สปน. ถอยหนึ่งก้าว ยอมให้ออกอากาศต่อเนื่อง

[ครรชิต ไพศาล]

ดีแต่ออกนโยบาย ทำร้ายจิตใจประชาชน

เลิกหวยรัฐบาล พวกเดินโพยหวยรัฐบาล ตกงานเฉียบพลันหลายแสนคน

ออกนโยบายการเงิน แต่นักลงทุนโดนเข้าไปเต็มๆ

ดันมาออกมติให้ ITV หยุดออกอากาศ ให้พนักงานเกือบตกงาน
ร้องไห้น้ำตาถ่วมจอ ชาวบ้านชาวเมืองเขาเสียใจกันทั้งเมือง

รัฐบาลนี้ เขาเป็นพวกข้าราชการ
ดีแต่ กินเงินเดือน กินบำนาญ จากภาษีของประชาชน
ไม่รู้จักคำว่า ตกงาน อดอยากปากแห้ง เป็นอย่างไร

จึงได้ออกแต่นโยบาย ที่ไม่เอาใจใส่ในใจของประชาชน

[ShexShy]

เรื่อง ITV นี้ เป็นครูได้อย่างดีเลยนะครับ
มีหลายเรื่องที่เราได้จากมัน แล้วแต่ใครจะมองเห็น

มองทั้งในมุมกว้าง หรือ เลือกมองในบางจุด

จุดเริ่มต้นของ ITV มาจาก พฤษภาทมิฬ ต้องการให้มีสื่อ อิสระ

ITV ก็เดินทางผ่านจนมาถึงยุคของ พตท.ทักษิณ เป็นนายก

ได้มีการ เสนอเข้าตลาดหลักทรัพย์ อนุญาโตตุลาการ ออกคำสั่ง ลดค่าสัปทาน และ ปรับผังได้  แต่ไม่ได้มีการเข้า ครม. ในตอนนั้น เพื่อผ่านมติ  แต่ ITV ก็ดำเนินการ ปรับผัง ทุกอย่างเรียบร้อย

ต่อมา รัฐประหาร เปลี่ยน รัฐบาล รัฐบาลก็บอกให้ สปน. อุทธรณ์ ไปยัง ศาลปกครอง
ว่า คำสั่งของ อนุญาโตตุลาการ นั้น อยู่ในขอบเขตอำนาจ หรือไม่
ศาลตัดสินว่า เนื้อหาของคำสั่ง ไม่อยู่ในอำนาจของ อนุญาโตตุลาการ ต้องออก มติ ครม. ถึงจะสมบูรณ์

เวลาเดินทางมา ทำให้สิ่งที่เข้าใจว่า ทำถูกนั้น ไม่ถูกเสียแล้ว ITV นั้นผิดสัญญา
เมื่อผิดสัญญา ครม. จึงให้ สปน. เจรจา คุยกับ ITV

แต่ไม่รู้อีท่าไหน สปน. จะยึดสัมปทานคืน ยุบสถานี ITV และ แจ้งออกมา ก่อนจะยุบไม่กี่วัน

เป็นเรื่องสิ ต้องหาทางออก กันแล้ว เรื่องเข้า ครม. แล้ว ครม.ก็ตัดสิน ให้ กฎษฎีกา ตีความเร่งด่วน ว่า ถ้ายึด แล้ว ให้ กรมประชาสัมพันธ์ บริหารได้หรือไม่

สุดท้ายก็ออกมาว่า ได้  ... ITV ก็เปลี่ยน เป็น TITV เป็นชื่อ ... เหล้าเก่า ใน ขวดใหม่
แต่ไม่รู้ว่า เหล้า จะรสชาติ เปลี่ยนหรือเปล่า

......

เรื่องราว มันมีคำถามมันหลายคำถาม ...
คำถามที่ยอดฮิต  ... ทำไมไม่ทำอย่างนี้ แต่เริ่ม ถ้าเร่งมือ ทำแต่เริ่ม ก็คงไม่เกิดปัญหา ...
นั่นสิ ทำไมไม่ทำ ... ทำไมรัฐบาลชุดทักษิณ ไม่เร่งเข้า ครม. ออกมติ จะได้ไม่เกิด เรื่อง ทั้ง ๆ ที่มีคนเขาเห็นว่า บริหารเก่งนัก เก่งหนา ทำไม ถึงตกม้าตายกะอีเรื่องแค่นี้... ทำไมรัฐบาลชุดสุรยุทธ ไม่ส่งให้กฎษฎ๊กาตีความก่อน จะได้ไม่เกิดเรื่อง ร้องให้เสียใจกันระนาว ...

