ความโกรธ ละได้
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 31
อืม ผมแถมอีกเรื่อง
มีเด็กมาปฎิบัติธรรม สมัยนั้นพระอาจารย์ รับมาด้วยเหตุผลไรจำไม่ได้
แต่ว่า เด็กคนนี้ ขายยาบ้าเหมือนกัน
เด็กถามพระอาจารย์ว่า
มันผิดได้ไง การขายยาบ้า
พระอาจารย์ก็ อืม เด็กเค๊าไม่รู้
ลูกผมก็เริ่มถามแล้ว
ถามแม่เค๊าว่า ทำไมในโลกนี้ต้องมี เหล้า เบียร์
มันดีอย่างไร
แม่เค๊าถามว่า ทำไมถึงถาม
ลูกผมก็ตอบว่า ก็ถ้าไม่มีอะไรดี ทำไมอยู่ในโลก
แล้วทำไมป่าป๊า ถึงกิน
มีเด็กมาปฎิบัติธรรม สมัยนั้นพระอาจารย์ รับมาด้วยเหตุผลไรจำไม่ได้
แต่ว่า เด็กคนนี้ ขายยาบ้าเหมือนกัน
เด็กถามพระอาจารย์ว่า
มันผิดได้ไง การขายยาบ้า
พระอาจารย์ก็ อืม เด็กเค๊าไม่รู้
ลูกผมก็เริ่มถามแล้ว
ถามแม่เค๊าว่า ทำไมในโลกนี้ต้องมี เหล้า เบียร์
มันดีอย่างไร
แม่เค๊าถามว่า ทำไมถึงถาม
ลูกผมก็ตอบว่า ก็ถ้าไม่มีอะไรดี ทำไมอยู่ในโลก
แล้วทำไมป่าป๊า ถึงกิน
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 32
เออ พี่พอใจ ไปเว็บนี้ดิ อภิธรรมออนไลน์ เรียนอภิธรรม ทางอินเตอร์เน็ต ของ มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
http://www.buddhism-online.org/Index1.htm
สอนเหมือนที่วัดสอนเลย ที่แท้ที่วัดนี่เอาพระไตรปิฎกมาสอน ล้วนๆเลย
http://www.buddhism-online.org/Index1.htm
สอนเหมือนที่วัดสอนเลย ที่แท้ที่วัดนี่เอาพระไตรปิฎกมาสอน ล้วนๆเลย
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 33
มาคิดๆดู ใครก็ตามที่ซื้อหุ้น แล้วคิดว่าดี แล้วราคามันลง เปิดดูราคาที่ไร ใจหดหู่ทุกที
ถ้าใช้ หนอ นี้ไปช่วยก็ไม่เลวนะครับ
เช่นพอดูราคาแล้ว ราคามันลงก็ ลงหนอ ลงหนอ
มีสติ รับรู้ ว่าราคากำลังลง เมื่อมีสติ จะได้ ไม่เผลอ cut loss หุ้นดีๆ ตอนราคาลง ( ซื้อแล้วถือ ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน )
ส่วนเมื่อราคามันขึ้น ก็ ขึ้นหนอ ขึ้นหนอ
มีสติรับรู้ว่า ราคามันขึ้น เมื่อมีสติ จะได้ไม่เผลอซือเพิ่ม ตอนราคามันขึ้นไปมาก ( ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ในราคาที่เหมาะสม )
ไม่เลวนะครับ
ถ้าใช้ หนอ นี้ไปช่วยก็ไม่เลวนะครับ
เช่นพอดูราคาแล้ว ราคามันลงก็ ลงหนอ ลงหนอ
มีสติ รับรู้ ว่าราคากำลังลง เมื่อมีสติ จะได้ ไม่เผลอ cut loss หุ้นดีๆ ตอนราคาลง ( ซื้อแล้วถือ ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน )
ส่วนเมื่อราคามันขึ้น ก็ ขึ้นหนอ ขึ้นหนอ
มีสติรับรู้ว่า ราคามันขึ้น เมื่อมีสติ จะได้ไม่เผลอซือเพิ่ม ตอนราคามันขึ้นไปมาก ( ซื้อหุ้นพื้นฐานดี ในราคาที่เหมาะสม )
ไม่เลวนะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 34
กำลังอ่านอภิธรรมอยู่ กันลืม ขอจดไว้ตรงนี้หน่อย
จิตมี 89 ดวง อกุศลจิต มี 12 ดวง
