesn't come from being right all the time; it comes
from surviving the many occasions of being wrong." B.N. Steenbarger
"Luck is where preparation meets opportunity"
Quattro
สมาชิกสมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า
โพสต์: 84
ผู้ติดตาม: 0

โทนของสังคมที่เปลี่ยนไป กับแนวการลงทุนธุรกิจโรงพยาบาล

โพสต์ที่ 60

โพสต์

mprandy เขียน: กฏหมายเขียนไว้อย่างนั้นครับ ถ้าเกิดจากการปฏิบัติงานของข้าราชการในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ใน รพ.ของรัฐ การฟ้องร้องจะฟ้องแพทย์โดยตรงไม่ได้ จำเลยจะกลายเป็นหน่วยงานของรัฐที่แพทย์นั้นสังกัดแทน
เอ แต่เมื่อประมาณปีที่แล้ว เคยได้ยินข่าว หมอรพ.รัฐบาล ที่เกาะช้าง 2คน โดนฟ้องนิครับ ติดคุกด้วยครับ