นั้นสิ ถ้าคนทำงานเขารู้ แล้วทำก็คงดี ... ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลชุดทักษิน หรือ ชุดสุรยุทธ์ ...

... อยากรู้เหมือนกัน เมื่อ 1 วัน ก่อนประชุม ครม.  มีใครรู้ว่า หนังจะจบแบบนี้ หรือเปล่า ...
ผู้บริหาร ITV ที่ว่าเก่ง นั้น รู้หรือเปล่า ว่า สามารถออกมารูปแบบนี้ได้ ... แถมเร็วซะด้วย ไม่กี่ ชั่วโมง ก็มีข้อสรุป ...

มารู้อีกที ก็ตอนจบ แล้วก็บอกว่า แหม ทำไมไม่ทำอย่างนั้น อย่างนี้ ซะแต่ทีแรก... หุ หุ

.....

เรื่องราว ITV ทำให้เราได้รู้ว่า
- หุ้น Market Cap เป็นหมื่นล้าน  ผ่านมา ปี สอง ปี ลดจบแทบจะเหลือ 0 เพียงแค่ ... ลืมเอาเข้า ครม.  ไม่สิ ... อาจจะตั้งใจทิ้งระเบิดเวลาไว้ ... เท่านั้นเอง ก็เก่งซะอย่าง เรื่องแค่นี้ไม่รู้ก็แย่แล้ว

- เห็นของจริงแล้วว่า ผู้ถือหุ้น เป็นคนได้รับส่วนแบ่งท้ายสุด ... และ พนักงาน จะถูกคุ้มครองด้วยกฎหมายแรงงาน ... ส่วน ผู้บริหาร ถ้าแก้ต่างได้ว่า บริหารงานด้วยความสุจริต ก็ลอยตัว

- พิสูจน์ ให้เห็นว่า ศาล ยัง ศักสิทธิ์ (ในระดับหนึ่ง มั๊ง) ... ศาลสั่ง อะไร ต้องทำตาม

- คน ITV รู้ความรู้สึก ของ รสพ. ที่ถูกยุบในระดับหนึ่ง ว่า แย่อย่างไร

- พิสูจน์ ได้ว่า กฎหมายนี้  เป็นสิ่งที่ต้องรู้ และสำคัญ

....

ผมว่า คนทำงานจริง บางทีก็ไม่รู้ว่า สิ่งที่ตัดสินใจทำลงไป นั้นผิดหรือถูก ... บางทีกว่าจะรู้ก็สายไป หรือ ลอยตัวไปแล้ว ทิ้งระเบิดให้คนที่ยังต้องอยู่

อีกอย่าง การออกนโยบายมันมีสองด้านเสมอ คนหนึ่งได้ คนหนึ่งเสีย ... เรื่องกันเงิน 30% นี้ ผมได้คุยกับคนผลิตที่ส่งออก อันนี้ระดับผู้บริหาร  ทำไม เขาว่าดีนะ บ่นหน่อยว่า ยาแรงจัง คนเป็นพนักงาน ของโรงงานเหล่านั้น ก็ดีนะ เขายังมีงานทำอยู่ ...

แต่ไม่แน่ อนาคตก็อาจจะเลิกก็ได้ 30% นี้

ยากนะ เป็นคนบริหารนี้ ... สู้เป็นคนบ่นข้างนอกไม่ได้ ไม่ต้องกลัวอะไร บ่นอย่างเดียว วิจารณ์อย่างเดียว เหมือนนักวิชาการณ์ บางคน ...

...

...

[ManInBlack]

น้ำผึ้งหยดเดียว หรือ ฟางเส้นสุดท้าย ???