อกุศลจิต คือ จิตฝ่ายบาปที่เกิดด้วยอำนาจของความโลภ (โลภเหตุ) บ้าง ความโกรธ (โทสเหตุ) บ้าง โดยมีความหลง (โมหเหตุ) เป็นผู้สนับสนุน จิตประเภทนี้ จะให้ผลเป็นความทุกข์ เพราะเป็นตัวการ ให้กระทำบาปทางกาย ทางวาจา และทางใจ ดังต่อไปนี้
๑. การฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน
๒. ลักทรัพย์ ขโมย ปล้น จี้ ชิงทรัพย์
๓. ประพฤติผิดในกาม
๔. พูดโกหก หลอกลวงผู้อื่น
๕. พูดยุยง ส่อเสียด ให้ผู้อื่นผิดใจกัน
๖. กล่าวคำหยาบคาย ด่าทอผู้อื่น
๗. พูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระปราศจากประโยชน์
๘. มีความต้องการอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น
๙. มีความโกรธ อาฆาต พยาบาท คิดประทุษร้าย หรือ อิจฉาริษยาผู้อื่น
๑๐. มีความเห็นผิด เช่น ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อเรื่องผลของบุญ ผลของบาป ไม่เชื่อว่า ชาติหน้ามีจริง ไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง
อ่านแล้วคล้ายๆ กับ อาชีวัฎฐะมะกะศิล เลย
แสดงว่า พระท่านรู้การทำงานของจิตทั้งหมดก่อน แล้วค่อย มาแปลงเป็น ศิล ต่างๆ เช่น ศิล 8 ศิล 10 ศิล 227 ข้อเป็นต้น
เดาจ๊า
จิตมี 89 ดวง อกุศลจิต มี 12 ดวง
อกุศลจิต คือ จิตฝ่ายบาปที่เกิดด้วยอำนาจของความโลภ (โลภเหตุ) บ้าง ความโกรธ (โทสเหตุ) บ้าง โดยมีความหลง (โมหเหตุ) เป็นผู้สนับสนุน จิตประเภทนี้ จะให้ผลเป็นความทุกข์ เพราะเป็นตัวการ ให้กระทำบาปทางกาย ทางวาจา และทางใจ ดังต่อไปนี้
๑. การฆ่าสัตว์ เบียดเบียนสัตว์ ให้ได้รับความทุกข์ ความเดือดร้อน
๒. ลักทรัพย์ ขโมย ปล้น จี้ ชิงทรัพย์
๓. ประพฤติผิดในกาม
๔. พูดโกหก หลอกลวงผู้อื่น
๕. พูดยุยง ส่อเสียด ให้ผู้อื่นผิดใจกัน
๖. กล่าวคำหยาบคาย ด่าทอผู้อื่น
๗. พูดเพ้อเจ้อ ไร้สาระปราศจากประโยชน์
๘. มีความต้องการอยากได้ทรัพย์ของผู้อื่น
๙. มีความโกรธ อาฆาต พยาบาท คิดประทุษร้าย หรือ อิจฉาริษยาผู้อื่น
๑๐. มีความเห็นผิด เช่น ไม่เชื่อกฎแห่งกรรม ไม่เชื่อเรื่องผลของบุญ ผลของบาป ไม่เชื่อว่า ชาติหน้ามีจริง ไม่เชื่อว่านรกสวรรค์มีจริง
อ่านแล้วคล้ายๆ กับ อาชีวัฎฐะมะกะศิล เลย
แสดงว่า พระท่านรู้การทำงานของจิตทั้งหมดก่อน แล้วค่อย มาแปลงเป็น ศิล ต่างๆ เช่น ศิล 8 ศิล 10 ศิล 227 ข้อเป็นต้น
เดาจ๊า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 35
เจอแล้วโทสะจริต
โทสมูลจิต คือจิตที่เกิดขึ้น โดยมีโทสะเป็นมูลเหตุ โทสะเป็นเจตสิกธรรม ที่เป็นประธานในการปรุงแต่งจิต ให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความกลุ้มใจ ความเสียใจ ความอิจฉาริษยา ความตระหนี่หวงแหน (มัจฉริยะ) ความรำคาญใจ (กุกกุจจะ) ความอาฆาต พยาบาท จองเวร จนถึงขั้น ประทุษร้าย ฯลฯ
โทสมูลจิตนี้เกิดขึ้น พร้อมด้วยความไม่พอใจเสมอ เพราะเกิดจากการรับอารมณ์ ที่ไม่น่ายินดีและไม่น่าพอใจ เกิดขึ้นเองบ้าง ถูกผู้อื่น หรือสิ่งอื่นชักชวนให้เกิดบ้าง
