บริหารชีวิตและลงทุนอย่างหมอ FON ^^

[Todo]

รัก
นับถือ
เป็นกำลังใจ
ต่อไปนี้จะทำความเลวอะไรคงต้องนึกถึง คนชื่อ "ฝน"

มาแนวจีบ ชัดเจน  :?  :?

[theerasak24]

เห็นตัวเป็นๆ แล้วครับ นิสัยดีมากครับ วิเคราะห์และถามได้ตรงประเด็นดีครับ

[Fon^^]

nanchan

การมองdownsideผมว่าเป็นการพัฒนาวิธีการช่วยบริหารพอร์ตและอารมณ์ได้ด้วยนะ

ฝนตามอ่านในมวยวัด พี่ nanchan สุดยอดมากมาย พี่มีการจัดระเบียบความคิดยังไงคะ ให้ technical กับ fundamental ไม่ตีกันในสมอง ฝนเคยดูกราฟช่วงสั้นๆของชีวิต และได้คุณฮงเป็นแรงบันดาลใจดู fund flow ค่ะ แต่อ่านเท่าใหร่ก็ยังไม่รู้เรื่อง ยิ่งอ่านยิ่งสงสัยๆ ฝนคงไม่เก่งพอสำหรับ 2 ด้านนี้ พักใว้ก่อน ถ้าสมองไม่ขึ้นราจะเอามาอ่านอีกครั้ง ค่ะ  :lol:

การมอง downside ทำให้ฝนมีแนวรับที่แข็งแกร่งอารมณ์นั้นค่ะ (พูดกับเซียน nanchan ต้องแอบยืมศัพท์มาใช้ ) เวลาหุ้นลงอารมณ์เราจะได้นิ่ง ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะทุกข์เวลาหุ้นลง  เพราะมอง upside ไม่ได้มอง downside ค่ะ

แลกเปลี่ยนมุมมองหุ้นกับคุณ pwz  Anti-Aircraft  ที่ถามเวลามองหุ้นนะคะ ถ้าเห็นต่างยังไงแลกเปลี่ยนได้นะคะ
เล่าเรื่องเดิมที่ นักลงทุนแนว VI เชื่อว่าสำนักของอาจารย์แต่ละท่านคือ
1 Philip Fisher ที่ถือบริษัท super stock จะมองหาเฉพาะ perfect pitch  และถือตราบมันยังดี
2 Warran Buffett  ซึ่งเราเชื่อว่าเค้าลงทุนกิจการที่ดี และถือตราบเท่าที่มันยังดี
3 Peter Lynch คนที่มองหาโอกาสของบริษัทที่คนทั่วไปมองไม่เห็นเสมอ
4 Benjamin Graham  ที่เน้นความสำคัญของการวิเคราะห์เชิงปริมาณ มากกว่าคุณภาพของบริษัท
ถ้าฝนไปสมัครเป็นศิษย์แต่ละสำนัก คงไม่มีอาจารย์ท่านใดรับ เพราะไม่เก่งซักสำนัก  แฮ่ๆ  :oops:  :oops:  :oops:
จริงๆความสำคัญคือเราไม่ต้องฝืนเป็นเหมือนเบอร์ 2 ของใคร หาสิ่งที่เหมาะกับฝนและต้องรู้ว่าตัวเองกำไรทำอะไรค่ะ

[Fon^^]

ในส่วนของฝนตั้งแต่เข้ามาในตลาดครั้งแรก ไม่รู้อะไรเลย เวลาหุ้นลงหนักๆฝนจะมองตาปริบๆ ซื้อก็ไม่กล้าเพราะว่าไม่รู้จักบริษัทเค้า หลังจากนั้นก็เลยตั้งปณิธานว่า ความพร้อม  ฝนต้องพร้อมเมื่อโอกาสมาถึง และ เมื่อโอกาสมาถึงต้องกล้าลุยค่ะ  :twisted:
1. ขอบเขตความรู้ ( Circle of competence ) ใช่ๆ ฝนต้องขยายขอบเขตความรู้ หลังจากนั้นแยกหุ้นเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมก่อน ทำความรู้จักธรรมชาติของแต่ละอุตสาหกรรมค่ะ และเลือกอ่านรายงานประจำปี นั่งทำงบการเงินบริษัทหลายๆบริษัท สรุปทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณค่ะ
2. ประเมินมูลค่าหุ้นเหมือนที่เล่าข้างบนนะคะ ^^

