กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--รอยเตอร์
**ต่างประเทศ
*ตลาดหุ้นสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันศุกร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ ปิดบวก 0.37% ขณะที่
ได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า นักการเมืองสหรัฐจะหาทางออกร่วมกันได้ในการแก้ไข
วิกฤติหน้าผาการคลัง(fiscal cliff) แม้การปรับขึ้นของตลาดไม่เพียงพอที่จะ
ชดเชยการร่วงลงในสัปดาห์นี้ก็ตาม
*เมื่อวันศุกร์ ตลาดหุ้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปิดทรงตัวถึงปรับลดลง โดยความกังวล
เกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกจากภาวะการคลังของสหรัฐ และวิกฤติหนี้ในยูโรโซน เป็น
ปัจจัยถ่วงสินทรัพย์เสี่ยงในภูมิภาค โดยตลาดหุ้นมาเลเซียและเวียดนามปรับตัวลง
ขณะที่สิงคโปร์ปิดทรงตัว ส่วนฟิลิปปินส์ ปิดในแดนบวก
*ราคาน้ำมันดิบในตลาดล่วงหน้า NYMEX ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดเมื่อวันศุกร์ บวก 1.22
ดอลลาร์ มาที่ 86.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่เหตุเพลิงไหม้ที่แท่นผลิตน้ำมันใน
อ่าวเม็กซิโก และความขัดแย้งที่ลุกลามระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตนส์ ทำให้
เกิดความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมัน
*ดัชนีค่าระวางเรือ(Baltic Dry Index) ปิดวันศุกร์ (16 พ.ย.) บวก 12 จุด
หรือ 1.17% สู่ระดับ 1036 ขณะที่ระดับสูงสุดของปีนี้อยู่ที่ 1624 และระดับต่ำสุด
ของปีนี้อยู่ที่ 647
*ทำเนียบขาวเปิดเผยในวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา
จะประชุมกับผู้นำสภาคองเกรสอีกครั้งในวันศุกร์ที่ 23 พ.ย.หลังวันหยุดเทศกาลขอบคุณ
พระเจ้า เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางหลีกเลี่ยงวิกฤติหน้าผาการคลังหรือ fiscal
cliff ซึ่งหากสภาคองเกรสและทำเนียบขาวไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการลดหนี้
และยอดขาดดุลงบประมาณภายในสิ้นปีนี้ ก็จะส่งผลให้ต้องมีการปรับลดค่าใช้จ่ายลง
อย่างมาก และมีการปรับขึ้นภาษี ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
*ผู้นำพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรสของสหรัฐยืนยันหลังจาก
ประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมงกับประธานาธิบดีบารัค โอบามาเมื่อวันศุกร์ว่า พวกเขา
จะหาทางออกร่วมกันเกี่ยวกับเรื่องภาษีและการใช้จ่าย ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถ
หลีกเลี่ยงปัญหา fiscal cliff ได้
**เศรษฐกิจทั่วไป
*วันนี้สภาพัฒน์จะเปิดเผยตัวเลขจีดีพี ประจำไตรมาส 3/55 ซึ่งโพลล์รอยเตอร์ คาดว่า
จะโตเพียง 0.6% ต่ำสุดปีนี้ ซึ่งภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบต่อการส่งออก
และผลผลิตทางอุตสาหกรรม ขณะที่การบริโภคในประเทศ และการลงทุนลดลง
*สบน.มีแผนออกพันธบัตรรัฐบาลวงเงินประมาณ 5 แสนลบ.ในปีงบประมาณ 56(ต.ค.55-
ก.ย.56) จากความต้องการระดมทุนในปีงบประมาณ 56 ทั้งหมดราว 1.095 ล้านลบ.
ขณะที่คาดว่า ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ(ต.ค.-ธ.ค.55) จะออกพันธบัตรรัฐบาล
ราว 1.1 แสนลบ.จากตารางประมูลพันธบัตร ที่ประกาศไว้ 1.5 แสนลบ.