[javidol]

“สนธิ”ชี้ ITV ยังไม่จบ – กรมประชาฯ อุ้ม"เด็กชิน"ผิด กม.ฮั้ว



“สนธิ”เตือน อย่างเพิ่งด่วนสรุป กรมประชาฯ อุ้มไอทีวื ไม่ผิดกฎหมาย ระบุ กฤษฎีกาชี้ขาดแค่ประเด็น ม.80 พ.ร.บ.คลื่นความถี่ฯ ส่วนการนำงบกลางมาจ้างคนไอทีวีเข้าทำงาน ยังไม่ได้วินิจฉัย ระบุเข้าข่ายผิด กม.ป้องกันฮั้ว พร้อมเผย ประชาชนผิดหวังนายกฯ สุรยุทธ์ กลับลำอุ้มคนไอทีวี ที่เคยรับใช้ทักษิณมาตลอด เพียงแค่เพื่อรักษาหน้าที่เคยรับปากเอาไว้
     
      นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ กล่าวในรายการ “ยามเฝ้าแผ่นดิน” ออกอากาศทาง ASTV คืนวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา กรณีคณะกรรมการกฤษฎีกา ตีความว่ากรมประชาสัมพันธ์สามารถเข้าไปรับช่วงดำเนินการสถานีโทรทัศน์ระบบยูเอชเอฟต่อเนื่องจากบริษัทไอทีวี จำกัด(มหาชน) ภายหลังจากสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) ยึดสัมปทานคืนตั้งแต่หลังเที่ยงคืนวันที่ 7 มี.ค. เป็นต้นไปว่า การตีความดังกล่าว อย่าเพิ่งไปเหมารวมว่าสามารถรับคนไอทีวีเข้าไปทำได้ทันที เพราะกฤษฎีกายังไม่ได้ตีความประเด็นนี้ แต่นายปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กลับไปบอกกับคนไอทีวีไว้ก่อนว่าจะรับคนไอทีวีเข้ามาทำทั้งหมด และบอกว่าพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นคนสั่งให้ไอทีวีออกอากาศต่อเนื่อง ทั้งยังโทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับพนักงานไอทีวีด้วย
     
      นายสนธิกล่าวว่า ถ้าออกมาแบบนี้ แสดงว่าสังคมไทยยังเป็นสังคมที่ปิดตาข้างหนึ่งกับความไม่ถูกต้อง ใครทำผิดก็บอกหยวนๆ กันได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ตนและพันธมิตรฯ ยอมไม่ได้ เพราะถ้ายอมหยวนๆ กันไป จะเกิดผลเสียหายให้กับสังคม ความคิดที่ยอมให้กับคนที่ทำผิดจะลงลึกไปถึงจิตวิญญาณและจิตสำนึกของประชาชน ไปถึงระบบการศึกษา แล้วในที่สุดสังคมจะอยู่ได้อย่างไร
     
      “ผมสงสารและเห็นใจคนไอทีวีที่กลัวจะตกงาน แต่ในเมื่อมันผิดก็ต้องว่าไปตามผิด ทีนี้รัฐบาลก็ไปตั้งโจทย์ผิดว่าต้องให้ไอทีวีออกอากาศต่อเนื่อง ท่านนายกฯ ไปรับปากว่าคนไอทีวีต้องไม่ตกงาน พอมีคนติงว่าจะทำผิดกฎหมาย ท่านก็เลยถอย ให้หยุดก่อน ไอทีวีก็ด่าท่านทั้งวัน 2 วันเต็มๆ ด่ามาที่ผมด้วย ท่านเป็นคนผิวบาง ก็เลยหาทางออกมาด้วยวิธีนี้”นายสนธิกล่าว
     
      นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนขอชื่นชมคุณหญิงทิพาวดี เมฆสวรรค์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่กลับตัวได้ และชี้แจงกับสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้อย่างชัดเจนว่าหากออกอากาศต่อเนื่องจะผิดอย่างไร ส่วนเรื่องคนที่จะตกงานก็ต้องให้ตกไป
     
      “เรื่องนี้ยังไม่จบ ผมอยากให้ทำให้ถูกต้อง จุดยืนของผมพูดมานานแล้วว่าให้ยึดคลื่นคืนมา แล้วไม่จำเป็นต้องออกอากาศต่อเนื่อง แต่ต้องมาแก้ไขจุดที่มันผิดก่อน เพราะคุณหญิงทิพาวดีก็บอกว่า ทรัพย์สินของไอทวีมันหมายไป 500 ล้านบาท ตึกที่บอกว่าจะสร้างก็ยังไม่ได้สร้าง ดังนั้นถ้าไม่ให้จอดำมันจะมีปัญหาในแง่กฎหมายตามมาแน่นอน”
     