[Fon^^]

ส่วนแนวทางการเลือกหุ้นฝนนะคะ
1.บริษัทที่ดีกลางๆในปัจจุบัน แต่มันถูกมากจนอดใจไม่ใหว ฮ่าๆ เพราะความไม่โดดเด่นของบริษัท หรือไม่ได้เป็นธุรกิจแห่งอนาคตค่ะ  แต่หุ้นแบบนี้มันจะ undervalue ตลอดเวลา  หุ้นแบบนี้มีเยอะในพอร์ตเชียว ฮ่าๆ ผลตอบแทนคาดหวัง 15% ต่อปียาวๆๆๆ (อาจจะไม่มากสำหรับเซียนแท้ๆนะคะ แต่ฝนกว่าจะหาได้ยากเชียว  :oops: )
2.ธุรกิจแห่งการเติบโต ซึ่งน่าจะมีมูลค่าจากการเติบโตของอุตสาหกรรม ตามพฤติกรรมผู้บริโภคและความสามารถในการแข่งขัน บริษัทแบบนี้คงแนวอาจารย์นิเวศน์  แต่ธุรกิจเติบโตเป็นจุดอ่อนของฝนเลยค่ะ  เพราะฝนจะมองเห็นว่าอุตสาหกรรมนี้โต เมื่อมันผ่านมาแล้ว  :la:
3.บริษัทที่ดีมากๆเกิดเหตุการณ์ย่ำแย่ชั่วคราว ทำให้เกิดความเข้าใจผิด
หุ้นแบบที่เกิดเหตุการณ์ย่ำแย่ชั่วคราว หรือ เกิดความเข้าใจผิดจะเป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่ศึกษาหุ้นเยอะ ยกตัวอย่างเช่นพี่โจ ที่สามารถหาโอกาสได้เสมอๆค่ะ  

การเลือกหุ้นแบบที่ 1 กับ 2 คงเป็นแนวหลักที่นักลงทุนหลายๆท่านวิเคราะห์และชำนาญกว่าฝนหลายท่านเชียวผ่านเลยละกัน แฮ่ๆ ^^

ยกตัวอย่างแบบที่ 3 โอกาสที่มักจะมาเป็นระยะๆและเป็นแนวฝนถนัดละกันนะคะ
เช่น หุ้นประกันภัยบางตัว  โดยธุรกิจประกันภัยจะมีรายได้และกำไร 2 ส่วนคือ 1 ส่วนธุรกิจหลักคือประกันภัย 2 รายได้จากการลงทุน
วันดีคืนร้ายตลาดหุ้นตกมากๆ โดยที่ธุรกิจหลักดำเนินการดีเสมอ แต่กฏบัญชีต้องตั้งด้อยค่าเงินลงทุนหรือสินทรัพย์ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายจากการด้อยค่า
โดยเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีที่ไม่ได้จ่ายจริง และเมื่อมรสุมผ่านไปทุกอย่างจะกลับมาเหมือนเดิม แต่ราคาหุ้นร่วงหลุดฟลอร์ลงไปรอแล้ว แบบนี้ชอบเชียว  :ep:

หรือหุ้นบางตัวที่มีกำไรจากธุรกิจหลักดีระยะยาวมากๆ แต่บังเอิญเค้าต้องตั้งด้อยค่าลูกหนี้สงสัยจะสูญหรือด้อยค่าสินทรัพย์จากธุรกิจรองที่มีสัดส่วนน้อยมากพอบวกกลับมาเป็นกำไรธุรกิจหลักปกติดีมากมาย  แต่ยังไม่มีใครมองเห็นแบบนี้ก็เป็นโอกาสค่ะ

เพราะบริษัทพวกนี้จะดีโดยพื้นฐาน ดังนั้นการที่พื้นฐานเปลี่ยนต้องใช้เวลา โดยที่เราต้องมั่นใจว่าเป็นเหตุการณ์ชั่วคราวเท่านั้นนะคะ
ซึ่งโอกาสแบบนี้จะผ่านมาหาเราเป็นระยะๆ  โดยที่ฝนจะต้องมีข้อมูลพร้อมเพื่อโอกาสจะได้ไม่หลุดลอยไปค่ะ   แต่ส่วนมากโอกาสก็หลุดหายประจำนะคะ    :'O

อันนี้ก็เป็นแนวทางใว้ให้พิจารณาเป็นทางเลือกนะคะ ผิดถูกประการใดแลกเปลี่ยนข้อมูลได้ค่ะ

[ซากคน]

1. ขอบเขตความรู้ ( Circle of competence ) ใช่ๆ ฝนต้องขยายขอบเขตความรู้ หลังจากนั้นแยกหุ้นเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมก่อน ทำความรู้จักธรรมชาติของแต่ละอุตสาหกรรมค่ะ และเลือกอ่านรายงานประจำปี นั่งทำงบการเงินบริษัทหลายๆบริษัท สรุปทั้งเชิงคุณภาพและปริมาณค่ะ

สำหรับการขยายขอบเขตความรู้  นี่คือ
- ทำความเข้าใจธุรกิจให้จบเป็นอุตสาหกรรมเป็นอย่างๆไป ใช่ไหมครับ
- เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราเคลียร์สำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จริงๆ  เพราะ
  หุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน  แต่กลับทำธุรกิจไม่เหมือนกัน อ่ะครับ
- จาก 2 ข้อนี้  การที่จะถือว่า เราเข้าใจจริงๆ นี่  คือ เราต้องรู้จักหุ้นทุกตัวใน
  อุตสาหกรรมนั้นๆ ป่าวครับ    :?:

สงสัยจริงๆ และสงสัยจนเนิ่นนานเกินไป  ช่วยด้วยครับ  :'O

[pansin]

Todo wrote:
pansin wrote:
รัก
นับถือ
เป็นกำลังใจ
ต่อไปนี้จะทำความเลวอะไรคงต้องนึกถึง คนชื่อ "ฝน"


มาแนวจีบ ชัดเจน    

ใช้สิทธิพาดพิงครับ  :oops:

ขอโทษ ทุกท่านด้วยครับ ที่ทำให้กระทู้ เลอะ (ออกนอกประเด็นอันควร)

พอดีอารมณ์ตอนนั้นนึกถึงน้องเขยที่สมัครไปรับใช้ 3 จังหวัด
ทำให้แว่บๆ ในใจ ปน สงสัย  :?:
ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่  
เคยทำความดีหรือเสียสละอะไรที่พอจะเอ่ยอ้างได้บ้าง  :?:
นึกไม่ออกเลย  :wall:  :'O

เลยรู้สึก รัก , นับถือ , ในน้ำใจของหมอฝน
แต่ผมคงช่วยอะไรหมอไม่ได้มากกว่าไปกว่า
ชื่นชม และเป็นกำลังใจให้ครับ

จบข่าว

[MaiFuen]