โทสมูลจิต คือจิตที่เกิดขึ้น โดยมีโทสะเป็นมูลเหตุ โทสะเป็นเจตสิกธรรม ที่เป็นประธานในการปรุงแต่งจิต ให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความกลุ้มใจ ความเสียใจ ความอิจฉาริษยา ความตระหนี่หวงแหน (มัจฉริยะ) ความรำคาญใจ (กุกกุจจะ) ความอาฆาต พยาบาท จองเวร จนถึงขั้น ประทุษร้าย ฯลฯ
โทสมูลจิตนี้เกิดขึ้น พร้อมด้วยความไม่พอใจเสมอ เพราะเกิดจากการรับอารมณ์ ที่ไม่น่ายินดีและไม่น่าพอใจ เกิดขึ้นเองบ้าง ถูกผู้อื่น หรือสิ่งอื่นชักชวนให้เกิดบ้าง
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 36
[quote="Jeng"]เจอแล้วโทสะจริต
โทสมูลจิต คือจิตที่เกิดขึ้น โดยมีโทสะเป็นมูลเหตุ โทสะเป็นเจตสิกธรรม ที่เป็นประธานในการปรุงแต่งจิต ให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความกลุ้มใจ ความเสียใจ ความอิจฉาริษยา ความตระหนี่หวงแหน (มัจฉริยะ) ความรำคาญใจ (กุกกุจจะ) ความอาฆาต พยาบาท จองเวร จนถึงขั้น ประทุษร้าย ฯลฯ
โทสมูลจิต คือจิตที่เกิดขึ้น โดยมีโทสะเป็นมูลเหตุ โทสะเป็นเจตสิกธรรม ที่เป็นประธานในการปรุงแต่งจิต ให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความกลัว ความกลุ้มใจ ความเสียใจ ความอิจฉาริษยา ความตระหนี่หวงแหน (มัจฉริยะ) ความรำคาญใจ (กุกกุจจะ) ความอาฆาต พยาบาท จองเวร จนถึงขั้น ประทุษร้าย ฯลฯ
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 38
ผมว่าพี่พอใจ น่าจะไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจริงเป็น นายพอใจ นะครับ
เท่ห์มาก เหมาะกับยุค เศรษฐกิจพอเพียง
หรือไม่ก็มีแฟนใหม่ อีกคน มีตัวเล็กอีกคน แล้วตั้งชื่อ เด็กชายพอใจ จูเนียร์
พันธุวิศวกรรม แบบนี้ ผมว่า น่าอนุรักษ์ไว้ครับ
เท่ห์มาก เหมาะกับยุค เศรษฐกิจพอเพียง
หรือไม่ก็มีแฟนใหม่ อีกคน มีตัวเล็กอีกคน แล้วตั้งชื่อ เด็กชายพอใจ จูเนียร์
พันธุวิศวกรรม แบบนี้ ผมว่า น่าอนุรักษ์ไว้ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 478
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 40
พี่ๆครับผมชอบกระทู้นี้จังเลยครับ ทำให้รู้เรื่องธรรมะมากขึ้น ตอนนี้กำลังหัดนั่งสมาธิอยู่ครับ
ยายของผมไปวัดทุกวันอาทิตย์ครับ เดี๋ยวนี้ถ้าอาทิตย์ไหนผมว่างๆจะไปกับยายด้วย(ตอนแรกๆที่ไปก็เพราะตามไปดูแลเค้าน่ะครับ)ผมรู้สึกว่าไปวัดและก็หัดนั่งสมาธิทำให้เรามีสติมาขึ้น ฟุ้งซ่านน้อยลง แล้วศีลแต่ละข้อมีประโยชน์ทั้งนั้นครับถ้าเราทำตาม
ไว้วันหลังจะมาโพสต์วิธีนั่งสมาธิแบบที่ยายผมสอน
ยายของผมไปวัดทุกวันอาทิตย์ครับ เดี๋ยวนี้ถ้าอาทิตย์ไหนผมว่างๆจะไปกับยายด้วย(ตอนแรกๆที่ไปก็เพราะตามไปดูแลเค้าน่ะครับ)ผมรู้สึกว่าไปวัดและก็หัดนั่งสมาธิทำให้เรามีสติมาขึ้น ฟุ้งซ่านน้อยลง แล้วศีลแต่ละข้อมีประโยชน์ทั้งนั้นครับถ้าเราทำตาม
ไว้วันหลังจะมาโพสต์วิธีนั่งสมาธิแบบที่ยายผมสอน

- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 41