      นายสนธิ กล่าวต่อว่า กฤษฎีกาตีความเพียงแค่ว่าการให้กรมประชาสัมพันธ์เข้ามารับช่วงต่อ ไม่ผิดมาตรา 80 พ.ร.บ.จัดสรรคลื่นความถี่วิทยุและโทรทัศน์เท่านั้น แต่นายปราโมชกลับไปพูดว่า จะเอางบกลางมาจ้างคนไอทีวีเข้ามาทำสถานีโทรทัศน์แห่งใหม่ ทั้งที่กฤษฎีกายังไม่ตีความว่าประเด็นนี้ทำได้หรือไม่ เพราะแม้แต่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะกรรมการกฤษฎีกา ก็บอกว่ายังไม่ได้ตีความในประเด็นนี้
     
      นายสนธิกล่าวอีกว่า จากมาตรการแก้ปัญหาไอทีวีที่ออกมา หากมองในทางการเมืองถือว่ารัฐบาลนี้แพ้ไปแล้ว เพราะประชาชนตำหนิรัฐบาลมาก สปน.พยายามทำทุกอย่างแม้จะเป็นเรื่องที่ผิด เพื่อรักษาหน้า พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีที่เคยไปรับปากว่าจะไม่ให้คนไอทีวีตกงาน
     
      “ถ้าท่านรับปากอย่างนี้ ผมก็อยากให้ท่านรับปากกับอดีต พนักงาน ร.ส.พ.(องค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์) ที่จะเข้าไปพบท่าน 300 คน ในวันที่ 13 มี.ค.นี้ พวกเขาตกงาน เพราะ ร.ส.พ.ถูกปิด ถ้าท่านไม่รับปากช่วยพวกเขาแสดงว่าท่านรักประชาชนไม่เท่ากัน ซ้ำไปรักคนที่เคยรับใช้ระบบทักษิณ แต่คนที่เคยทำงาน ร.ส.พ.มาตั้งแต่สมัยพ่อแม่ตกทอดมาลูกหลาน แล้วต้องตกงาน ถ้าไปเรียกร้องท่าน ท่านไม่รับปากพวกเขาคงไม่ได้แล้ว”นายสนธิกล่าว
     
      นายสนธิ กล่าวต่อว่า งบประมาณ 90 ล้านบาท ที่กรมประชาสัมพันธ์จะนำมาใช้ในการดำเนินการสถานีโทรทัศน์ต่อเนื่องจากไอทีวีนั้น เป็นงบประมาณของ สปน. ซึ่งก็คืองบกลาง จึงอยากจะถามแทนตำรวจ ทหาร ครู ที่ทำงานอยู่ที่ภาคใต้ว่า เบี้ยเลี้ยงและเงินค่าทำศพญาติที่ยังเบิกไม่ได้ มา 2 ปี เมื่อไหร่จะได้ แต่จู่ๆ จะเอางบกลาง 90 ล้านไปใช้จ้างอดีตพนักงานไอทีวี อาจเป็นจำนวนเงินไม่มาก แต่มันเป็นสัญลักษณ์ว่า รัฐบาลไม่ได้ใส่ใจคนที่ทำงานเสี่ยงตายอยู่ในภาคใต้ แต่คนที่เคยรับใช้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรมา กลับได้ดี ทั้งที่ฐานะร่ำรวยกว่าตำรวจทหารที่ทำงานอยู่ภาคใต้
     
      “แถมคุณปราโมชยังบอกว่า ท่านนายกฯโทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับพนักงานไอทีวี ผมรับไม่ได้ และไม่เฉพาะคนที่ภาคใต้เท่านั้นที่ยังไม่ได้รับการเอาใจใส่จากรัฐบาล คนที่ถูกน้ำท่วมบ้านเรือน นาข้าวเสียหาย เงินชดเชยก็ยังไม่ได้เหมือนกัน ผมเป็นห่วงท่านเหลือเกิน ไม่ทราบว่าใครให้คำปรึกษาท่าน เพราะท่านแก้ปัญหาเหมือนลิงแก้แหตลอด เพราะมัวแต่คิดว่าจะต้องรักษาหน้ากัน หรือเพราะไอทีวีด่าท่านทุกวัน”นายสนธิกล่าว
     