พี่ฝนคับ
ผมฟืน ที่เคยไปงานMeeting ภาคใต้พร้อมกับพี่ฮงช่วงปลายปีที่แล้วอะคับ

อยากบอกว่าตอนนั้นผมเห็นพี่แล้วรู้สึกว่าพี่เก่งมาก ขยันมาก

ทำให้ผมเห็นว่าคนอื่นๆเค้าพัฒนาตัวเองกันเรื่อยๆ และเร็วมาก

หลังจากผมกลับจากงานในครั้งนั้น ผมก็ตั้งใจพัฒนาความรู้ พัฒนาตนเองมาตลอด

ขอบคุณพี่ฝนที่ให้คำแนะนำ และแนะนำหนังสือให้อ่าน อีกทั้งเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับผมและ VI ที่มุ่งมั่นอีกหลายๆคนครับ

ขอบคุณพี่ๆVI ทุกๆคนที่มีน้ำใจแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ให้แก่น้องๆ

ปกติผมตามอ่านอย่างเดียว ไม่กล้าPostอะครับ วันนี้ขอถือโอกาสขอบคุณพี่ๆทุกคนเลยละกัน

ขอให้พี่ๆTHAIVI ทุกคนโชคดีครับ ขอบคุณครับ^^

[เด็กใหม่ไฟแรง]

หมอฝนครับ
หากจะเชืญมาออกรายการ มันนี่ทอล์ค นี่
เป็นไปได้ไหมครับ
แฟรแยะมาก
และชีวิต การงาน และชีวิตการลงทุนก็น่าสนใจมากครับ
ไพบูลย์

[เด็กใหม่ไฟแรง]

หมอฝนครับ
หากจะเชืญมาออกรายการ มันนี่ทอล์ค นี่
เป็นไปได้ไหมครับ
แฟรแยะมาก
และชีวิต การงาน และชีวิตการลงทุนก็น่าสนใจมากครับ

แฟรแยะมาก

หมายถึง แฟนแยะมากครับ

แทน อ.ไพบูลย์ครับ

[chada]

ขอมุงด้วยค่ะ

อิอิ

[jadear]

แฟรแยะมาก

หมายถึง แฟนแยะมากครับ

แทน อ.ไพบูลย์ครับ

หมอฝนไปออกรายการนะคะ ชีวิตน่าสนใจจริงๆคะ จะได้เป็นความรู้และกำลังใจให้คนอื่นๆด้วยคะ ...  :lol:

[hongvalue]

[quote="Fon^^"]ฝนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความผิดพลาดดีกว่าค่ะ

[jung_oh]

กระทุ้นี้ หนุ่มๆ เข้ามาอ่านตรึม

ขำดี

[WinterWind]

อ่านแล้วได้แนวความคิดดีครับ
ผมว่าผมก็อ่านหนังสือเยอะน่ะ แต่ไหงสรุปไม่ได้แบบนี้หว่า  - -'
ขออนุญาติ เอาเป็นตัวอย่างน่ะครับ
เป็นเป้าหมายในการพุ่งชน
ขอบคุณครับ

[stock77]

เคยเจอหมอฝนตอนมีทติ้งภาคใต้
ยอมรับเลยว่าเก่งและคิดว่าจะเป็น
นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จใน
อนาคตแน่นอน ขอฝากตัวด้วย

[poomctp]

คุณหมอฝนเก่งมากเลยครับ แนวคิดดีมาก ผมเองก็เริ่มต้นลงทุนด้วยพอร์ทเล็กเหมือนกัน เท่ากับคุณหมอฝนเด๊ะเลย  :D  จะพยายามให้ได้ซักเสี้ยวนึงของคุณหมอก็ยังดีนะครับ

[jilin22]

[quote="Fon^^"]
ถ้าฝนไปสมัครเป็นศิษย์แต่ละสำนัก คงไม่มีอาจารย์ท่านใดรับ เพราะไม่เก่งซักสำนัก

[neo_potato_Th]

รวยแล้วอย่าลืมผมนะ :lol:

[Fon^^]

Voldtrest

สำหรับการขยายขอบเขตความรู้  นี่คือ
- ทำความเข้าใจธุรกิจให้จบเป็นอุตสาหกรรมเป็นอย่างๆไป ใช่ไหมครับ