8) อ้าวๆ คบกันดีๆ ยุให้ผมหัวแตกแล้วไหมล่ะJeng เขียน:ผมว่าพี่พอใจ น่าจะไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อจริงเป็น นายพอใจ นะครับ
เท่ห์มาก เหมาะกับยุค เศรษฐกิจพอเพียง
หรือไม่ก็มีแฟนใหม่ อีกคน มีตัวเล็กอีกคน แล้วตั้งชื่อ เด็กชายพอใจ จูเนียร์
พันธุวิศวกรรม แบบนี้ ผมว่า น่าอนุรักษ์ไว้ครับ
ซ้อผมขาประจำเวบนี้เหมือนกันนะครับ
ผมก็ว่าไม่เห็นอ่านแล้วแกได้อะไร
ทำอะไรก็มาถามผมทุกที
ซ้อแกก็ไม่ว่าไร เห็นยิ้มๆทุกที
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 42
โค้ด: เลือกทั้งหมด
พี่เจ๋งครับ
ผมว่าถ้าลึกลงไปถึงขึ้นอภิธรรมนี่ มันละเอียดเกินไปรึเปล่า
เวลาจริงจะไปพิจารณาทันเหรอครับ
ผมว่า มันทำให้งงมากขึ้นกว่าเดิม
เอาแค่ง่ายๆยังทำไม่ค่อยจะได้เลย
เช่นนิวรณ์ 5 มี
๑. กามฉันทนิวรณ์ การติดในกามคุณอารมณ์ เช่นรูป รส กลิ่นเสียง ทางแก้คือ เอกัคคตา
๒. พยาปาทนิวรณ์ ทางแก้คือ ปีติ
๓. ถีนมิทธนิวรณ์ หดหู่ ท้อถอย ไม่ใส่ใจ ทางแก้คือ วิตก
๔. อุทธัจจกุกกุจจนิวรณ์ ฟุ้งซ่าน รำคาญใจ ทางแก้คือ สุข
๕. วิจิกิจฉานิวรณ์ ความสงสัยไม่แน่ใจ ทางแก้คือ วิจาร
ทีนี้พอฟังพระท่านว่าไปเรื่อยๆ เช่น วิตก วิจาร พี่ก็นึกว่า วิตก ก็คือ วิตกจริต วิจาร คือนินทา แต่จริงๆไม่ใช่อะครับ
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 44
ยกตัวอย่าง
๓. ถีนมิทธนิวรณ์ หดหู่ ท้อถอย ไม่ใส่ใจ ทางแก้คือ วิตก
การข่มนิวรณ์ด้วยองค์ของฌานทั้ง ๕ มีดังนี้
๑. วิตก คือการยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ เริ่มแรกทำฌานต้องมีสิ่งสำหรับเพ่ง เป็นต้นว่า ใช้ดินมาทำกสิน แล้วยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ คือการเพ่งดวงกสิณ โดยไม่ให้จิตใจ ไปนึกคิดเรื่องราวต่าง ๆ ถ้าจิตนึกคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ จิตก็จะตกไปจากการเพ่งดวงกสิณ ต้องยกจิตขึ้นสู่การเพ่งใหม่ จิตจะต้องเพ่งอยู่กับดวงกสิณตลอดเวลา เมื่อจิตเกิดความท้อถอย ความง่วง (ถีนมิทธะ) ก็จะเข้าครอบงำจิตใจได้ (วิตกเจตสิก ข่มถีนมิทธเจตสิก)
๓. ถีนมิทธนิวรณ์ หดหู่ ท้อถอย ไม่ใส่ใจ ทางแก้คือ วิตก
การข่มนิวรณ์ด้วยองค์ของฌานทั้ง ๕ มีดังนี้
๑. วิตก คือการยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ เริ่มแรกทำฌานต้องมีสิ่งสำหรับเพ่ง เป็นต้นว่า ใช้ดินมาทำกสิน แล้วยกจิตขึ้นสู่อารมณ์ คือการเพ่งดวงกสิณ โดยไม่ให้จิตใจ ไปนึกคิดเรื่องราวต่าง ๆ ถ้าจิตนึกคิดเรื่องราวต่าง ๆ อยู่ จิตก็จะตกไปจากการเพ่งดวงกสิณ ต้องยกจิตขึ้นสู่การเพ่งใหม่ จิตจะต้องเพ่งอยู่กับดวงกสิณตลอดเวลา เมื่อจิตเกิดความท้อถอย ความง่วง (ถีนมิทธะ) ก็จะเข้าครอบงำจิตใจได้ (วิตกเจตสิก ข่มถีนมิทธเจตสิก)
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 45
๑. กามฉันทนิวรณ์ การติดในกามคุณอารมณ์ เช่นรูป รส กลิ่นเสียง ทางแก้คือ เอกัคคตา