      นายสนธิ ยังได้กล่าวถึงการเรียกร้องของพนักงานไอทีวีที่ออกมาโจมตีรัฐบาลหลังจาก ครม.มีมติยึดสัมปทานคืน ว่า คอลัมน์ของ “เปลว สีเงิน” ในหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ เปรียบเทียบกรณ๊นี้ได้ดี คือพนักงานไอทีวีเหมือนเด็กที่ใช้โทรศัพท์ในบ้านแล้วพ่อแม่ไม่ไปจ่ายค่าโทรศัพท์ให้ จนโทรศัพท์ถูกตัด แทนที่จะไปโวยวายกับพ่อแม่ที่ไม่ยอมจ่ายค่าโทรศัพท์ แต่กลับไปด่าองค์การโทรศัพท์แทน
     
      นายสนธิ กล่าวว่า หากรัฐบาลไม่ต้องการให้สถานีไอทีวีมีสภาพจอดำ ก็สามารถส่งสัญญาณภาพจากช่อง 11 ไปออกที่ช่องไอทีวีเดิมได้ หรือนำรายการเฉลิมพระเกียรติไปออกก็ได้ ไม่มีความจำเป็นจะต้องเปลืองตัว ทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย
     
      “ผมอยากบอกคุณปราโมชว่า กรมประชาสัมพันธ์ ก็เหมือนกรมทางหลวง เวลาจะสร้างทางต้องเปิดประมูล ใครให้ราคาต่ำ ก็ได้งานไป เพราะฉะนั้นถ้ากรมประชาสัมพันธ์ จะให้ใครมาทำสถานนี้ ทีไอทีวี ก็ต้องกำหนดราคามา แล้วกรมประชาสัมพันธ์ก็มีสิทธิที่จะทำเอง หรือจ้างคนอื่นมาทำ หรือเอาคนมาร่วมผลิต แล้วแบ่งรายได้กัน คำถามก็คือ ควรหรือไม่ควรที่จะให้กลุ่มคนอดีตไอทีวีเข้าไปทำเจ้าเดียว ถ้าเข้าไปทำโดยตอบคำถามนี้ไม่ได้ ก็จะเข้าข่ายผิดกฎหมายฮั้วสถานเดียว และอย่าลืมว่ากฤษฎีกายังไม่ตีความตรงนี้”นายสนธิกล่าว
     
      นายสนธิ กล่าวอีกว่า รัฐบาลกำลังพลาดที่ทำให้คนเข้าใจว่า ถ้าใครอยากจะได้อะไรก็ให้มาชุมนุมแล้วด่ารัฐบาล ก็จะได้ตามต้องการ และทำให้ทุกคนมาองว่ารัฐบาลกลัวม็อบ ขณะที่พวกเราฝ่ายพันธมิตรฯเอง ทั้งที่มีหลายเรื่องที่ต้องการจะชุมนุมเรียกร้องเรายังไม่ทำเลย แต่พอม็อบไอทีวีนายกฯ ก็ยอมตาม ขณะที่ม็อบเกษตรกรคนแก่ๆ มาประท้วงที่อยู่หน้าทำเนียบกลับไม่สนใจ ไปสนใจแต่คนชั้นกลางที่มีจอทีวี มีปากกาเป็นของตัวเอง
     
      “รัฐบาลนี้ กำลังจะอุ้มไอทีวี ล็อกสเปกให้เข้าไปทำ อาจจะได้ค่าจ้างถูกลง แต่อยากจะเตือนคุณปราโมช ถ้าจะทำต้องให้โปร่งใสกว่านี้ เพราะกรมประชาสัมพันธ์ยังอยู่ภายใต้กฎหมายป้องกันการฮั้ว ผมไม่สบายใจอย่างมาก ที่หลายคนบอกว่า ถ้าเขาไม่เห็นหน้าพล.อ.สุรยุทธ์ เขาจะนึกว่านี่เป็นการกระทำของรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ที่สำคัญความเห็นของคนในเว็บ เขาไม่เห็นด้วยอย่างมาก นักข่าวที่ทำเนียบก็จับกลุ่มคุยกัน เพราะท่านกลับไปกลับมา วันหนึ่งออกมาว่าให้จอดำ แล้วอีกวันก็มาบอกว่าให้ออกอากาศต่อได้ แถมยังโทรศัทพ์ไปแสดงความยินดี”
     
      นายสนธิ ยังกล่าวถึงท่าทีของพนักงานไอทีวีที่กล่าวโจมตีรัฐบาลต่อเนื่องถึง 2 วัน พอรัฐบาลกลับมาช่วยก็หันมาเชียร์ ว่า เป็นจุดยืนที่ใช้ไม่ได้เลย และสื่อมวลชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะประชาชนคาดหวังต่อนายกฯว่าจะเข้ามาสร้างความถูกต้อง แต่วันนี้ ทุกคนกำลังงง หาคำตอบไม่เจอ ประชาชนมุ่งหวังว่าหลังวันที่ 19 กันยายนจะได้เห็นความถูกต้อง แต่ที่ผ่านมา ยังหาความถูกต้องไม่พบ
     
      “ทัศนคติของรัฐบาลนี้เริ่มเปลี่ยน ท่านายกฯ อาจเห็นว่าท่านมาเป็นรัฐบาลชั่วคราว และท่านต้องการทำให้คนรัก ซึ่งถ้าทำให้คนรักด้วยวิธีการที่ถูกต้องก็ไม่เป็นไร แต่เรื่องไอทีวี ผมถือว่าความคิดของท่านใช้ไม่ได้ ถึงแม้ท่านจะไปรับปากกับคนไอทีวี แต่ต่อมาท่านก็บอกเขาไปว่าทำไม่ได้แล้ว ขอโทษไปแล้ว แล้วพอมีคนไปเลียท่าน ไปให้ข้อมูลที่ผิดๆ กับท่าน เพื่อจะเอาใจนาย ท่านก็หลงเชื่อข้าราชการพวกนี้”นายสนธิกล่าว
     
      นายสนธิ กล่าวต่อว่า หากเป็นการกระทำของพ.ต.ท.ทักษิณ ตนจะไม่เสียใจ แต่ที่ทำให้ตนท้อใจ เพราะเป็นพล.อ.สุรยุทธ์ จึงอยากขอเตือนว่า ให้จำคำสุภาษิตที่ว่า “อย่าเอาลูกเขามาเลี้ยง อย่าเอาเมี่ยงเขามาอม” เพราะขณะนี้นายกฯ ดูไม่ออกว่าใครกันแน่ที่เป็นพันธมิตรกับท่าน เคยเป็นแนวหน้าออกมาต่อสู้เพื่อให้ท่านได้มาเป็นนายกฯทุกวันนี้ และไม่อยากให้พล.อ.สุรยุทธ์ ลืมว่า ที่ได้เป็นนายกฯ เพราะคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)ไปเชิญมา และก่อนที่ คมช.จะเข้ามา เพราะมีประชาชนจำนวน 10 กว่าล้านคน แสดงพลังโนโหวตไม่เอาพรรคไทยรักไทย และอีกหลายล้านคนออกมาต่อสู้จนแทบตายเพื่อให้ พล.อ.สุรยุทธ์ได้เป็นนายกฯ ในเวลาต่อมา เพราะฉะนั้นอย่ามาคิดว่ามาเป็นนายกฯแค่ชั่วคราว ถ้าเช่นนั้น ไม่ควรมาเป็นดีกว่า
     
      “ท่านอย่าทรยศต่อพี่น้องประชาชน ในขณะนี้ผมยังมองท่านในแง่ดี แต่ท่านอย่าทรยศประชาชน เพราะรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่มาก หลายคนบอกว่า ถ้ามีนายกฯ อย่างนี้ มีทักษิณดีกว่า ทำให้ผมถึงกับสะอึก เพราะผมสนับสนุนท่านสุรยุทธ์ตลอด และเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ใจของท่าน แต่หลายคนรวมทั้งผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าทำไมมันออกมาอย่างนี้ ผมซึ่งเป็นคนที่พยายามแบกท่านนายกฯ เอาไว้จนหลังแอ่น แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ นับประสาอะไรกับประชาชนทั่วไป ที่เขาช้ำใจกับเรื่องนี้มาก และมันจะอยู่ในใจลบเลือนไม่ได้”
     
      นายสนธิ เสนอแนวทางว่า หลังจากยึดคลื่นคืนมาแล้ว ควรจะให้ช่อง 11 ส่งสัญญาณไปออกคู่กับไปกับไอทีวี เพื่อตั้งคณะกรรมการตรวจสอบทรัพย์สินตามสัญญา ถ้าทรัพย์สินไม่พอก็ต้องมีการฟ้องล้มละลาย หลังจากนั้นก็ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อทำให้เป็นทีวีสาธารณะคล้ายกับบีบีซีของอังกฤษ โดยอาจจะนำเงินมาจากช่อง 3 7 หรือ 9 รวมกับงบประมาณรัฐบาล มาเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินการโดยมีคณะกรรมการอิสระขึ้นมาบริหาร แล้วนำรูปแบบนี้มาทำประชาพิจารณ์ ก่อนที่จะเสนอเป็นกฎหมายเข้า สนช.