ฝนใช้วิธีนั้นนะคะ เช่นถ้าฝนอยากรู้หุ้นกลุ่มรพ. ก็จะโหลดรายงานประจำปีย้อนหลัง และงบการเงินมาดูแทบจะทุกบริษัท แต่ละบริษัทก็จะมีกลยุทธต่างกันค่ะ เสร็จแล้วจะเอามาสรุปรวบอีกทีค่ะ

- เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เราเคลียร์สำหรับธุรกิจในอุตสาหกรรมนี้จริงๆ  เพราะหุ้นในอุตสาหกรรมเดียวกัน  แต่กลับทำธุรกิจไม่เหมือนกัน อ่ะครับ

ฝนก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะว่าตอนนี้เคลียร์สำหรับอุตสาหกรรมนั้นรึเปล่า เพราะจริงๆแล้วฝนไม่รู้อะไรอีกมากมาย

- จาก 2 ข้อนี้  การที่จะถือว่า เราเข้าใจจริงๆ นี่  คือ เราต้องรู้จักหุ้นทุกตัวใน   อุตสาหกรรมนั้นๆ ป่าวครับ      

ส่วนมากฝนจะเลือกอุตสาหกรรมที่ถนัดคุ้นเคยก่อนค่ะ เช่นโรงพยาบาล ค้าปลีก ธุรกิจเกษตร เรียงไปเรื่อยๆ
เช่นกลุ่มรพ.ฝนก็จะอ่านแทบทุกบริษัทนะคะ

[Fon^^]

เช่นกลุ่มรพ.ฝนก็จะอ่านแทบทุกบริษัทนะคะ
                                                                                      โรงพยาบาล
             โรงพยาบาลลูกค้ามีกำลังจ่าย                             โรงพยาบาลระดับกลาง                     โรงพยาบาลระดับประกันสุขภาพและประกันสังคม
           เครือข่ายน้อย        เครือข่ายเยอะ                      เครือข่ายน้อย        เครือข่ายเยอะ               เครือข่ายน้อย                เครือข่ายเยอะ
                 BH                               BGH                       TNH                           KH  RAM                          AHC                       KH(ในอดีต)
กลุ่มลูกค้า : ลูกค้าต่างชาติ 50%   ลูกค้าต่างชาติ 50%    ลูกค้าไทยเงินสด       ลูกค้าไทยเงินสด            ลูกค้าประกันสังคมและเงินสด
กลยุทธ:      ลูกค้านำเข้า           ลูกค้าwalk in             ลูกค้าwalk in           ลูกค้าwalk in                  % เงินสด walk in : %ประกันสุขภาพ(สังคม)
การเติบโต   จากใช้สินทรัพย์       โตจากควบรวม          จากใช้สินทรัพย์       โตจากขยายสาขา               จากใช้สินทรัพย์               โตจากขยายสาขา
และอื่นๆมากมายๆๆๆๆๆ
จัดกลุ่มเสร็จแล้วก็อ่านค่อยๆ เข้าใจรายละเอียดแต่ละบริษัทไปเรื่อยๆค่ะ จะมีจุดต่างกันเล็กน้อยในแต่ละบริษัทไป
อันนี้เป็นวิธีแยกของฝนเองนะคะ เหตุผลเพราะว่าฝนจะแยกได้ว่าถ้ามีเหตุการณ์อะไรจะกระทบมีผลต่อรพ.ระยะสั้นหรือระยะยาวแล้วมีโอกาสให้ฝนเข้าไปมีส่วนร่วมยังไงค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น
1 การขยายสาขา จะกระทบบริษัทที่เครือข่ายน้อยทำให้ขาดทุนระยะหนึ่งก่อน  
2 การพึ่งพิงลูกค้าของแต่ละกลุ่ม วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ กลุ่มลูกค้าต่างประเทศโดนก่อน ซึ่งน่าจะเป็นลูกค้าต่างประเทศที่ walk in
ส่วน รพ.ที่มีฐานลูกค้าแข็งแกร่งกลุ่มโรงพยาบาลระดับประกันสุขภาพและประกันสังคม น่าจะไม่กระทบมาก  ถ้าหุ้นลงก็แฮ่ๆ ลุย
3 การเปลี่ยนฐานลูกค้าเช่น KH มีผลอย่างไรในระยะยาว
4 5 6 7 คิดใว้ก่อนค่ะ ถ้าเราเห็นว่าบริษัทของเราโอกาสโตระยะยาว หรือ มีโอกาสพิเศษเข้ามาหาเรา ลุยค่ะ