๕. เอกัคคตา คือจิตที่มีสมาธิแน่วแน่ ในอารมณ์เดียว คือจะแน่วแน่อยู่ในอารมณ์ที่เพ่ง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เอกัคคตามี ๓ ระดับ คือ
๑) ขณิกสมาธิ หรือบริกรรมสมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ได้ชั่วขณะ หรือเป็นสมาธิ ขณะบริกรรม ว่าปฐวี ๆ เป็นต้น
๒) อุปจารสมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ใกล้จะได้ฌาน
๓) อัปปนาสมาธิ คือ จิตตั้งมั่น หรือแนบแน่น อยู่ในอารมณ์ที่กำหนด ไม่ซัดส่ายไปไหน กิเลสไม่สามารถรบกวนได้ และอัปปนาสมาธิ ก็คือ ฌานจิต ที่เป็นอัปปนา เกิดขึ้นแล้ว
๕. เอกัคคตา คือจิตที่มีสมาธิแน่วแน่ ในอารมณ์เดียว คือจะแน่วแน่อยู่ในอารมณ์ที่เพ่ง เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เอกัคคตามี ๓ ระดับ คือ
๑) ขณิกสมาธิ หรือบริกรรมสมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ได้ชั่วขณะ หรือเป็นสมาธิ ขณะบริกรรม ว่าปฐวี ๆ เป็นต้น
๒) อุปจารสมาธิ คือ จิตที่ตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์ใกล้จะได้ฌาน
๓) อัปปนาสมาธิ คือ จิตตั้งมั่น หรือแนบแน่น อยู่ในอารมณ์ที่กำหนด ไม่ซัดส่ายไปไหน กิเลสไม่สามารถรบกวนได้ และอัปปนาสมาธิ ก็คือ ฌานจิต ที่เป็นอัปปนา เกิดขึ้นแล้ว
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 47
สรุปตามความเข้าใจตอนนี้ว่า
นิวรณ์ 5 นั้น
1. กามฉันทะ แก้ได้โดย เอกัคคตา ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นความเพียร ความตั้งใจ โดยการใช้ สมถะกรรมฐาน หรือ วิปัสนากรรมฐาน ผลที่ได้คือ กามฉันทะ คือการติด ในรูป รส กลิ่น เสียง จะลดลง
ตัวอย่าง การติดบุหรี่ เมื่อไรว่างก็สูบทุกที พอเข้าวัด เดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่ต้องสูบก็ได้ เพราะเอกัคคตา
นิวรณ์ 5 นั้น
1. กามฉันทะ แก้ได้โดย เอกัคคตา ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเอง แต่เป็นความเพียร ความตั้งใจ โดยการใช้ สมถะกรรมฐาน หรือ วิปัสนากรรมฐาน ผลที่ได้คือ กามฉันทะ คือการติด ในรูป รส กลิ่น เสียง จะลดลง
ตัวอย่าง การติดบุหรี่ เมื่อไรว่างก็สูบทุกที พอเข้าวัด เดินจงกรม นั่งสมาธิ ไม่ต้องสูบก็ได้ เพราะเอกัคคตา
- naris
- Verified User
- โพสต์: 6726
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 49
ไม่มีความเสียดายในทรัพย์สิน แต่ว้าวุ่นใจพิลึก อยากได้ของถูก แต่ก็กลัวซื้อแพงJeng เขียน:วันนี้หุ้น -140 แล้วเด้งมาปิด 108 จุด หลายคนขวัญกระจาย สติ ไม่อยู่กับตัว
แต่อย่างไรก็ตามหุ้นขึ้น แล้วก็ลง หุ้นลงแล้วก็ขึ้น
วันนี้เป็นวันที่สอง ที่ผมรักษาศิล
ตื่นมาตอนเช้า เดินจงกรม นั่งสมาธิ
เขามาห้องนี้สบายใจที่สุดในtviครับ
ว่าแต่มาทวงสัญญาพี่ถึงห้องนี้ครับ

ราคาระยะสั้นตามข่าว--ราคาระยะยาวตามผลกำไร
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 50
สมัยก่อนตอนผมสอน 50 คน ผมเลือกหุ้น มา 4 ตัว
เช่น pttep
มีน้องๆถาม ว่า จะได้เหรอราคานั้น ผมก็ตอบว่า ได้ซิ เวลาที่เค๊าลงมา จะมาพร้อมข่าวร้าย แล้วเราจะกล้าซื้อหรือเป่า
วันนี้ลงลึกไปถึง 77 ครับ คุณนริส
เช่น pttep
โค้ด: เลือกทั้งหมด
Case study pttep
2001 eps 16.71
2002 eps 18.54
2003 eps 18.44
2004 eps 24.31
2005 eps 36.29
4 ปีที่ผ่านมา eps pttep โต 21.39 % ยึดหลักคอนเซอร์เวทีฟ สมมุติว่า pttep โตต่อไปอีก 5 ปี ปีละ 15 % นั่นหมายถึง ปี 2010 eps pttep เท่ากับ 72.99
ในปี 2010 สมมุติว่า pttep เทรดที่ PE 15 ราคาจะเท่ากับ 1094.85
ถ้าเราต้องการผลตอบแทนการลงทุน เท่ากับ 20 % ต่อปี ตลอดระยะเวลา 5 ปี ณ ปัจจุบันไปถึงปี 2010
เราจะต้องซื้อ pttep ณ เวลานี้ที่ราคาเท่าไร
คำตอบ คือ 439.99 หรือ 87.99
ถ้าเราซื้อ ทีราคาปัจจุบัน 136 แล้วถือไป 5 ปี ราคาจะเป็น 1094.85/5 เท่ากับ 218.97 เราก็ยังคงได้ผลตอบแทน 9.99 % คิดเป็นดอกเบี้ยทบต้น และนั่นคือการตั้งสมมุติฐานว่า pttep กำไรโต 15 % ตลอดระยะเวลา 5 ปีนะครับ
หมายเหตุ อย่างไรก็ตาม เราต้อง bet ว่า กำไรโต 15 % ตลอด 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถ้าไม่โตตามนั้น เราจะเสี่ยงมาก ถ้าเป็นผม ผมจะเลือกหุ้นที่ได้ผลตอบแทนนะวันนี้ ผมพอใจ ในกรณีถ้ามีการโต ก็เป็นของแถม ซึ่งในกรณี pttep ซื้อราคา 136 คูณ 3274.66 ล้านหุ้น ราคาทั้งบริษัท 445353.76 ล้านบาท กำไร 23,734 ล้านบาท เท่ากับผลตอบแทน 5.32 %
ถ้าเป็นผม ผมรอราคา ให้ได้ผลตอบแทน ซัก 8 % 10 % เป็นอย่างน้อย สำหรับหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโต 15 %
นั้นหมายถึงผมจะรอราคา 90-72.47 บาทครับ
ผลตอบแทนการลงทุนในอดีต
ถ้าคุณซื้อ pttep ในราคา 142 ในปี 2001 และถือมา 4 ปี ในปี 2005 ซึ่งเทรดกันที่ 675 หรือ 135 คุณจะได้รับผลตอบแทน 47.65 % ทบต้น ไม่รวมปันผล 6 + 6.75 + 6.75 + 9 + 5.5 + 8 = 42 บาท เท่ากับ 29.57 %
วันนี้ลงลึกไปถึง 77 ครับ คุณนริส
-
- Verified User
- โพสต์: 312
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 56
มาชื่นชมคุณเจ๋ง เก่งทั้งทางโลกและทางธรรม ขอให้สำเร็จยิ่งๆขึ้นนะครับ
เรื่องโวยวายนี่ บางทีเหมือนกับเราเป็นคนดี(สงบ)แล้วมันเหงา เลยออกมาเที่ยวเล่นหาเพื่อนคุย ไปมาพาลทะเลาะกัน โลกีย์วิสัยมันเป็นทุกข์เช่นนี้เอง
เหมือนอยู่ในนรกแต่เพื่อนเยอะ
เคยไปวัดหลวงปู่ชาที่อุบลฯ ท่านกำหนดเวลาพูดคุยกันให้น้อยๆ จะตัดปัญหาไปได้
เรื่องโวยวายนี่ บางทีเหมือนกับเราเป็นคนดี(สงบ)แล้วมันเหงา เลยออกมาเที่ยวเล่นหาเพื่อนคุย ไปมาพาลทะเลาะกัน โลกีย์วิสัยมันเป็นทุกข์เช่นนี้เอง
เหมือนอยู่ในนรกแต่เพื่อนเยอะ
เคยไปวัดหลวงปู่ชาที่อุบลฯ ท่านกำหนดเวลาพูดคุยกันให้น้อยๆ จะตัดปัญหาไปได้
การทำอะไรแบบเดิมๆเป็นเวลานานๆทำให้ชีวิตเสียหาย
-
- Verified User
- โพสต์: 715
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 57
เอาเว็บไซต์มาแนะนำ เพื่อนใน TVI นะครับ
http://www.wimutti.net/
มีคำเทศน์ของ หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านให้ download คือท่านจะสอน เรื่่องการเจริญวิปัสสนา แบบจิตนานุปัสสนาครับ ฟังง่ายครับ มาจากเทศน์ที่ท่านแสดงธรรมทุกวันเสาร์อาทิตย์ คุณอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่เขียนหนังสือเข็มทิศชีิวิต ตอนนี้ก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อปราโมทย์ครับ
http://www.wimutti.net/
มีคำเทศน์ของ หลวงพ่อปราโมทย์ ท่านให้ download คือท่านจะสอน เรื่่องการเจริญวิปัสสนา แบบจิตนานุปัสสนาครับ ฟังง่ายครับ มาจากเทศน์ที่ท่านแสดงธรรมทุกวันเสาร์อาทิตย์ คุณอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง ที่เขียนหนังสือเข็มทิศชีิวิต ตอนนี้ก็ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อปราโมทย์ครับ
-
- Verified User
- โพสต์: 1067
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 58
พี่เจ๋งครับ
ด้วยความอ่อนด้อยของผม มีข้อสงสัยดังนี้ครับ
ผมทราบมาว่า
วิปัสสนาสมาธิ จิตติดตามดูอยู่ที่ความเป็นไป คือไม่บังคับใช่ไหมครับ
ส่วนสมถะสมาธินั้น จิตติดตามดูที่ลมหายใจ กำหนด พุท-โธ
สมถะนี้ เราต้องบังคับลมหายใจ หรือว่าเราต้องติดตามลมหายใจครับ
ขอบคุณครับ
ด้วยความอ่อนด้อยของผม มีข้อสงสัยดังนี้ครับ
ผมทราบมาว่า
วิปัสสนาสมาธิ จิตติดตามดูอยู่ที่ความเป็นไป คือไม่บังคับใช่ไหมครับ
ส่วนสมถะสมาธินั้น จิตติดตามดูที่ลมหายใจ กำหนด พุท-โธ
สมถะนี้ เราต้องบังคับลมหายใจ หรือว่าเราต้องติดตามลมหายใจครับ
ขอบคุณครับ
... จุดเริ่มต้นของคนเราไม่สำคัญ
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
มันสำคัญที่ว่าเขาวิ่งได้เร็วแค่ไหนตะหาก ...
- por_jai
- Verified User
- โพสต์: 14338
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 59
8) ผมมีวิธีฝึกสมาธิไม่เหมือนใครCapo เขียน:พี่เจ๋งครับ
ด้วยความอ่อนด้อยของผม มีข้อสงสัยดังนี้ครับ
ผมทราบมาว่า
วิปัสสนาสมาธิ จิตติดตามดูอยู่ที่ความเป็นไป คือไม่บังคับใช่ไหมครับ
ส่วนสมถะสมาธินั้น จิตติดตามดูที่ลมหายใจ กำหนด พุท-โธ
สมถะนี้ เราต้องบังคับลมหายใจ หรือว่าเราต้องติดตามลมหายใจครับ
ขอบคุณครับ
เวลาวิ่งจ๊อกกิ้งประมาณ1ชั่วโมง
อาทิตย์ละ4วันคือเวลาที่ผมใช้ฝึกสมาธิ
คือผมเคยสังเกตุนะอะไรที่เราทำแล้วมีความสุข
แล้วจิตมันจะว่างๆ
ก็มีดนตรี กับกีฬา นี่แหละ
ผมไม่เคยบังคับลมหายใจครับ
ผมคอยตามอย่างเดียวเลยครับ
ลมหายใจบังคับได้ด้วยหรือครับ
แต่รออาจารย์เจ๋งมาตอบก็ดีนะครับ
หุ้นขึ้นหุ้นลงแกรู้ก่อน นี่ผมว่าไม่ธรรมดาแล้ว....
แกอาจจะถึงระดับบังคับลมหายใจได้แล้วก็เป็นได้...
กรูเก่ง กิเลสเก่งกว่า
-
- สมาชิกกิตติมศักดิ์
- โพสต์: 14783
- ผู้ติดตาม: 0
ความโกรธ ละได้
โพสต์ที่ 60
ตอบคุณ Capo ครับ
การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ มีสองแบบ เพื่อให้เกิดปัญญา
1. สมถะกรรมฐาน คือการดูไปที่ บัญญัติ คือ ชื่อของสิ่งต่างๆ ที่เราตั้งขึ้นมา เช่น กำหนด พุทโธ
2. วิปัสนากรรมฐาน เป็นการดูไปที่ ปรมัต คือ สภาพความเป็นจริง เช่น ลมหายใจ เข้าก็รู้ว่าเข้า ออกก็รู้ว่าออก เข้ายาวก็รู้ว่า เข้ายาว ออกยาวก็รู้ว่าออกยาว เป็นต้น
วิปัสสนาสมาธิ จิตติดตามดูอยู่ที่ความเป็นไป คือไม่บังคับใช่ไหมครับ
วิปัสสนากรรมฐานนั้น ตามหลักพระพุทธเจ้า คือสติปัฎฐาน 4 คือเราดู กาย เวทนา จิต และธรรม
เราดูในลักษณะเห็นความเป็นไป โดยไม่บังคับ ถูกต้องแล้วครับ
เราดูไปเรื่อยๆ จะเห็น ไตรลักษณ์ ซึ่งพี่ยังทำไม่ได้นะ กำลังดูๆ อยู่
ส่วนสมถะกรรมฐานนั้น จิตติดตามดูที่ลมหายใจ กำหนด พุท-โธ
จิตติดตามดูที่ลมหายใจ เข้าออก เห็นสภาพความเป็นจริงนั้น เป็นวิปัสสนาครับ
ถ้าเราไปกำหนดลมหายใจเข้าออก ให้เท่าๆกัน เข้า ออก อันนี้ เราจะอึดอัดครับ
เพราะฉะนั้นสมถะกรรมต้องกำหนด สิ่งที่ เป็นบัญญัติ คือ เป็นชื่อเรียก เช่น พุท-โธ หรืออะไร ก็ได้ เช่น ดิน ดิน
สังเกต ว่า คำว่า พุทขโธ หรือ ดิน ดิน ไปเรื่อยๆ นั้น ไมมีไตรลักษณ์ เพราะเปป็นแค่ บัญญัติครับ
การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ มีสองแบบ เพื่อให้เกิดปัญญา
1. สมถะกรรมฐาน คือการดูไปที่ บัญญัติ คือ ชื่อของสิ่งต่างๆ ที่เราตั้งขึ้นมา เช่น กำหนด พุทโธ
2. วิปัสนากรรมฐาน เป็นการดูไปที่ ปรมัต คือ สภาพความเป็นจริง เช่น ลมหายใจ เข้าก็รู้ว่าเข้า ออกก็รู้ว่าออก เข้ายาวก็รู้ว่า เข้ายาว ออกยาวก็รู้ว่าออกยาว เป็นต้น
โค้ด: เลือกทั้งหมด
ผมทราบมาว่า
วิปัสสนาสมาธิ จิตติดตามดูอยู่ที่ความเป็นไป คือไม่บังคับใช่ไหมครับ
ส่วนสมถะสมาธินั้น จิตติดตามดูที่ลมหายใจ กำหนด พุท-โธ
สมถะนี้ เราต้องบังคับลมหายใจ หรือว่าเราต้องติดตามลมหายใจครับ
วิปัสสนากรรมฐานนั้น ตามหลักพระพุทธเจ้า คือสติปัฎฐาน 4 คือเราดู กาย เวทนา จิต และธรรม
เราดูในลักษณะเห็นความเป็นไป โดยไม่บังคับ ถูกต้องแล้วครับ
เราดูไปเรื่อยๆ จะเห็น ไตรลักษณ์ ซึ่งพี่ยังทำไม่ได้นะ กำลังดูๆ อยู่
ส่วนสมถะกรรมฐานนั้น จิตติดตามดูที่ลมหายใจ กำหนด พุท-โธ
จิตติดตามดูที่ลมหายใจ เข้าออก เห็นสภาพความเป็นจริงนั้น เป็นวิปัสสนาครับ
ถ้าเราไปกำหนดลมหายใจเข้าออก ให้เท่าๆกัน เข้า ออก อันนี้ เราจะอึดอัดครับ
เพราะฉะนั้นสมถะกรรมต้องกำหนด สิ่งที่ เป็นบัญญัติ คือ เป็นชื่อเรียก เช่น พุท-โธ หรืออะไร ก็ได้ เช่น ดิน ดิน
สังเกต ว่า คำว่า พุทขโธ หรือ ดิน ดิน ไปเรื่อยๆ นั้น ไมมีไตรลักษณ์ เพราะเปป็นแค่ บัญญัติครับ