http://www.manager.co.th/Politics/ViewN ... 0000027107

อาจจะยังไม่จบง่ายๆ หุหุ


เฮ้อ ประเทศไทย  

[kevinbig]

ในความคิดของผมมีหลายเรื่องมากที่ขัดใจ เพราะดูเหมือนว่ารัฐบาลจะพยายามกำจัดทุกอย่างที่ดูเหมือนจะเคยเป็นของทักษิณ แม้แต่ทำได้แค่เปลี่ยนชื่อเราก็จะทำ

ไม่ว่าจะเป็น โครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑื โครงการสามสิบบาทรักษาทุกโรค โครงการบ้านเอื้ออาทร

รัฐบาลพยายามหาข้อกฏหมายซึ่งบ้างเรื่องไม่มีก็ตั้งกันเอาใหม่ดื้อๆ เลย เพื่อเล่นงานธุรกิจที่เคยเป็นของทักษิณ ใช้ข้อกฎหมายเล่นงาน โดยไม่ได้คำนึงเลยว่ากฎหมายเดียวกันนี้มันกระทบไปหมดเป็นลูกโซ่ จริงๆ แล้วนักธุรกิจรู้ว่าเล่นงานใครอยู่
แต่บางครั้งเค้าก็กลัวเหมือนกัน วันดีคืนดีมาเล่นเราก็ซวยซิ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของนอมินี่ เรื่องค่าสัมปทานโทรศัพท์มือถือที่ต้องปรับให้เท่าเทียมกัน ไม่งั้นไม่ยุติธรรม ส่วนค่าสัมปทานไอทีวีต้องพันล้าน เอามันให้ตาย ปรับมันให้ได้ จ่ายไม่ได้ก็จะปิด(ใส่อารมร์นิดนึง ผมบรรยายตามความรู้สึกรึกัน คนอ่านก็ใช้วิจารณ์ญาณกันนะครับ)


ผมเป็นคนนึงที่ชื่นชมทักษิณในเรื่องการบริหารประเทศให้ผ่านมาได้ถึงจุดนี้ แต่ก็ไม่ชอบทักษิณในหลายเรื่อง ไม่ชอบคนเก่งที่โกง แต่หายากจริงๆ ครับ ทั้งเก่งทั้งดี เราควรมีคนเก่ง และมีระบบที่ดีในการตรวจสอบการโกง

เข้าเรื่องครับ ที่ติดใจมากคือ รัฐบาลนี้ทำอะไร ทักษิณมันไม่ได้อยู่นี่แล้ว ที่ทำไปมันกระทบใครบ้าง ประชาชน พนักงานไอทีวี รัฐเองก็กระทบเสียรายได้ ตอนนี้เสียความเชื่อมั่นศรัทาด้วย กับการทำเพื่อล้างระบบทักษิณให้สิ้นสาก หรือ่ว่าคุณกำลังกลัวอะไรอยู่

รัฐบาลพอเพียง แต่ประชาชนจะอดตายกันแล้ว ขาดความเชื่อมั่น คนในประเทศไม่กล้าขยายการลงทุน คนต่างประเทศไม่กล้าลงทุนเพิ่ม ไม่เกิดการเติบโต ไม่เกิดการจ้างงาน ประชาชนไม่กล้าบิรโภค ผลพวงมันเป็นลูกโซ่ไป

อยากให้รัฐบาลคิดอะไรให้รอบครอบกว่านี้ก่อนทำ และตอนนี้สิ่งที่รัฐบาลควรทำมีหลายเรื่องมากๆๆๆๆ

[bajjo]

ผมได้เห็นโลโก้ใหม่แล้วครับ
สดๆเลย

[bajjo]

รายการแรกสุด เป็น TITV Update

[bajjo]

ข่าวที่ผ่านมา 2-3 วันเนี่ยน่ะครับ
ไอทีวี เค้าไม่เคยเสนอข่าวที่ว่า
เป็นมา เป็นไปอย่างไรถึงได้โดนค่าปรับมหาศาล
มีแต่พนักงานออกมาเรียกร้องนายก
โดยที่ผู้บริหารที่ทำผิดพลาดไว้
ไม่ยักกะโดนพนักงานเรียกร้องอะไร

มันก็แปลกที่โทษแต่คนอื่น

[VI พันธุ์ทาง]

ถ้าเราติดหุ้น itv  นายกสุ   จะช่วยเราไหมครับ
ผมยังจำตอนที่เพื่อนผมเจ็บ เพราะ ไตรภพ กับ กันตนาได้ครับ

[chatchai]

ยากนะ เป็นคนบริหารนี้ ... สู้เป็นคนบ่นข้างนอกไม่ได้ ไม่ต้องกลัวอะไร บ่นอย่างเดียว วิจารณ์อย่างเดียว เหมือนนักวิชาการณ์ บางคน

จริงครับ  คนบริหารงานคงยากกว่า

แต่ก็ต้องรับฟังคำวิจารณ์จากคนภายนอกครับ  ถ้าคำวิจารณ์นั้นมีเหตุผล  มีคำเตือน  มีคำแนะนำที่ดี  ก็ควรนำไปปรับปรุง

ไม่ใช่ว่าคนบริหารยากกว่า  เราต้องเห็นใจ  วิพากวิจารณ์อะไรไม่ได้เลย

ส่วนกรณีที่จะกล่าวหาว่าเรื่องที่เกิดเป็นเพราะผู้บริหาร  ไม่ใช่รัฐบาลเป็นผู้สร้างปัญหา

ก็จริงครับ  แต่กรณีที่วิจารณ์  เป็นเพราะรัฐบาลมีความรู้  ความสามารถ  และความรอบคอบในการแก้ปัญหานี้หรือไม่

เมื่อการแก้ปัญหาไม่ดีพอ  ไม่รอบคอบพอ  (ไม่รู้ครั้งที่เท่าไรแล้ว)  ก็ย่อมทำให้คนต่างๆตำหนิได้  

------------------------------------------------------------------------------------

การซื้อหุ้น ITV แล้วขาดทุน  ผมว่าคงต้องโทษตัวเองมากกว่าครับ

ตอนซื้อวิเคราะห์ดีแล้วหรือยัง

[ShexShy]

บางที ก็อยู่ที่เจตนา ของผู้วิจารณ์ ว่า ต้องการวิจารณ์ แบบไหน

วิจารณ์ ที่ดี ย่อมก่อให้เกิดผลที่สร้างสรรค์

วิจารณ์ ไม่ดี ย่อก่อให้เกิดผลที่ แย่ลง

คนรับฟัง การวิจารณ์ ก็ย่อมควรรับฟัง และ แยกแยะ

แต่บางคน ไม่แยกแยะ ที่จะรับฟัง ผลของการวิจารณ์ ที่ดี จึงไม่เกิดผล

แต่บางคน ไม่รับฟัง แทนที่คำวิจารณ์ ที่ดี จะได้เป็นข้อเตือนใจ

....

การจะบอกว่า การวิจารณ์ นั้น ดี หรือ ไม่ดี หรือ เจตนาคนวิจารณ์ เป็นอย่างไร

คนวิจารณ์ ย่อมรู้ อยู่แล้วว่าต้องการอะไร เพราะ เป็นคนกระทำ

....

ผู้บริหารที่ดี ควรรับฟังคำวิจารณ์ คำชี้แนะ แล้ว มาประมวลผล ก่อนตัดสินใจดูว่า จะออกนโยบายอะไร ใครกระทบบ้าง และ โดยรวมแล้วผลเป็นอย่างไร
...

ที่สนใจ ผล บางครั้งไม่ใช่ตัวเลขทางการเงิน ว่ากำไร หรือ ขาดทุน  ที่วัดได้ง่ายจาก รายงานทั่วไป
แต่อาจเป็นอย่างอื่น เช่น ความสงบในครอบครัว สังคมโดยรวม เป็นต้น

ความแน่นอนของระบบ หรือ แม้กระทั่ง การได้รู้ว่า ตัดสินใจอย่างนี้ จะเกิดปัญหาสำคัญ ที่ไม่เคยมีใครรู้ ออกมา ... กลายเป็นว่าได้ความรู้ ... ประสบการณ์ สำหรับคนรุ่นต่อ ๆ ไป
....

บางที ... สิ่งที่ถกเถียง กันอยู่ ก้เป็น เพียง หลักการ พื้นฐาน ง่าย ๆ ที่เคยเรียนมาในสมัยเด็ก นั่นเอง ...