สรุปว่าอาศัยอึดค่ะ  :lol:  :lol:  :lol:

[moonchild]

นั่งแถวหน้ารอฟังครับ
ขอบคุณครับ

[Fon^^]

Anti-Aircraft

แปลว่าคุณฝนถืออยู่ 5 ตัวเท่านั้นเหรอคับ และหมายความว่าถ้าเจอตัวใหม่ที่ถูกใจ 1 ตัวก็จำเป็นต้องทิ้งตัวเก่าไป 1 ตัวด้วยรึป่าวครับ เพราะผมพบว่าการที่เราจำเป็นต้องทิ้งหุ้น 1 ตัวที่ศึกษามาอย่างดี เพื่อหุ้นอีกตัวที่น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า เป็นเรื่องที่ยากมากๆ ลักษณะพอร์ตของผู้เริ่มต้นจึงมักจะบานปลายจนตามไม่ไหว
ผมเริ่มจากพอร์ตเล็กกว่าคุณฝนมาก หลังจากผ่านมาได้ระยะเวลานึง พบว่าพอร์ตเล็กๆ นี่กระจายความเสี่ยงยากมาก เพราะทุกครั้งที่เงินเดือนเข้าสัดส่วนการถือหุ้นในพอร์ตก็จะ เปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ ตอนนี้ตัวใหญ่สุดมีขนาด 90 % ของพอร์ต ทำให้รู้สึกไม่สบายใจเป็นพักๆ กว่าจะหาหุ้นแต่ละตัวได้ก็ใช้เวลานาน ไม่ทราบว่าคุณฝนมีการบริหารพอร์ตในช่วงแรกอย่างไรบ้างครับ

ฝนเคยถือหุ้นตั้งแต่ 1 ตัวถึง 10 ตัวค่ะ แต่ก่อนฝน focus มาก ถือ 1 ตัวครึ่งปี 2 ตัวอีกครึ่งปี  เครียดมากๆ ชีวิตไม่มีความสุขเลยค่ะ กลับมานั่งคิด จุดหมายปลายทางสำคัญ  แต่อย่าลืมเก็บความสุขระหว่างการลงทุน ในเวป TVI จะมีท่านนึงที่ฝนติดตาม มักจะลงท้ายข้อความที่โพสว่า "มีความสุขกับการลงทุน"  ขอบคุณค่ะ  

เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาก็มีบทเรียนความผิดพลาดสำหรับการลงทุน focus มากเกินไป ถึงแม้ไม่ได้เกิดกับฝนเอง ต้องจดๆๆๆ ^^
สมมติตัวอย่างที่เพิ่งผ่านมาเช่น CPN ถึงแม้โอกาสเกิดน้อยมาก แต่ถ้าเกิดความเสียหายต่อพอร์ตเยอะมากค่ะ

ฝนจะมีหุ้นประมาณ 3-5 ตัวค่ะ อ้างอิงคำพูด Peter Lynch นะคะ หุ้นมักจะมีตัวที่ดีและตัวที่แย่ๆกว่าที่คิด ถ้าเจอหุ้นตัวใหม่ๆ ที่มี upside มากๆ downside ต่ำๆ โดยที่ฝนต้องรู้จักบริษัทใหม่ดีมากๆ ฝนจะขายตัวที่เหลือ upside น้อยที่สุดและเป็นบริษัทที่คาดการณ์แนวโน้มอนาคตยากๆไม่มีความสามาถในการแข่งขันออกก่อนค่ะ (ทำให้ต้องขายทารกหมูบ่อยมาก)  :oops:

เรื่องพอร์ตเล็กๆกระจายความเสี่ยงยาก อันนี้ฝนเห็นด้วยมากค่ะ เพราะเวลาปรับหุ้นครั้งนึงสะเทือนทั้งพอร์ต จุดอ่อนของฝนคือ ไม่สามารถมองขาดในธุรกิจแห่งอนาคตได้  
ฝนต้องทำสิ่งที่ตัวเองได้เปรียบคือความอึดในการหาหุ้น  และมุมมองฝนว่านักลงทุนเราก็เหมือนบริษัทค่ะ ถ้าเรียนรู้วิธีการใดๆแล้ว จะเปลี่ยนพื้นฐานยาก  ทำให้ฝนอยากเรียนรู้วิธีที่ทำให้สามารถมีความสุขในการลงทุน ผลตอบแทนพอสมควรในระยะยาวค่ะ
เผื่อพอร์ตโตๆ ตามคำอวยพรของฮง จะคุ้นเคยกับการลงทุนตัวเองค่ะ ฮ่าๆ   :lol:

[Baby Genius]

อยากให้คุณฝนออกรายการมันนี่ทอร์คครับ

[saichon]

ฝนเคยถือหุ้นตั้งแต่ 1 ตัวถึง 10 ตัวค่ะ แต่ก่อนฝน focus มาก ถือ 1 ตัวครึ่งปี 2 ตัวอีกครึ่งปี  เครียดมากๆ ชีวิตไม่มีความสุขเลยค่ะ กลับมานั่งคิด จุดหมายปลายทางสำคัญ  แต่อย่าลืมเก็บความสุขระหว่างการลงทุน ในเวป TVI จะมีท่านนึงที่ฝนติดตาม มักจะลงท้ายข้อความที่โพสว่า "มีความสุขกับการลงทุน"  ขอบคุณค่ะ  

เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาก็มีบทเรียนความผิดพลาดสำหรับการลงทุน focus มากเกินไป ถึงแม้ไม่ได้เกิดกับฝนเอง ต้องจดๆๆๆ ^^
สมมติตัวอย่างที่เพิ่งผ่านมาเช่น CPN ถึงแม้โอกาสเกิดน้อยมาก แต่ถ้าเกิดความเสียหายต่อพอร์ตเยอะมากค่ะ

ดีจังที่ได้อ่านประสบการณ์นี้ของคุณหมอ
ผมกำลังคิดเรื่องการถือหุ้นตัวเดียวอยู่พอดีครับ เนื่องจากเป็นหุ้นที่เรามั่นใจมากและ
คิดเอาเองว่าน่าจะมีอัพไซด์สูงกว่าตัวอื่นในพอร์ต
ถ้าเราถือตัวนี้ตัวเดียวและทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดมันจะทำให้พอร์ตเราโตเร็วมาก
แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าแล้วถ้ามันไม่เป็นไปตามคาดเราจะเป็นไง หรือในช่วงที่เราถือ
เราจะทนได้ไม๊ หากราคาหุ้นไม่ไปไหนหลายๆปี
ได้อ่านคำแนะนำของคุณหมอแล้ว ทำให้ตัดสินใจง่ายขึ้นเยอะเลยครับ
เราลงทุนอย่างมีความสุขดีกว่าครับ

ขอบคุณที่นำประสบการณ์ดีๆมาแชร์ครับคุณหมอ

[green-orange]