*นิด้าโพล เผยประชาชน 48.04% ระบุว่าการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท/วัน อาจมีผล
ทำให้ผู้ประกอบการหรือนายจ้าง เลิกจ้างงานแรงงานไทย เพราะนายจ้างหันไปใช้
แรงงานต่างด้าวที่มีค่าแรงถูกกว่า และมีความอดทนมากกว่าแรงงานไทย
*บลจ.วรรณ แนะนักลงทุนขยับความเสี่ยงของพอร์ต ด้วยการเพิ่มสัดส่วนลงทุนในหุ้นมาก
ขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทน ในช่วงที่อัตราผลตอบแทนตราสารหนี้อยู่ในระดับต่ำ
โดยมองว่าตลาดหุ้นไทยที่ปรับฐานในช่วงนี้ เป็นโอกาสเข้าลงทุน เพื่อรอรับการปรับขึ้น
ในปีหน้า ที่นักวิเคราะห์มองว่าดัชนีอาจไปถึง 1,450 จุด
*กรุงเทพโพลล์ เผยผลสำรวจความเห็นนักเศรษฐศาสตร์คาดเศรษฐกิจไทยในปี 56 จะ
เติบโตในระดับ 4.6% โดยการส่งออกจะขยายตัวได้ 6.8% ขณะที่ภาวะเศรษฐกิจโลก
ในภาพรวม ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุดสำหรับเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ผลสำรวจยังพบว่า
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าจะอยู่ใน ทิศทางขาขึ้นเมื่อเทียบกับปีนี้ โดย
คาดว่าจุดสูงสุดของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 56 จะอยู่ที่ 1,400 จุด
*ธปท.เผย ในปี 56 กนง.จะยังใช้กรอบอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เป็นเป้าหมายในการดำเนิน
นโยบายการเงินต่อไป หลังจากกระทรวงการคลังขอเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อให้การ
ปรับโครงสร้างราคาพลังงาน มีความชัดเจนก่อน
*บีโอไอเดินหน้าดึงอุตสาหกรรมแปรรูปยาง เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ จีนเข้าไทย แนะ
รัฐหนุน เอสเอ็มอีลงทุนแดนมังกร ด้านกระทรวงอุตฯ เชื่อจีนหวังไทยเป็นฐานบุกตลาด
เออีซี เผยหารือร่วม "เวิน เจีย เป่า" ไม่มีกรอบความร่วมมือสำคัญ เหตุผู้นำจีนใกล้
หมดวาระ(นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
*ยิ่งลักษณ์แถลงการณ์ร่วม โอบามา ประกาศเจตนารมณ์ร่วมทีพีพี การเดินทางมาเยือนไทย
อย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสหรัฐโอบามาระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย. ได้มีการ
หารือทวิภาคีกับ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังการหารือทั้งสองผู้นำได้
เปิดแถลงการณ์ร่วมกัน(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ ธปท.เริ่มติดตามสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองอย่าง
ใกล้ชิด โดยมองว่าปัจจัยความไม่สงบทางการเมืองก็ถือเป็นความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจ
และความเคลื่อนไหวทางการเมืองใกล้กับกำหนดการประชุมกนง. ในวันที่ 28 พ.ย.นี้
จะมีการยกประเด็นการชุมนุมขับไล่รัฐบาลขององค์การพิทักษ์สยาม เข้าไปประกอบการ
ตัดสินใจในแง่เศรษฐกิจและนโยบายการเงินในระยะต่อไปด้วย (นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*รองประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า กกร.จะหารือวันนี้ถึงมาตรการช่วย
เหลือภาคเอกชน หลังจากที่รัฐบาลปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาททั่วประเทศ ที่จะมีผล
วันที่ 1 ม.ค.56 เพิ่มเติม หลังจาก 27 มาตรการที่รัฐบาลทำออกมาเพื่อช่วยเหลือ
นั้น ไม่ได้ประสิทธิภาพ โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ไม่สามารถเข้าถึงมาตรการช่วย
เหลือได้ (นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*ประธานนายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ เปิดเผยว่า เตรียมหารือสมาชิกถึงผลกระทบการ
ตรึงราคาอาหารสัตว์ที่ทำต่อเนื่องมานานถึง 5 ปี เพื่อนำข้อสรุปไปเสนอรมว.พาณิชย์
ภายในเดือน พ.ย.นี้ หามาตรการช่วยเหลือผู้ผลิต(นสพ.โพสต์ทูเดย์)
*แบงก์ห่วงจีเอสพีทำภาคเอกชนไทยวิตกกังวลมากกว่าทีพีพี กระตุ้นรัฐเร่งเจรจาข้อตกลง
การค้าเสรีไทย-อียู หวัง ส่งเสริมการค้าระหว่างสองประเทศมากขึ้น พร้อมชดเชยความ
เสียหายอาจเกิดจากจีเอสพีทีอียูให้ผู้ส่งออกไทยหมดอายุลง (นสพ.กรุงเทพธุรกิจ)
**การเมือง
*"จตุพร" ระบุว่าได้สั่งห้ามมวลชนเสื้อแดงเคลื่อนไหวใดๆ ที่จะเป็นการต่อต้านกลุ่ม
องค์การพิทักษ์สยาม แต่ให้รอแกนนำประเมินสถานการณ์ ขณะที่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม
ส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงจุดยืนในการชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย.ว่า เป็น
ไปตามกรอบของกฎหมาย และปราศจากอาวุธ
*รมว.มหาดไทย ระบุว่า รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคง
ภายในราชอาณาจักร เพื่อดูแลการชุมนุม ของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ในวันที่ 24
พ.ย.นี้ เนื่องจากสถานการณ์ไม่อยู่ในภาวะปกติ และการปฎิบัติหน้าที่ของตำรวจ
จะได้มีกฎหมายรองรับ
*นิด้าโพลเผยผลสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ 56.13% ไม่อยากเห็นส.ส.ทั้ง
ฝ่ายค้านและรัฐบาล พูดจาในเชิงยั่วยุเสียดสี สาดโคลนใส่กัน ในการอภิปรายไม่ไว้
วางใจรัฐบาลที่จะมีขึ้นในปลายเดือนพ.ย.นี้
*พรรคเพื่อไทย ขู่นักการเมือง-พรรคเอี่ยวขนคนร่วมชุมนุมกับ"เสธ.อ้าย" อาจผิดถึง
ขั้นยุบพรรค แนะเจ้าหน้าที่ติดกล้องวงจรปิดควบคุมม็อบ ด้าน"เสธ.อ้าย"ปล่อยขบวน
คาราวาน ชวนคนกรุงร่วมชุมนุม 24 พ.ย. ยันไม่เคยพูดปิดประเทศ(นสพ.กรุงเทพ
ธุรกิจ)