[quote="Fon^^"]ส่วนแนวทางการเลือกหุ้นฝนนะคะ
1.บริษัทที่ดีกลางๆในปัจจุบัน แต่มันถูกมากจนอดใจไม่ใหว ฮ่าๆ เพราะความไม่โดดเด่นของบริษัท หรือไม่ได้เป็นธุรกิจแห่งอนาคตค่ะ

[9dap]

ฝนจะมีหุ้นประมาณ 3-5 ตัวค่ะ อ้างอิงคำพูด Peter Lynch นะคะ หุ้นมักจะมีตัวที่ดีและตัวที่แย่ๆกว่าที่คิด ถ้าเจอหุ้นตัวใหม่ๆ ที่มี upside มากๆ downside ต่ำๆ โดยที่ฝนต้องรู้จักบริษัทใหม่ดีมากๆ ฝนจะขายตัวที่เหลือ upside น้อยที่สุดและเป็นบริษัทที่คาดการณ์แนวโน้มอนาคตยากๆไม่มีความสามาถในการแข่งขันออกก่อนค่ะ (ทำให้ต้องขายทารกหมูบ่อยมาก)  :oops:

มีคำถามครับ หากเราทุนน้อย ผมลง 50,000 บาท ผมจะถือ 3-5 ตัว ก็คงจะซื้อหุ้นลงทุนได้น้อย ตอนนี้เลยมีแค่ตัวเดียวครับ ยังไงไม่ดีใช่ใมหครับ

[dr.momo]

อยากถามมุมมองคุณหมอฝนกับโรงพยาบาลวิภาวดีครับ ขอบคุณครับ

[Fon^^]

9dap

มีคำถามครับ หากเราทุนน้อย ผมลง 50,000 บาท ผมจะถือ 3-5 ตัว ก็คงจะซื้อหุ้นลงทุนได้น้อย ตอนนี้เลยมีแค่ตัวเดียวครับ ยังไงไม่ดีใช่ใมหครับ

ข้อ 2)  กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม   ผมคิดว่าไม่ควรถือหุ้นเกิน 5-10 ตัว   การถือหุ้นจำนวนน้อยตัวเช่น 1-2 ตัวนั้นเป็นความเสี่ยงที่อาจจะเกิดการผิดพลาดร้ายแรงได้

อาจารย์นิเวศน์มาให้คำแนะนำพวกเราแล้ว ขอบคุณค่ะอาจารย์  

[Fon^^]

vi_tal signs

อยากสอบถามว่าจุดที่ยากที่สุดของการเป็น VI
ของหมอฝน  หรือที่หมอฝนคิดและผ่านมันไปได้คือ จุดไหนครับ  

ตอนนี้ฝนก็ยังไม่ผ่านการเป็นนักลงทุนที่ดีได้เลยนะคะ  เวลามีปัญหาใหม่ๆ สิ่งนั้นจะดูใหญ่และข้ามยากเสมอ แต่พอเรามองกลับมา เอ... เล็กนิดเดียว  :lol:
ตั้งแต่ฝนลงทุนมาแต่ก่อนคิดว่า งบการเงินค่ะ ยาขมเลย ต้องรู้  งบดุล งบกำไรขาดทุน งบกระแสเงินสด และความสัมพันธ์กันของงบค่ะ
ตอนนี้กลับคิดว่าการมองธุรกิจแห่งอนาคตให้ขาดเหมือนเซียนหลายๆท่าน ยากยิ่งกว่าค่ะ  :twisted:

ในมุมมองฝนนะคะ ว่าสำหรับคนที่เริ่มลงทุนไม่รู้ว่าจะอ่านอะไร เยอะแยะไปหมด (ในอดีตฝนเคยเป็นค่ะ ยังจำความรู้สึกตอนนั้นได้ )
สิ่งที่ฝนคิดว่าถ้าเราเลือกจะมาแนว vi สิ่งที่เราต้องรู้นะคะ  
1 business model 2 งบการเงิน และ financial analysis
ส่วนอย่างอื่นเป็นสิ่งที่เราควรรู้ค่ะ   :lol: